เรื่องที่เราควรรู้แต่กลับไม่มีใครสอน

ตั้งแต่เล็กจนโตพวกเราน่าจะเคยผ่านเรื่องการเรียนในโรงเรียนกันมาบ้าง หรือก็น่าจะทราบกันอยู่ว่าโรงเรียนจะต้องมีตารางสอนและบทเรียนวิชาต่าง ๆ มากมาย เช่นตารางคูณเลข กฎของฟิสิกส์และสิ่งความรู้วิชาอื่น ๆ อีกมากมาย แต่อย่างไรก็ตามผู้ใหญ่ไม่เคยพูดถึงสิ่งที่สำคัญสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน นั่นเป็นเหตุผลที่เมื่อเราโตขึ้นพวกเขาจึงต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองว่าโลกนี้ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดไว้อีกต่อไป

เรารวบรวมข้อมูลความจริงอีกด้านที่คอนเด็ก ๆ เราอาจจะไม่ได้นึกถึง ซึ่งนั้นจะเป็นแรงพลักดันให้เราได้เติ่มเต็มความรู้อีก ส่วนหนึ่งที่เราขาดหายไป

1. ต้นทุนความสำเร็จ

© SAUL LoEB / AFP / © EAST NEWS

หลายครั้งที่เราได้เคยอ่านบทความ เรื่องความสำเร็จของใครสักคน หรือในทุก ๆ ปีวารสาร Forbes จะจัดทำรายชื่อคนที่ร่ำรวยที่สุดและมีอำนาจมากที่สุดจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งเราอาจจะเคยอ่านและทรายข้อมูลมาบ้าง แต่วันนี้เราอยากจะมาบอกข้อมูลเพิ่ม ว่าที่มาของความสำเร็จนั้น มาจากสิ่งอื่น ๆ อย่างเช่นฐานะทางบ้านด้วย เพราะครึ่งหนึ่งของมหาเศรษฐีเหล่านี้ได้รับมรดกจากพ่อแม่หรือจากการแต่งงาน และประมาณ 20% มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยและมีธุระกิจอื่น ๆ อยู่แล้ว

ตัวอย่างเช่นผู้ก่อตั้ง Amazon, Jeff Bezos เริ่มต้นธุรกิจของเขาด้วยเงิน $ 300,000 ซึ่งเขายืมมาจากพ่อเลี้ยงของเขา ส่วน Bill Gates ผู้ก่อตั้ง Microsoft มาจากตระกูลธนาคารและผู้มีอำนาจที่ร่ำรวย สิ่งที่เราอยากจะบอกก็คือ ความคิดที่ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้นั้นเป็นความฝันที่สวยงาม ที่เราอยากให้ทุกคนมี แต่อย่างไรก็ตาม เราจะมีโอกาสมากขึ้นที่จะกลายเป็นคนรวยก็ต่อเมื่อ เรามีทั้งความสามารถและโอกาส ซึ่งถ้าทางบ้านเรามีอยู่แล้วมันก็จะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น แต่ถ้าหากว่าเราไม่มี คุณจะต้องพยายามมากขึ้น และ อย่ายอมแพ้อย่ามองที่ความสำเร็จของคนอื่น ว่ามันง่ายและดีกว่าของเรา แต่จงมองหาข้อผิดพลาดหรือ สิ่งที่ยังสามารถแก้ไขได้ในงานของเรา เพื่อจะทำให้มันดีขึ้นและมันจะต้องประสบผลสำเร็จเข้าสักวัน ด้วยการพัฒนาของโลกอินเทอร์เน็ต และต้องขอบคุณสำหรับการเริ่มต้นเทคโนโลยีที่หลากหลาย เพราะนั้นคือช่องทางที่ทำให้เราได้ใช้เพื่อสร้างตัวเองได้ถ้าเราทำและคิดอย่างจริงจัง

2. ผู้ชายและผู้หญิงมีความคิดความเข้าใจไม่ตรงกัน

หากเพื่อนชายของคุณพยายามทำดีกับคุณ นั้นคือเขาไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อน จากการวิจัยพบว่าผู้ชายส่วนใหญ่จะแสดงอาการเอาใจหรือการดูแลใส่ใจเพื่อนผู้หญิงที่เขาชอบเท่านั้น แต่ผู้หญิงส่วนมากกลับคิดว่าการดูแลเอาใจใส่แบบนั้น คือการแสดงออกของมิตรภาพแบบเพื่อนเท่านั้น ตัวอย่างเช่นการช่วยไปซื้อของหรือ ค่อยเข้ามาถามว่ามีปัญหาอะไรหรืองานอะไรให้ช่วยไหม สิ่งเหล่านี้คือสัญญาณเล็ก ๆ น้อย ๆที่บงบอกว่า เขาเริ่มมีใจกับคุณแล้ว ซึ่งผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่รู้เลย เพราะสำหรับผู้หญิงแล้วการ ถูกเอาใจหรือการขอร้องให้อีกฝ่ายช่วยทำอะไรนั้น เป็นแค่ความรู้สึกดีดี เท่านั้น ที่ว่า เพื่อนคนหนึ่ง สามารถบอกเพื่อนอีกคนหนึ่ง ให้ทำได้อยู่แล้ว เรื่องราวความรักที่มีแต่ให้ของเพื่อนสนิทจึงมีอยู่เต็มไปหมด ดังนั้นถ้าคุณผู้ชายอยากจะจีบใครสักคนเราขอแนะนำว่า หลังจากที่คุณเริ่มจีบได้สักระยะหนึ่งแล้วควร จะมีการตรวจสอบให้แน่ใจว่า ฝ่ายหญิงรับรู้ว่าการที่คุณทำมาทั้งหมดนั้น ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนแล้ว เพราะนั้นจะทำให้คุณไม่ต้องอยู่ใน “Friend zone”  อีกต่อไป  หรือ คุณอาจจะต้องผิดหวังกับคำตอบ แต่นั้นก็จะทำให้คุณรู้ตัวได้เร็วซึ่งดีกว่าปล่อยไปนานๆ แน่นอน

3. บางครั้งการมองโลกในแง่ลบบ้างก็เป็นสิ่งที่ดี

ในปี 1950 นักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐอเมริกาพบสิ่งที่เรียกว่าจิตวิทยาเชิงบวก ตามหลักการคุณต้องรับรู้ทุกสิ่งรอบ ๆ ตัวด้วยอารมณ์ดีเผชิญปัญหาด้วยรอยยิ้มและไม่คร่ำครวญ กับเรื่องร้าย ๆ อย่างไรก็ตามนักจิตวิทยาสมัยใหม่เชื่อว่าวิธีการนี้ไม่ได้มีผลดีเสมอไป

©Gran Torino / Double Nickel Entertainment

การมองโลกในแง่ดีจะลดโอกาสในการเกิดผลสำเร็จในการทำงานหลาย ๆ อย่าง เช่นเมื่อคน ๆ หนึ่งจินตนาการไปแล้วว่าทุกอย่างดีไปหมดพวกเขาก็จะรอผลที่ดีตามมา

ในเวลาเดียวกันผู้ที่มีมุมมองเชิงลบบ้างในทางปฏิบัติถึงแม้จะสร้างความกังวลเล็กน้อยแต่ก็ทำให้งานประสบความสำเร็จมากขึ้น เพราะพวกเขาคาดการณ์เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ที่เป็นไปได้และวางแผนอย่างละเอียดถึงการแก้ไขปัญหาหากเกิดความล้มเหลวขึ้น

4. คุณต้องเห็นแก่ตัวเองบ้าง

สำหรับการอยู่ร่วมกันนั้น ถ้าคุณได้อยู่กับคนที่ดีเอาใจเราทุกอย่าง หรือ ยอมทำทุกอย่างตามที่เราบอกนั้นก็คงเป็นเรื่องดี แต่ในชีวิตจริงแล้วมันมีน้อยมากที่คนหนึ่งคนจะทำทุกอย่างและยอมรับทุกอย่างของคนอีกคนได้คลอดเวลา ดังนั้นเมื่อคุณต้องอยู่ร่วมกันกับใครสักคนสิ่งที่ดีที่สุดคือการปรับตัวของ ทั้งสองฝ่าย เพื่อที่จะทำให้สามารถอยู่ด้วยกันได้ ดังนั้น คุณควรคิดถึงตัวเอง ด้วยว่าการกระทำอะไรที่ยอมรับได้ และ อะไรที่ยอมรับไม่ได้ และค่อย ๆ ตกลงกันไป เรื่อยๆ นั้นคือสิ่งที่จะทำให้คุณทั้งคู่ได้ปรับตัวเข้าหากัน และ สิ่งสำคัญที่สุดคือการรู้จักให้อภัย และ รู้จักการปรับปรุงแก้ไขตัวเอง ไม่ให้ผิดพลาดซ้ำ ๆ ในเรื่องเดิมบ่อย ๆ ซึ่งทั้งคู่ต้องมีให้กัน และ ใช้เวลาอยู่คนเดียวและดูแลตัวเองบ้าง โดยทั่วไปแล้วคุณไม่ควรยึดติดกับความเห็นของคู่ของคุณมากเกินไป  สิ่งที่ต้องทำคือคิดถึงสิ่งที่ถูกต้อง ไม่มีใครนำใครได้ทุกเรื่องดังนั้น การคุยกันเพื่อนหาสิ่งที่ดีสำหรับคนทั้งคู่จึงเป็นสิ่งที่ ทำให้เกิดปัญหาน้อยสุด

5. การทานมังสวิรัต  ใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรืออะไรก็ตามต่างมีข้อดีข้อเสียดังนั้นอย่าประเมินหรือตัดสิน คนอื่นๆ จากการกระทำเพียงอย่างเดียว จนกว่าจะได้รู้ข้อมูลหรือได้ฟังเขาอธิบายก่อน นับตั้งแต่มีการประดิษฐ์พลาสติกขึ้นบนโลก มีการผลิตชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์กว่า 8 พันล้านตันจากวัสดุที่เป็นอันตรายและมีการรีไซเคิลเพียง 1 ใน 10 ของจำนวนทั้งหมดที่เป็นวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ และ พลาสติกที่นำมารีไซเคิลก็ยังไม่ช่วยอะไรมากเพราะเสื้อผ้า จานและรองเท้าที่ทำจาก PET ที่ยังคงไม่สลายตัวและยังคงเป็นพิษต่อโลก ดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำคือลดการใช้งาน หรือ เพิ่มการใช้ซ้ำวัสดุเหล่านี้ทำให้มันเกิดประโยชน์ต่อเนื่อง ต่อ 1 ชิ้น ให้ได้มากที่สุดเท่าทีจะทำได้ เพราะนั้นคือปัจจัยที่จะช่วยลดการผลิตลงในระยะยาว

รถยนต์ไฟฟ้าไม่เป็นอันตรายต่อบรรยากาศในระหว่างขับ แต่ก็เป็นอันตรายในทางอื่น – เพราะการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมนั้นไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่นกัน โครงการ หรือ ผลิตภัณฑ์ เพื่อสิ่งแวดล้อมส่วนใหญ่ ทำกำไรให้กับกลุ่มธุระกิจเป็นจำนวนมาก และ กลุ่มธุระกิจส่วนใหญ่ เหล่านั้นก็ยังมี ผลิตภัณฑ์ที่ทำลายสิ่งแวดล้อมอื่นๆ อีกเช่นกัน

8. เราใช้เวลา 8 ชั่วโมงในการทำงานต่อวันอย่างไร้ค่า

© Depositp Photos

เงินเดือนของคุณขึ้นอยู่กับชั่วโมงการทำงานของคุณ อย่างไรก็ตามนี่ไม่เป็นความจริง สิ่งเดียวที่คุณจะได้รับเนื่องจากการทำงานหนักเกินไปคือความเหนื่อยหน่ายและร่างกายที่เหนื่อยล้า

นักวิทยาศาสตร์ได้นับว่าการทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันเราทำงานได้มีประสิทธิผลจริงเพียง 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น เวลาที่เหลือจะเสียไปกับสิ่งที่ไม่มีประสิทธิภาพเช่นการตรวจสอบอีเมล การกิน และการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน ทั้งหมดเป็นเพราะสมองของมนุษย์มีข้อจำกัดเกี่ยวกับสมาธิ: นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าเราสามารถจดจ่ออยู่ได้ไม่เกิน 2.5 ชั่วโมงต่อวัน

คุณคิดว่าความจริงเหล่านี้เป็นจริงหรือไม่? หรือคุณมีคำอธิบายเกี่ยวกับบทเรียนที่โหดร้ายที่ผู้ใหญ่สอนเราเอาไว้บ้างไหม

ภาพประกอบโดย Alena Tsarkova สำหรับ BrightSide.me

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน