เราได้เขียนบทความจำนวนมากเกี่ยวกับญี่ปุ่น ทั้งที่เกี่ยวกับนิสัยของคนในท้องถิ่น ทั้งที่เกี่ยวกับชีวิตที่ยากลำบากของผู้หญิงญี่ปุ่น และอื่น ๆมากมาย ที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติประหลาดใจ แต่มีบางสิ่งเกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ทั้งแปลกและไร้เหตุผลแม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็ร้สึกไม่ชอบเช่นกัน
เรานั้นได้รวบรวมวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นที่ดังกล่าวดังนี้
1. คุณสามารถยื่นเรื่องร้องเรียนต่อเจ้าของที่พักหากเพื่อนบ้านคุณเดินหรือส่งเสียงดังเกินไป
© Depositp Photos © Depositphotos
เนื่องจากที่พักชาวญี่ปุ่นนั้นสร้างจาดวัสดุที่บางมาก ดังนั้นคุณจะสามารถได้ยินเพื่อนบ้านของคุณได้เป็นอย่างดี นี้คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นต้องอยู่เงียบๆ ไม่เพียงแต่ในสถานที่สาธารณะ แต่รวมถึงที่บ้านด้วย ตัวอย่างเช่น บล็อกเกอร์คนหนึ่งเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับเพื่อนบ้านที่บ่นเรื่องเขากับเจ้าของบ้านเช่า เพราะเขาปิดประตูตู้เสื้อผ้าเสียงดังเกินไป
ไม่ใช่คนญี่ปุ่นทุกคนรักความสงบ คนหนุ่มสาวในญี่ปุ่นก็ยังรักงานปาร์ตี้เหมือนหนุ่มสาวอื่นๆทั่วโลก พวกเขาเปิดฟังเพลงและพูดคุยเสียงดัง แต่กำแพงบาง ๆ มักจะนำไปสู่ปัญหาสำหรับทุกคน
2. คุณไม่สามารถแก้ไขข้อขัดแย้งด้วยการสนทนาส่วนตัว
© YellowSubmarine / forum.awd.ru
บางทีคุณอาจสงสัยว่าทำไมเพื่อนบ้านไม่สามารถไปหาคนที่ส่งเสียงดังและขอให้พวกเขาช่วยเบาเสียงได้เอง วิธีนี้ไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งในประเทศนี้ได้ ในบล็อกของชายชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นอธิบายถึงวิธีการคุยกับเพื่อนบ้านไว้ว่า คุณไม่สามารถบ่นกับพวกเขาได้โดยตรง คุณต้องเขียนจดหมายถึงเจ้าของบ้าน และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าของบ้านเช่า
3. คุณอาจต้องเจอกับเสียงโฆษณาบนท้องถนนในวันหยุดสุดสัปดาห์
แม้จะมีกฎระเบียบที่เข้มงวดที่เกี่ยวกับความเงียบ แต่ก็มีรถประจำทางและรถตู้ที่ติดลำโพงเคลื่อนที่บนอยู่หลังคา ที่ขับไปตามถนนเพื่อการโฆษณา เช่นบริการซ่อม เบเกอรี่ และอื่นๆ
ไม่ใช่คนญี่ปุ่นทุกคนที่ชื่นชอบสิ่งนี้ เพราะเสียงรบกวนเหล่านั้นขัดขวางการนอนหลับในวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันเดียวที่คนทำงานสามารถนอนหลับได้ดี แม้เราจะทำเรื่องร้องเรียนแต่ก็ไม่เกิดผลอะไร เพราะรถเหล่านั้นมักได้รับการผ่อนผัน
4. ไม่มีเครื่องทำความร้อนในอพาร์ตเมนต์
© Wikipedia © NictosJP / Reddit
เนื่องจากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบ่อยอาจสร้างความเสียหายให้กับบ้านในญี่ปุ่น และเครื่องทำความร้อนขนาดใหญ่ก็มีแพงหากจะต้องซื้อซ้ำๆ ดังนั้นพวกเขาจึงใช้เครื่องทำความร้อนขนาดเล็กและผ้าห่มอุ่นๆ พวกเขานิยมใช้โต๊ะ Kotatsu
อย่างไรก็ตามมีนักเขียนบล็อกการเดินทางโพสต์ภาพถ่ายบนโซเชียลมีเดีย พวกเขาถ่ายภาพของเครื่องทำความร้อนในโรงแรมในประเทศอื่น ๆ และชาวญี่ปุ่นเริ่มทบทวนทัศนคติต่อเครื่องทำความร้อนของพวกเขาบ้างแล้ว และบางคนที่ร่ำรวยก็ซื้อและใช้หม้อไอน้ำแบบพิเศษ
5. กลุ่มสาว Gyaru
Gyaru บางส่วนเป็นผู้หญิงสูงวัยที่มีลูกแล้ว ที่ชอบสวมเสื้อผ้าเปิดเผย สีสดใสมี ติดขนตาปลอม ไว้เล็บยาวและทำทรงผมที่เรียกว่า Gyaru โดยทั่วไปทัศนคติต่อกลุ่มคนเหล่านี้ค่อนข้างปกติเหมือนกับวัฒนธรรมย่อยอื่น ๆ แต่คุณแม่เหล่านี้มักถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าพวกเขาสร้างความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับความงามที่แท้จริง
6. สังคมญี่ปุ่นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ อุจิ (Uchi) และโซโต (Soto)
© argamawoo / Instagram ©ภาพการฝากเงิน
อุจิคือคนวงใน นั่นคือสมาชิกในครอบครัว ญาติ เพื่อนสนิท และบางครั้งเพื่อนร่วมงานที่คุณทำงานด้วยเป็นเวลาหลายปี ส่วนที่เหลือทั้งหมดคือโซโต ทั้งสองกลุ่มนี้มีความแตกต่างกันมาก แม้แต่โครงสร้างไวยากรณ์ที่ใช้พูดก็แตกต่างกันเมื่อพูดคุยกับพวกเขา การเปลี่ยนจากอุจิไปยังโซโตต้องใช้เวลามาก
มีคนหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นสมัยใหม่ต้องการที่จะเปลี่ยนระบบนี้บ้างแล้ว
7. มีคนมากกว่า 700,000 คนที่เป็นผู้นำการดำเนินชีวิตแบบ Hikikomori อายุเฉลี่ย 31 ปี
© Wikipedia
ฮิคิโคโมริส (Hikikomori) คน(ส่วนมากเป็นเด็ก)ที่แยกตัวเองออกจากสังคมอย่างเต็มใจ ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาอาศัยอยู่ห่างจากญาติของพวกเขา พวกเขาไม่ค่อยออก (หรือไม่เคย) จากห้อง บางคนไม่ได้ติดต่อกับคนอื่นเลย พวกเขานั่งอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 7-10 ปี รัฐบาลญี่ปุ่นมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้มาเป็นเวลานานและกำลังมองหาวิธีที่จะทำให้คนเหล่านี้กลับสู่ชีวิตปกติ
8. การนอกใจเกิดได้บ่อยขึ้น
© A Moment to Remember / CJ Entertainment
การเลิกราในประเทศนี้มีน้อยมากและแม้ว่าจะมีปัญหาในการแต่งงาน คู่สมรสมักจะไม่ค่อยแยกจากกัน เพราะผู้หญิงมีความกังวลใจกับเรื่องเหล่านี้ และผู้ชายกลัวที่จะไม่สามารถเจอกับลูก ๆ ของพวกเขา
คนญี่ปุ่นมีทัศนคติต่อการผิดประเวณีแตกต่างจากคนประเทศอื่น นอกจากนี้ในบางส่วนของประเทศพวกเขาถือว่าการอยู่กินและมีความสัมพันธ์กันก่อนแต่งงานนั้นไม่เหมาะสม แต่ก็พบคู่สมรสที่ไม่ซื่อสัตย์สูงมาก: จากการสำรวจผู้หญิง 15.2% และผู้ชาย 20.5% คบหาคนอื่นที่ไม่ใช่คู่สมรสของพวกเขา
9. เป็นเรื่องปกติที่คนรักจะได้เจอกันเดือนละ 1-2 ครั้งเท่านั้น
© From Me to You / Nippon Television Nikkatsu
คู่รักในญี่ปุ่นไม่ได้เจอกันทุกวัน เหมือนคู่รักในยุโรปและสหรัฐอเมริกา พวกเขาทั้งหมดยินดีกับการเจอกันแค่สองสามครั้งต่อเดือน อีกทั้งพวกเขาจะไม่ส่งข้อความถึงกันตลอดเวลา ไม่ส่งการ์ดหรือรูปถ่ายให้กันและกัน แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ได้รักกัน
นอกจากนี้ในญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมที่ชายและหญิงต้องช่วยกันจ่ายค่าอาหารและของหวาน เมื่อพวกเขาอยู่ในร้านกาแฟหรือร้านอาหาร นอกจากนี้พวกเขาไม่ได้ชมกันบ่อย ๆและไม่แสดงความรู้สึกในที่สาธารณะ สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ในที่สาธารณะคือเดินจับมือกัน
11. ร้านขายเสื้อผ้ามีพนักงานขายมากเกินไป
ชาวต่างชาติจำนวนมากไม่ชอบช้อปปิ้งในญี่ปุ่นเพราะบริการมากไป ในห้างสรรพสินค้าในสหรัฐอเมริกาคุณสามารถนำเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งโดยไปที่ห้องลองลองถอดออกแล้วนำกลับไปที่เดิม และไม่มีใครจะพูดอะไรกับคุณในร้านค้าราค้าทั่วไป
พนักงานขายในญี่ปุ่นได้รับการฝึกฝนให้ติดตามลูกค้าทุกขั้นตอน รวมถึงการชื่นชม และให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการแต่งตัวให้เข้ากับชุด เมื่อลูกค้าไปที่ห้องลองพนักงานขายจะรออยู่ใกล้ๆ และถามว่าลูกค้าต้องการขนาดอื่นหรือไม่ หากลูกค้าตัดสินใจซื้อบางอย่าง พวกเขาจะนำไปจ่ายเงินที่ทางออก และจะโค้งคำนับและพูดว่า“ ขอบคุณ”
11. หนังสือสำหรับเด็กเกี่ยวกับการใช้กระโถนเป็นที่นิยมมาก
© melon-panda / Livejournal
ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าไม่ควรหลีกเลี่ยงหัวข้อเรื่องห้องน้ำได้โดยเฉพาะเด็ก ๆ ก่อนอื่นก้นก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเหมือนกับส่วนอื่น ๆ เพราะการถ่ายอุจจาระเป็นกระบวนการทางร่างกายของมนุษย์ตามปกติ เด็กจำเป็นต้องรู้วิธีการเข้าห้องน้ำอย่างถูกต้อง และอย่างที่สองมันตลกดีจนที่นิยม
ผู้ปกครองหลายคนยอมรับว่าลูก ๆ ของพวกเขาชอบเรียนตัวอักษรคันจิกับมิสเตอร์อันโกะซึ่งสอนเด็ก ๆ
12. แม้ว่าคุณจะเดินทางไปยังเมืองใกล้เคียงระยะสั้นแต่คุณจะต้องนำของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้เพื่อนร่วมงานและญาติพี่น้องของคุณ
หากคุณไม่ทำเช่นนี้คุณจะดูแปลก ๆ ในญี่ปุ่นมีเรื่องตลกที่บอกว่าคนญี่ปุ่นโดยเฉลี่ยใช้เวลา 15 นาทีในการชมสถานที่ท่องเที่ยวและอีก 45 นาทีในการเลือกของที่ระลึก
หากคุณตัดสินใจเดินทางไปญี่ปุ่นเรื่องใดที่กล่าวไปข้างต้นอาจสร้างความลำบากให้กับคุณที่สุด หรือเรื่องใดมีประโยชน์ที่สุด แบ่งปันความคิดกับเราในเพจของเรา
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน