6 ขั้นตอนจัดการกับนิสัยไม่ดีของคุณโดยง่าย

เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเติมพลังความคิดและให้สิ่งดีดีกับตัวเองบ้างหรือเปล่า วันนี้เราจะมาบอกให้เพื่อนเพื่อนฟังถึงเรื่องใกล้ตัวที่เราทำกันอยู่ทุกวันซึ่งเพื่อนเพื่อนของเราหลายคนก็ทำสิ่งเหล่านั้นต่อเนื่องจนเป็นกิจวัตรประจำวันไปเลยโดยไม่รู้ตัว ซึ่งบางสิ่งบางอย่างที่ดีอยู่แล้วมันก็ดีที่จะทำต่อแต่ถ้ามันไม่ละเราก็ควรจะต้องรีบรู้ตัวเองแล้วปรับเปลี่ยนมันก่อนที่มันจะสร้างเรื่องต่าง ๆ ให้เรามันย่อมจะดีกว่าใช่ไหมละเพราะถึงแม้ว่าคุณจะทำอะไรจนติดเป็นนิสัยแล้วก็ตามแต่เราก็ยังพบว่าพฤติกรรมเหล่านั้นสามารถจัดการได้ เพียงแต่คุณอาจต้องถามถึงวิธีการเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลง หรือปรับปรุงให้ดีขึ้น ทั้งนี้คุณจะต้องไม่ยอมแพ้ในขณะที่อยู่ระหว่างการเรียนรู้ เพื่อฝึกฝนนิสัยที่ดีต่อตัวคุณเองด้วยละ

วันนี้พวกเราที่เพลินเพิลนก็เลยเตรียมขั้นตอนง่ายๆ 6 ขั้นตอนเพื่อมาเป็นตัวช่วยในการเปลี่ยนแปลงนิสัยบางอย่างของคุณตามที่เราได้รับคำแนะนำมาอีกที หลายคนคงอยากจะเริ่มแล้วละสิไปอ่านพร้อม ๆ กันเลยดีกว่านะ

ขั้นตอนที่ 1: ต้องเริ่มจากการทำความรู้จักตัวเองก่อน
หลายคนเริ่มงงและอยากจะพูดกับเราแล้วละว่า ใครจะไม่รู้จักตัวเองตัวเราก็เป็นตัวเรานี้แหละจะใครเหรอที่ไม่รู้จักตัวเองบ้าง ซึ่งนั้นก็ถูกแต่เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นอันที่จริงแล้วสิ่งที่เราอยากจะบอกก็คือบางคนนั้นมองข้ามการกระทำบางอย่างของตัวเองไป เพราะอาจจะไม่ยอมรับไม่อยากทำหรือ อะไรก็แล้วแต่ซึ่งการทำความรู้จักตัวเองที่เราอยากให้เพื่อนเพื่อนได้ลองทำก็คือการลองมองย้อนกลับมาดูสิว่ามีอะไรบ้างที่คุณมองข้ามไปซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้เราทำเองหรือนั่งคิดเองก็ได้แต่เราขอเสนอว่าให้คุณลองไปถามเพื่อนเพื่อนหรือคนใกล้ตัวของคุณมันจะง่ายกว่าเพราะข้อแรกเลยเรามักไม่มองหรือคิดว่าสิ่งที่เราทำนั้นเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ซึ่งมุมมองจากคนอื่น ๆ จะช่วยบอกเราได้ดีกว่าว่าเรานั้นมีอะไรที่ดีหรือไม่ดีบ้าง

ซึ่งก่อนไปถามใครสักคนเราขอเสนอให้คุณเปิดใจยอมรับหรือ อาจจะให้เพื่อนของคุณเขียนบอกมาก่อนก็ได้เพื่อที่ว่าจะได้ทำได้อย่างสบายใจของทั้งสองฝ่ายและเมื่อคุณได้รายละเอียดเหล่านั้นมาแล้วคุณต้องพิจารณาอย่างไม่เข้าข้างตัวเองและทำรายการข้อเสียเหล่านั้นไว้ ที่ให้ทำแบบนี้ก็เพราะว่าคนที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นั้นต้องเข้าใจก่อนว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้นมีผลเป็นอย่างไรและถ้ามันเปลี่ยนไปสิ่งดีดีอะไรบ้างที่จะเกิดขึ้น เมื่อคุณยอมรับและเข้าใจแล้วการเปลี่ยนแปลงปรับตัวก็จะทำได้ง่ายขึ้น

ขั้นตอนที่ 2: การจดบันทึกของการสังเกตุ
© DetagePhotos.com
แน่นอนว่าหลังจากที่เราได้รายละเอียดสิ่งต่าง ๆ ที่คนอื่น ๆ มองมาที่เราแล้วเราต้องคิดและตรวจสอบสิ่งนั้นก็อีกครั้งว่าเราเป็นหรือทำแบบนั้นจริงหรือเปล่า และสิ่งที่จะทำให้คุณทราบก็คือการจดบันทึกนั้นเองมันฟังดูง่ายๆใช่ไหมละแต่เราต้องบอกไว้ก่อนเลยนะว่าสิ่งที่ต้องทำง่าย ๆ นี้แหละที่หลายคนไม่ทำและก็มองข้ามมันไปเหตุผลที่เราให้คุณเริ่มจดบันทึกก็เพราะว่าไม่มีใครจำเรื่องเล็กๆน้อยๆ ได้ตลอดเวลาหรอกและการบันทึกก็จะมาช่วยทำให้คุณจำเรื่องเหล่านั้นได้มากขึ้นอย่างเช่นถ้าเราถามว่าคุณได้ลุกขึ้นเดินทุกชั่วโมงของการทำงานหรือเปล่า เพื่อนเพื่อนก็อาจจะตอบด้วยความรู้สึกทันทีว่าทำบ้าง หรือ อาจจะไม่ได้ทำเลย แต่ถ้าเพื่อนเพื่อนได้ลองจดบันทึกการลุกเดินดูละเราก็จะเห็นจำนวนครั้งจริง ๆ ที่เกิดขึ้นซึ่งมันอาจจะมากกว่า หรือ น้อยกว่าสิ่งที่เพื่อนเพื่อนคิดไว้ก็ได้และเราอยากจะให้เพื่อนเพื่อนได้ลองจดสิ่งเหล่านี้เพิ่มลงไปอีกสักหน่อยนั้นก็คือ จดความรู้สึกที่เราจำได้และผลของการทำสิ่งเหล่านั้นลงไปด้วยเช่น หากเพื่อนเพื่อนชอบกัดเล็บก็จดจำนวนครั้งที่กัด และความรู้สึกหรือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่เราจะกัดเล็บลงไปและต่อท้ายด้วยว่าหลังจากทำแล้วรู้สึกอย่างไร เพื่อที่เราจะได้ทราบถึงที่มาของสิ่งที่เพื่อนเพื่อนทำลงไปยังไงละ

ขั้นตอนที่ 3: มาเริ่มวางแผนดูแลนิสัยที่ไม่ดีกันเลย
ตัวอย่างเช่น คุณอาจรู้ตัวว่าคุณมีนิสัยมาสาย และเมื่อคุณลองจดและอ่านบันทึกคุณก็จะเริ่มเข้าใจว่าสิ่งที่ทำให้คุณมาสายนั้นเกิดจากอะไรบ้าง อาจจะเป็นเพราะงานที่ค้างอยู่ หรือ การเดินทางที่ติดขัด หรือบางคนอาจจะชอบได้รับความสนใจจากการที่คุณเป็นคนสุดท้ายที่จะเข้าร่วมการประชุม ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะพาเราพบกับทางออกของการปรับเปลี่ยนนิสัยข้อนั้น ๆ นั้นเอง อย่างเช่นถ้าหากคุณพบว่าแท้จริงแล้วบ่อยครั้งที่คุณเข้าประชุมสายเป็นเพราะคุณจำเวลาไม่ได้ หรือ ทำงานอื่นค้างไว้จนเตรียมตัวประชุมไม่ทัน เราขอเสนอขั้นตอนง่าย ๆ ด้วยการทำตารางเวลาง่าย ๆ โดยตั้งตารางการประชุมและให้เตือนก่อนเวลาสัก 30-60 นาที และก่อนถึงเวลาอีก 10 นาทีโดยสิ่งที่ต้องทำต่อก็คือการเตรียมสิ่งต่าง ๆ ที่คุณต้องใช้ให้พร้อมก่อนและเมื่อถึง 10 นาทีก่อนเวลาก็วางมือจากสิ่งที่ทำค้างไว้โดยอาจจะทำโน็ตเล็ก บอกตัวเองว่าทำอะไรค้างไว้บ้างหรือบอกกับคู่สนทนาว่าต้องไปธุระก่อนเป็นต้น

ขั้นตอนที่ 4: ตั้งเป้าหมายเล็ก แล้วเวลาจะช่วยทำให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีดังนั้นอยู่กับความเป็นจริงและไม่รีบเร่งตัวเอง
แน่นอนว่าเพื่อนเพื่อนหลายหลายคนอาจจะบอกว่าลองทำดูแล้วไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นมาเลย นั้นอาจจะเป็นเพราะเนื่องจากคุณเคยชินกับนิสัยเก่าของคุณมานานหลายปี มันจะดีกว่าที่จะไม่คาดหวังกับตัวเองมากเกินไป เพราะหลายหลายคนเมื่อพบว่าตัวเองมีส่วนที่ไม่ดีก็ต้องการเปลี่ยนทันที่ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยดังนั้นเราอยากให้เพื่อนเพื่อนจดบันทึก การเปลี่ยนแปลงและสิ่งที่เกิดขึ้นที่ละวัน แต่เพลิดเพลินไปกับกระบวนการ และกำหนดเป้าหมายที่สมเหตุสมผล

อย่างเช่น หากคุณมาสายตลอดเวลา และมักจะสาย 30 นาที ให้กำหนดเป้าหมายเล็กเพื่อให้สายน้อยลงเป็นเวลา 10 นาที จากนั้นค่อยๆทำให้น้อยลงทุกสัปดาห์

ขั้นตอนที่ 5: การใช้ตัวช่วยเพื่อทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
แน่นอนว่าตอนนี้เราอยู่ในโลกที่ทุกอย่างง่ายขึ้นมากมากและมันยิ่งง่ายขึ้นไปอีกเมื่อมีแอพพิเคชั่นต่างๆ บนมือถือที่มีประโยชน์บางอย่างที่สามารถช่วยคุณบันทึกผลลัพธ์ของคุณได้ ตัวอย่างเช่น สามารถตรวจสอบสภาพอากาศล่วงหน้า ดูเส้นทางและประเมินเวลาที่จะเดินทาง หรือการตรวจสอบการนอน แอพดังกล่าวจะช่วยให้คุณวัดความสำเร็จของคุณเพื่อให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเห็นตัวเลขจำนวนจริงซึ่งเป็นหลักฐานว่าคุณทำได้ดี

ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเราลองค้นหาดูแล้วก็จะพบตัวช่วยเหล่านี้ที่จะมาทำให้คุณจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นไปอีกและในบางครั้งยังสามารถสร้างความสนุกสนานไปด้วยได้อีกตัวอย่างเช่น แอพที่จะมาช่วยพสานการออกกำลังกายให้เข้ากับเกมเพื่อให้คุณได้สนุกไปพร้อมๆ กันและยังสามารถชวนเพื่อนเพื่อนมาร่วมความท้าทายเหล่านั้นได้อีกด้วย เมื่อมีตัวช่วยมากขึ้นการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ก็ทำได้ง่ายขึ้นนั้นเองละ

ขั้นตอนที่ 6:มาถึงขั้นตอนสุดท้ายที่เราอยากจะบอกก็คือคุณต้องมีผู้ช่วยดีดีอีกสักหน่อย
© DetagePhotos.com
ถ้าคุณได้ลองทำทั้งห้าข้อที่ผ่านมาแล้วแต่มันก็ยังไม่ดีขึ้นหรืออาจจะดีขึ้นน้อยๆ ซึ่งนั้นเป็นเพราะเราอาจจะปล่อยปละละเลยหรืออาจจะทำแบบไม่จริงจังมากพอ ดังนั้นถึงเวลาแล้วละที่คุณจะต้องหาผู้ช่วยสักคนมาเพื่อเป็นแรงพลักดันหรือแม้กระทั้งเป็นตัวอย่างที่ดีเพื่อให้คุณได้ทำตาม ดังเช่นผลของการศึกษาเรื่องการปรับตัวในคนกลุ่มหนึ่งทำให้เราพบว่าคนเรานั้นมีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับกลุ่มได้อย่างแนบเนียนโดย เราพบว่าคนส่วนใหญ่จะทำทุกอย่างเป็นค่าเฉลยแบบกลาง ๆ ในกลุ่มตัวอย่างเช่น ถ้าคุณถูกนำไปไว้กับเพื่อนที่ชอบวิ่งมันจะทำให้คุณเริ่มสนใจการวิ่งและคุณจะวิ่งเก่งขึ้นโดยการอยู่ในกลุ่มนั้น ดังนั้นหากคุณอยากปรับหรือเปลี่ยนอะไรก็ให้พาตัวเองเข้าไปหากลุ่มคนที่คุณอยากจะเป็นแบบนั้น แล้วสภาพแวดล้อมจะช่วยพาคุณทำให้มันเกิดขึ้นได้ทีละน้อย

แล้วเพื่อนเพื่อนละมีนิสัยที่ไม่ดีที่คุณต้องการปรับปรุงบ้างหรือเปล่าแลัวเพื่อนเพื่อนมีวิธีอะไรในการแก้ไขสิ่งเหล่นั้นลองแบ่งปันประสบการณ์การชนะตัวเองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณเพื่อสิ่งดีดีที่จะเกิดขึ้นกับพวกเราทุกคนในเพจด้วยสิ
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน