ถ้าพูดถึงเรื่องราวที่เรายังหาคำตอบไม่ได้ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบรอบตัวเรามันก็คงต้องบอกว่ามีอยู่หลายเรื่องเลยที่มันเป็นเรื่องที่เพื่อนเพื่อนจะต้องรู้สึกสับสนระหว่างสัญชาตญาณกับความรู้สึกบางอย่างหรือแค่ความบังเอิญ และนั้นเองที่เป็นสาเหตุให้คนทั่วไปมักเพิกเฉยต่อสัญชาตญาณที่ตนเองได้รับรู้ หรืออาจจะเป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการที่จะดูแปลกในสายตาของตัวเองและคนอื่นๆรอบรอบตัวก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีบางคนที่ตอนนี้ก็ยังคงพูดถึงเรื่องราวต่างๆ ในการใช้ชีวิตธรรมกาในแต่ละวันแต่ก็กลับเกิดเรื่องบังเอิญที่ทำให้เค้าต้องจดจำไปอีกนาน
ซึ่งเมื่อพวกเราลองหาอ่านกระทู้และเรื่องราวต่าง ๆ ที่มีการเขียนถึงสัมผัสที่หกบางละรวมไปถึงอะไรบางอย่างที่เราบอกไม่ถูกแต่มันก็ทำให้เพื่อนเพื่อนของเรานั้นผ่านเรื่องบางเรื่องมาได้ และพวกเราก็เชื่อว่าหลังจากเพื่อนเพื่อนได้อ่านด้วยแล้วก็ คุณก็จะคงยิ่งเพิ่มความสงสัย หรือ อาจจะหมดความสงสัยเกี่ยวกับการมีอยู่ของสัมผัสที่หกก็เป็นได้
เรื่องแรกคาดเข็มขัด
เรื่องนี้เกิดขึ้นนานมาแล้วตอนที่เรายังเพิ่งเริ่มขับรถใหม่ๆซึ่งแน่นอนอุปกรณ์ชิ้นเดียวที่เราไม่เคยใช้งานเลยนั้นก็คือเข็มขัดนิรภัย แต่มีอยู่วันหนึ่งก่อนที่เราจะขับรถออกไปตามปรกติเรารู้สึกเหมือนว่าที่นั่งนั้นไปพอดีเลยและต้องการที่จะทำให้มันรู้สึกแน่หนาขึ้นจึงลองคาดเข็มขัดดู ซึ่งไม่ถึงนาทีต่อหลังจากที่เราเคลื่อนรถออกมามาเราก็ถูกรถออกคันกระแทกที่ด้านหลังด้วยความเร็วประมาณ 60 ไมล์ต่อชั่วโมง ตอนที่มาทาบภายหลังว่าด้วยความเร็วของรถแบบนั้น ถ้าไม่ได้คาดเข็มขัดเราอาจจะกระเด็นออกจากที่นั่งทางกระจกหน้ารถได้เลย จนถึงตอนนี้เราก็คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง
เรื่องสองเอกสารสำคัญ
ทุกเช้าเราต้องออกไปรอรถบัสที่ป้ายรถประจำทางที่ห่างออกไปประมาณ 15 นาทีเพื่อขึ้นรถไปทำงาน แต่แล้ววันหนึ่งระหว่างที่เราเดินออกไปได้สัก 5 นาทีแม่ก็ร้องเรียกเราให้กลับมาอ่านจดหมายหรืออะไรบ้างอย่างก่อนเพราะมันมีตราปั้มว่าด่วนสีแดงที่ด้านหน้า พอเรากลับมาอ่านก็พบแค่ว่ามันเป็นใยปลิวลดราคาของร้านแถวนี้แค่นั้นเอง ซึ่งก็ทำให้เราหวุดหงิดนิดหน่อยและต้องรีบวิ่งออกไปเราเรากำลังไปขึ้นรถบัสไม่มันพอไปใกล้ถึงเราก็เห็นรถบัสกำลังออกจากป้ายไปต่อหน้าต่อตา ซึ่งเราต้องนั่งรออีกเกือบ 30 นาทีกว่าที่จะมีคันถัดไปเรานั่งบ่นกับตัวเองเรื่องเอกสารที่ต้องวิ่งกลับไปอ่านทำให้เราพลาดรถคันแรก จนรถบัสคันถัดขับมาถึงและหลังจากนั้นอีกสัก 20 นาทีเราก็ต้องมาเจอว่ารถทกุคันขับช้ามากมากพอขยับไปดูก็เห็นสาเหตุว่ามีรถ 18 ล้อเสียหลักจอดอยู่และรถบัสคันที่ฉันพลาดไปในตอนแรกก็จอดอยู่ใกล้ ซึ่งด้านหลังฝั่งคนขับยุบไปเลย ซึ่งถ้าฉันขึ้นรถบัสคันนั้น ฉันคงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว มันยังคงเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันนึกถึงเสมอว่าใบปลิวลดราคามันเป็นเอกสารสำคัญที่ช่วยเราไว้นั้นเอง
เรื่องที่สามใครดึงเชือกผูกรองเท้า
ช่วงชีวิตตอนเป็นวัยรุ่นเราชอบออกไปวิ่งรอบรอบสวนใกล้บ้านในตอนเช้า ๆ เสมอก่อนที่เราจะเริ่มออกไปทำกิจกรรมอื่นๆ วันหนึ่งระหว่างที่เรากำลังเดินกลับมาจากการวิ่งซึ่งมันก็ยังเป็นช่วงเช้ามืดที่แสงแดดยังไม่สว่างสักเท่าไหร่ เมื่อเราเดินมาถึงทางข้ามถนนและสัญญาณจราจรก็บอกให้เราข้ามไปได้แต่เผอิญว่าเชือกผูกรองเท้าของเราไปเกี่ยวกับอะไรบางอย่างเล่นทำให้มันหลุดอยู่เราจึงก้มลงไปผูกให้เรียบร้อย แต่ระหว่างที่เรากำลังเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่ามีรถบรรทุกวิ่งผ่านหน้าเราไปอย่างรวดเร็วจนปีนขึ้นบนฟุตบาทและไปหยุดอยู่ที่กำแพงของบ้านหลังหนึ่ง ปรากฏว่าเบรคของรถคันนั้นเสียเลยทำให้เค้าบังคับรถไม่ได้ นี้ถ้าเชือกรองเท้่าของเราไม่หลุดพอดีเราอาจจะไม่ได้มานั่งอยู่ตอนนี้แล้วก็ได้ ต้องขอบคุณอะไรก็ตามที่เกี่ยวเชือกผูกรองเท้าของเราจริง ๆ
เรื่องที่สี่ใบปลิว
เรายังจำได้ดีตอนที่เราอายุประมาณ 15 ปี เรายังอยู่กับพ่อที่มีธุรกิจครอบครัวเล็ก ๆ ทำกันเองที่บ้านซึ่งแน่นอนเราต้องทำโปสเตอร์สำหรับการโปรโมทธุระกิจของเราซึ่งโดยเราจะมีกองสูงไว้อยู่ริมกำแพงในบ้าน ห่างจากโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่ข้างหน้าตาไปสัก 3 ก้่าวเท่านั้นมีอยู่วันหนึ่งพ่อของเรานั่งทำงานตามปรกติแต่เปิดหน้าต่าง แง่มไว้สักหน่อยเพื่อให้ลมเย็นพัดเข้ามาได้ แต่แล้วก็มีลมแรงมากพัดมาทำให้ใบปลิวที่วางอยู่ใกล้ กระจายไปทั่วพื้นพ่อต้องลุกขึ้นไปเก็บแต่เมื่อเขาก้มลงไปหยิบพวกมัน รถบรรทุกที่วิ่งผ่านมาก็ยางแตก และเสียหลักอีกทั้งยังมีล้อรถลอยไปในอากาศ มันพุ่งมาทางหน้าต่างเหนือหัวพ่อและไปตกลงที่หน้าประตูมันแรงมากถึงขนาดที่ว่าเราต้องเปลี่ยนประตูใหม่กันเลย นี้ถ้าใบปลิวไม่ปลิวตกพื้นมาก่อนพ่อเราต้องโดนล้อเข้าไปเต็ม ๆ แน่แน่
เรื่องที่ห้าฝันร้ายจะกลายเป็นดี
ผมมีการประชุมที่สำคัญมากที่ต้องเดินทางโดยเครื่องบินเป็นเวลา 3 ชั่วโมง เพื่อไปประชุม 2 วันติดกัน มันทำให้ผมหงุดหงิดมาก ก่อนไปคืนนั้นผมฝันว่าเครื่องบินขัดข้องและผมก็กลัวมากจนสะดุ้งตื่น คืนนั้นทำให้ผมนานหลับ ๆ ตื่น ๆ จนกระทั้งเราตื่นสายและพลาดเที่ยวบินนั้น แม้ว่าเครื่องบินจะไม่เป็นอะไรและหัวหน้าให้ผมออกเพราะไปประชุมงานครั้งนั้นไม่ได้ แต่อีก 2 สัปดาห์ต่อมาผมก็ได้ทำงานใหม่ที่ดีขึ้นทั้งรายได้และตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้น คิดว่าฝันคืนนั้นอาจช่วยให้ผมได้งานที่ดีขึ้นก็ได้
เรื่องที่หกไปดูของในครัวเถอะ
ตอนที่เรายังเล็กอยู่น่าจะอายสัก 15 ปีเรากับพ่อแทบจะไปไหนต่อไหนด้วยกันตลอดด้วยรถยนต์ขนาดเล็กที่บ้านของเราใช้มานานกว่าสิบปีแล้ว ครั้งหนึ่งในตอนดึกพ่อต้องออกไปซื้อของมาทำอาหารเพราะขาดเครื่องปรุงบางอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าเรารีบไปหยิบเสื้อและเตรียมออกไปนั่งรถข้างข้างพ่อเพื่อนออกไปด้วยอย่างที่เคย แต่เพราะเราทำครัวค้างอยู่พ่อเลยบอกให้เราเข้าไปที่ครัวและตรวจทุกอย่างอีกรอบระหว่างที่พ่อจะออกไปซื้่อของคนเดียวแทน ในเวลาต่อมามีโทรศัพท์โทรเข้ามาบอกว่ารถของพ่อเรา โดยรถที่เสียหลักกระแทกที่ด้านผู้โดยสารของรถจนไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้และเมื่อราไปถึงก็เห็นว่าประตูบุบเข้าไปเยอะมากมากซึ่งแน่นอนว่าถ้าเรานั่งไปด้วย เราจะต้องเป็นคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นและไม่อยากคิดเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง
แล้วเพื่อนเพื่อนละมีเรื่องเล่าแบบนี้บ้างหรือเปล่าหรือเคยผ่านเรื่องราวอะไรที่เป็นเรื่องบังเอิญอะไรมาบ้างถ้าไงก็เล่าให้พวกเราฟังกันด้วยสิ
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน