สำหรับเพื่อนที่ไม่ยังไม่มียังไม่ได้ออกมาสร้างครอบครัวของตัวเองหรืออาจจะเพิ่งเริ่มหรือผ่านช่วงฮันนีมูนมาได้ไม่นานแล้วยังไม่มีสมาชิกใหม่ตัวน้อยๆเกิดขึ้นในบ้านละก็คงจะยังนึกถึงภาพที่จะต้องเลี้ยงดูเจ้าตัวเล็กหรือภาพของบางสิ่งบางอย่างไม่ออกว่าจะต้องทำตัวกันอย่างไร เอาง่ายๆเลยแล้วกันนะเพื่อนเพื่อนเองลองหลับตาลงแล้วคิดนึกภาพในใจว่า คุณอยู่กำลังจะต้องในพื้นที่ของคุณเหมือนเดิมนี่แหละเพิ่งแต่ว่าเราจะเพิ่มรายละเอียดบางอย่างลงไปสักหน่อยอย่างเช่นมีใครอีกคนที่คุณจะต้องสนใจตลอดเวลาที่ตื่นและเมื่อยามที่คุณหลับตาลงเค้าหรือเธอคนนั้นก็อาจจะส่งเสียงเบาๆเพื่อเรียกให้คุณตื่นทุกสามหรือสี่ชั่วโมง ถ้าเพื่อนเพื่อนคิดว่าเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วละก็เราต้องบอกว่ามันยังขาดรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอีกอย่างหนึ่งด้วยนั้นก็คือ คุณจะได้ออกกำลังกายด้วยงานทำความสะอาดบ้านทุกสามชั่วโมงอีกด้วยเพราะทุกครั้งที่มีเสียงเรียกจากเจ้าตัวน้อยนั้นสิ่งที่จะตามมาก็คือการทานนมหรือไม่ก็การเปลี่ยนผ้าอ้อมนั้นเองซึ่ง นั้นแหละที่คุณเองจะต้องซักล้างทำความสะอาดสิ่งเหล่านั้นเพื่อให้พร้อมใช้งานในอีกสามชั่วโมงข้างหน้ายังไงละ ฟังดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยใช่ไหมละที่ใครสักคนหนึ่งจะสามารถทำเรื่องเหล่านี้ได้เพียงแค่ตัวคนเดียว แต่นั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆกับเหล่าคุณแม่ที่ทำงานเป็นแม่เต็มเวลาที่ค่อยดูแลเจ้าเทวดาตัวน้อยๆของพวกเค้ายังไงละ แต่เรื่องราวมันยังไม่จบแค่นั้นหรอกนะเพราะที่เล่ามามันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆเท่านั้น

พวกเราเพลินเพลินก็เลยอยากจะถือโอกาสหยิบยกเอาเรื่องราวชวนมึนที่เหล่าเพื่อนเพื่อนคุณแม่ทั้งหลายจะต้องพบเจอและรับมือกับสิ่งเหล่านี้ทุกเมื่อเชื่อวันกันเลยละและนี้คือบางส่วนที่มีการส่งต่อไว้ในทวิตสั้นๆหรืออาจจะเล่าผ่านเพื่อนของเรามาอีกทีหนึ่งยังไงก็มาฟังประสบการณ์เหล่านี้ของเพื่อนเพื่อนเรากันเลยดีกว่าเนอะ

งานที่น่านับถือ

นอกจากแม่ของเราแล้วอีกบุคคลหนึ่งซึ่งฉันนับถืออย่างสุดซึ่งหลังจากมีลูกเล็กแล้วก็คือเหล่าคุณครูของเด็กน้อยนี้แหละ เพราะตั้งแต่เจ้าตัวเล็กเริ่มพูดได้คล่องแล้วละก็ไม่ว่าจะเห็นหรือได้ยินอะไรก็จะเอ่ยถามออกมาอย่างสนุกสนานด้วยความอยากรู้ไปซะทุกอย่าง นี้ขนาดแค่ตอนกลับบ้านนะถามไปแล้วเกือบห้าสิบอย่างแล้วกับคุณครูที่โรงเรียนจะถามขนาดไหน แล้วยังมีเด็กคนอื่นๆอีกที่สำคัญคือคุณครูต้องเจอแบบนี้ทุกๆวัน ฟังแล้วน่านับถือไหมละ

อะไรก็เป็นเรื่องน่าสนใจไปหมดรวมทั้งครีมโกนหนวดและมูสหน้ากระจก และเวลาทำความสะอาดอีกครึ่งชั่วโมงในตอนเช้า
เข้าบอกว่าเด็กในวันนี้จะเป็นผู้ใหญ่ในวันหน้า
แต่เราว่าสิ่งที่เด็กเรียนในวันนี้จะเป็นการบ้านของผู้ใหญ่ในวันหน้ามากกว่าเพราะวันนี้หลังจากไปรับเด็กกลับมาจากที่โรงเรียนแล้วเรามาลองสอนน้อง ป .6 กับ ป.4 ตอนแรกก็สบายมากแต่ปรากฎว่าเราต้องเปิดหาคำอธิบายวิธีการคิดเลขจากอินเทอร์เน็ตเพื่อทำความเข้าใจก่อนนะตอบหลักการต่างๆให้น้องน้องฟังได้ เพราะสิ่งที่เค้าอยากรู้คือที่มาของการทำไม่ใช้แต่ผลลัพท์อะไรจะอยากรู้ละเอียดขนาดนั้น

ปริศนาที่ไม่อยากให้ได้คำตอบ

บ่ายวันนี้เป็นวันธรรมดาที่เรารู้สึกสบายสุดๆเพราะเจ้าตัวเล็กของเราไม่กวนเราเลย ด้วยเห็นผลที่ว่าเค้ากำลังหาว่าใครมาอึใส่ผ้าอ้อมที่เขากำลังใส่อยู่ ซึ่งนี้คือสิ่งที่ประหลาดน้อยที่สุดที่เขาทำทั้งวันช่างเป็นวันที่ดีอะไรอย่างนี้

ก็มันชิน
หลังจากที่เรามีเจ้าตัวเล็กมาเป็นส่วนหนึ่งของครับครัวได้สี่เดือน จู่ๆคืนกลางดึกของคืนวันเสาร์ภรรยาของผมก็มาจับที่ก้นของผม แต่เพื่อนเพื่อนอย่าเพิ่งคิดอะไรต่อนะเพราะมันไม่ใช่อย่างที่คิดเพราะดูเหมือนว่าเธอจะหลับสนิทและฝันว่ากำลังเช็คผ้าอ้อมของลูกอยู่ คงไม่ต้องบอกว่ามันหนักขนาดไหนที่ต้องทำสิ่งนี้ทุกๆสองชั่วโมงถึงขนาดที่ว่าตอนนอนก็ยังละเมอทำเลย

จินตนาการสำคัญกว่าความรู้

เมื่อเราและเด็กแข่งกันนับจำนวนเพื่อบอกว่าสิ่งไหนมีมากกว่ากันมันก็เป็นเกมส์ง่ายๆที่สนุกมากแต่คุณต้องพยายามทำความเข้าใจกับพวกเค้านะไม่ใช่พยายามเอาชนะ อย่างเช่นวันนี้เรามานับจำนวนแซนด์วิชที่เป็นอาหารกลางวันซึ่งของเรามีหนึ่งชิ้นเป็นรูปสี่เหลี่ยม และเจ้าตัวเล็กเป็นรูปสามเหลี่ยมสองชิ้นเพราะตัดให้ทานได้ง่ายขึ้น พอถามว่าของใครมากกว่ากันเรากลับได้คำตอบว่า “ของพ่อไง” และพอเราถามว่าทำไมของพ่อถึงมากกว่า ก็ได้คำตอบว่าของพ่อมีสี่เหลี่ยม แต่ของเค้ามีแค่สามเหลี่ยมดังนั้นวันนี้พ่อได้มาก ซึ่งเราก็ไม่พูดอะไรมากเพราะนั้นคือจินตนาการเล็กๆที่เค้าคิดได้ดังนั้นสิ่งที่เราทำก็คือตกลงไปกับการนับด้านแทนที่จะเป็นจำนวนชิ้น

บางเรื่องก็ทำไม่ได้นะ

ถ้าให้คะแนนความเป็นพ่อแม่ที่เปิดโอกาสให้กับเหล่าลูกๆได้เรียนรู้สิ่งต่างๆตามใจนั้น ก็ต้องถือว่าเราเป็นคนเปิดกว้างมากมากแต่ก็มีบ้างบางเรื่องที่เราต้องบอกว่ามันทำไม่ได้อย่างเช่นการที่เด็กๆเห็นบ้านต้นไม้ในการ์ตูนแล้วจะพากันลุกขึ้นมาชักชวนคนในบ้านไปสร้างบ้านต้นไม้ซึ่งมันก็ฟังดูเข้าท่านะแต่ที่เราต้องห้ามก็เพราะว่าบ้านเราอยู่ในเมืองและไม่มีต้นไม้ใหญ่ในบ้านเลยแล้วต้นไม้ต้นเดียวที่อยู่ใกล้และใหญ่พอคือต้นไม้ของพื้นที่สวนของหมู่บ้านเราซึ่งมันคงไม่ดีแน่ที่เราจะสร้างบ้านต้นไม้ตรงนั้น

สิ่งของทดแทนกันได้

เจ้าตัวเล็กของเราเริ่มจะช่างเจรจาขึ้นและแสดงถึงทักษะในการต่อรองเมื่อวันนี้เค้ากลับมาพร้อมกับใบไม้ใบใหญ่หลายหลายใบ แทนที่จะเป็นกล่องข้าวกลางวัน ซึ่งพอเราถามถึงกล่องข้าวก็ได้คำตอบว่าระหว่างทางกลับบ้านเค้าแวะเล่นกับเพื่อนที่สนามและเมื่อกลับมาจากการวิ่งเล่นกล่องข้าวที่วางไว้ที่ม้านั่งก็หายไป แต่ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเค้าได้เก็บใบไม้ขนาดใหญ่กลับมาแทนซึ่งมันน่าจะใหญ่พอที่จะห่อข้าวไปทานในวันพรุ่งนี้ พูดจบก็ยื่นใบไม้นั้นให้เราพร้อมกับขอตัวไปอาบน้ำโดยไม่รอฟังคำพูดของเราเลย

อย่างที่เราบอกเพื่อนเพื่อนไปแล้วว่าเรื่องราวของการดูแลเด็กๆมันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นและยังคงมีเรื่องราวน่ารักๆแบบนี้มาให้เหล่าบรรดาพ่อแม่ให้สนุกอีกมากเลยละถ้าใครจะเตรียมตัวมีเจ้าตัวเล็กเหล่านี้ก็อย่าลืมเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งเหล่านี้ด้วยละ เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน