เบื้องหลังรอยยิ้มอันร่าเริงที่ดูเป็นธรรมชาติของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์นั้นซ่อนเร้นอดีตบางส่วนอันมืดมิดของเขา เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ขณะนั้นเขาต้องทรมานเพราะอดีตที่ขมขื่นจนหน้าที่การงานค่อยๆ น้อยลง แต่ในทุกวันนี้ผ่านมาเกือบ 2 ทศวรรษแล้ว และสถานะของนักแสดงคนนี้เปลี่ยนไปจากอดีตอย่างมาก เขานั้นกลายเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ได้รับค่าจ้างสูงที่สุดในฮอลีวูด ทั้งนี้สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากไม่มีภรรยาผู้เป็นเหมือนดังบุคคลเบื้องหลังที่เป็นผู้ช่วยให้เขาผ่านพ้นเรื่องร้ายเหล่านั้นได้

พวกเราอยากแบ่งปันเรื่องราวชีวิตของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่ก็เต็มไปด้วยความรักจากภรรยาของเขาเช่นกัน

การหลงเดินทางผิดของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ตั้งแต่วัยเด็กของเขา

© GP / MPI / Capital Pictures / Capital Pictures / East News
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์เติบโต มาด้วยการเลี้ยงดูจากพ่อเป็นหลัก และ เค้าได้ดำเนินรอยตามสิ่งที่พ่อเค้าทำทั้งเรื่องดี และ เรื่องไม่ดี หลังจากที่ครอบครัวต้องแยกกัน โรเบิร์ตต้องดิ้นรนทั้งการใช้ชีวิตและในการทำงานอย่างหนัก จนได้ทำงานภาพยนตร์เรื่องแรกที่ได้แสดงนำคือเรื่อง The Pick-up Artist (film) ในปี 1987 และนอกจากนี้เขายังแสดงบทเด่นในหนังเรื่อง Less Than Zero ในปีเดียวกัน

© Everett Collection / East News
ในช่วงวัยรุ่นเขานั้นมีความสนใจในงานการแสดง และมันไม่ใช่ปัญหาเลยที่เขาจะประสบความสำเร็จ เพราะเสน่ห์แบบแบดบอยของเขา และในปี 1992 เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากการแสดงเป็นชาลี แชปลิน ในวัย 27 ปี

© TriStar Pictures
และเมื่อชีวิตการทำงานของเขาดีมากขึ้นนิสัยที่ไม่ดีของเขาก็เกิดขึ้นเช่นกัน
นักแสดงหนุ่มมาถึงจุดต่ำสุดของเขาในช่วงปลายยุค 90

© AFP / EAST NEWS
ชื่อเสียงและเงินจำนวนมากนำไปสู่การตัดสินใจผิดๆมากมาย และในปี 1996 เขาถูกจับเป็นครั้งแรก และมีความผิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง
ตลอดระยะเวลา 5 ปีนักแสดงถูกจับมากกว่า 4 ครั้งใช้เวลา 6 เดือนในเรือนจำ และใช้เวลาหนึ่งปีในการบำบัด ซึ่งเขาได้ทำงานการแสดงเพียงไม่กี่งาน ทำให้งานของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว

© AFP / EAST NEWS
ในปี 2003 โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ยอมรับบทบาทโกธิกา ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดในชีวิต เพราะมันนำพาให้โรเบิร์ตได้มาพบกับภรรยาในอนาคตของเขา
ซูซาน เลวินปรากฏตัวราวกับนางฟ้า

© Vince Bucci / Stringer / Getty Images Entertainment / Getty Images
ซูซาน เลวินเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์อายุ 29 ปี และเธอได้พบกับ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ในขณะที่พวกเขาแนะนำตัวกัน วินาทีนั้นราวกับรักตั้งแต่แรกพบ อย่างไรก็ตามซูซานในฐานะที่เป็นนักเรียนเกรด “A” ทั้งชีวิตของเธอได้ตัดสินใจอย่างดีมาตลอด เธอจึงมองไม่เห็นความสัมพันธ์แบบโรแมนติกกับนักแสดงชายที่มีปัญหาคนนี้เลย

อย่างไรก็ตามมีบางอย่างที่ดึงโรเบิร์ตและซูซานมาพบกัน และอาจเป็นเพราะเสน่ห์ของเขาที่เธอไม่อาจต้านทานได้ สุดท้ายทั้งสองได้ออกเดทกัน

© EAST NEWS
ซูซานผู้มีจิตใจบริสุทธิ์และสดใส พบว่าตัวเองอยู่ในโลกที่ไม่คุ้นเคยกับโรเบิร์ต และเธอรับรู้ได้ว่าเขาเป็นคนดีได้ ทั้งนี้ซูซาน ยอมรับว่าเธอไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการคบกับคนอย่างนี้เลยมาก่อนพบกับเขา
“สารพวกนั้นเป็นเรื่องแปลกสำหรับฉันมาก ฉันไม่รู้จะหยุดมันยังไง”
© AFP / EAST NEWS
โรเบิร์ตเชื่อว่า เพราะความเพิกเฉยของเธอที่ทำให้เขาตกหลุมรัก ยิ่งไปกว่านั้นเธอจะวิ่งไปกับเขาก่อนที่สิ่งต่าง ๆ จะเริ่มขึ้นเสมอ
“ถ้าเธอรู้ความแย่ของฉันเราจะไม่ได้มานั่งที่นี่”
แล้วอะไรที่ทำให้ซูซานมั่นใจในความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา?
เธอเห็นความดีในตัวของโรเบิร์ตและปฏิเสธที่จะยอมแพ้ต่อเขา© MediaPunch Inc. / EAST NEWS
เมื่อเธอรู้จักเขาตัวตนของเขาจริงๆ แต่หัวใจของเธอได้ถูกกำหนดไว้ให้กับนักแสดงคนนี้ในเวลาเพียงไม่กี่เดือนไปแล้ว เธอจึงเปิดเผยว่า
“ฉันรู้ได้ในทันทีภายในเวลา 3 เดือนว่ามันต้องเป็นแบบนี้”

© MARCOCCHI GIULIO / SIPA / EAST NEWS
แต่มันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบเสมอไป ซูซานรู้ดีว่าในตัวของเขานั้นมีปีศาจอยู่ เธอเห็นว่าโรเบิร์ตเคยชินกับนิสัยเก่า ๆ ดังนั้นเธอตัดสินใจว่าเธอจะไม่ปล่อยให้เขาทำสิ่งนั้นอีก “ฉันได้เผชิญกับปีศาจหลังจากถ่ายภาพยนตร์เสร็จและฉันก็พูดกับเขาทันทีว่า ‘แบบนี้ต้องไม่รอดแน่ๆ ‘ และฉันพูดไปอย่างชัดเจนว่า หากเขาอยู่กับฉันทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดีแน่ ”
โชคดีของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เขารู้ว่าซูซานสามารถช่วยให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น © Thomas Janssen, Pacificcoastnews / EAST NEWS
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ตั้งสติได้เพราะแฟนสาวของเขา (ตอนนี้เป็นภรรยา) เธอได้ยื่นคำขาดให้เขามิเช่นนั้นเขาต้องสูญเสียเธอไป ดังนั้นเขาตระหนักได้ว่าเขาต้องการให้ซูซานอยู่ในชีวิตของเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม นอกจากนี้เขายอมรับว่าซูซานนั้นไม่เหมือนแฟนคนอื่นๆ ราวกับว่าเธอถูกกำหนดให้เข้ามาในชีวิตของเขาเพื่อช่วยเขา ด้วยเหตุนี้ โรเบิร์ตไม่สามารถหยุดรักภรรยาของเขาได้เลย
“เธอนั้นบริสุทธิ์แต่เธอก็มีด้านมืดของเธอ แต่ก็น่ายินดีเพราะเธอแสดงให้ฉันเห็นเท่านั้น”

เขายินดีที่จะเปลี่ยนชีวิตตัวเองเพื่อเธอ และเธอก็อยู่คอยสนับสนุนเขา ทั้งคู่ใช้เวลาเพียง 6 เดือนในการออกเดท และโรเบิร์ตก็ขอซูซานแต่งงาน ทั้งคู่แต่งงานกันในปี 2005 และในปีเดียวกันเขาก็ได้ทำงานในเรื่อง Kiss Kiss Bang Bang ผู้อำนวยการสร้างคิดว่าเป็นการดีที่สุดที่ซูซานอยู่กับเขาในตอนที่เขากำลังเลิกของไม่ดีเหล่านั้น และโรเบิร์ตรับรู้ว่าเธอคอยสนับสนุนเขาอยู่ตลอด
© AXELLE / BAUER-GRIFFIN.COM / East News
ซูซานกล่าวว่าพวกเขาเหมาะสมกันเหมือนชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ที่ไม่สมบูรณ์จนพวกเขาได้เจอกัน
“ฉันคิดว่าเขาเห็นสิ่งที่เรามี และมีบางอย่างที่น่าอัศจรรย์ที่เราไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเราเอง ซึ่งเขามักจะบอกว่า พวกเรากลายเป็นอีกแบบเมื่อเราอยู่ด้วยกัน – เป็นในสิ่งที่พวกเราไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง – และฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง” เมื่อช่วงเวลาที่ยากลำบากสิ้นสุดลง – และกลับสู่ความรุ่งโรจน์ด้วยความสุข พวกเขาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

© AFP / EAST NEWS
หลายคนคิดว่า Iron Man และ Sherlock Holmes ซึ่งออกมาในปี 2008 และ 2009 ตามลำดับทั้ง 2 บทบาทนี้ทำให้เขามีชื่อเสียงและกลับมาสู่จุดสนใจอีกครั้ง แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าซูซานนั้นช่วยให้สามีของเธอรับบทบาทนักสืบที่โด่งดังที่สุดนี้ กล่าวโดย Guy Ritchie ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดเผยว่า
“ถ้าซูซานไม่อยู่ในห้องตอนนั้นโรเบิร์ตคงไม่กลายเป็นเชอร์ล็อคโฮล์มส์”

สำหรับชีวิตส่วนตัวของพวกเขามันไม่ได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว ในช่วง 7 ปีแรกของการแต่งงานของพวกเขา ทั้งคู่มุ่งเน้นไปที่เปลี่ยนการใช้ชีวิตของโรเบิร์ตให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ภายหลังจากนั้นพวกเขาสนุกกับการอยู่ด้วยกัน และเริ่มสร้างครอบครัว
ทั้งสองรับเลี้ยงลูกชายคนแรกชื่อ Exton Elias ในปี 2012 หลังจากนั้น 2 ปีครอบครัวก็สมบูรณ์ขึ้นหลังจากซูซานให้กำเนิดลูกสาวชื่อ Avri Roel

ทั้งคู่ยังคงทำงานร่วมกัน นอกเหนือจากภาพยนตร์ Marvel Cinematic Universe ของโรเบิร์ต เธอกับเขาร่วมงานกันในภาพยนตร์ เช่น Sherlock Holmes: A Game of Shadows (2011) , The Judge (2014) และ Dolittle (2020) ทุกสิ่งนั้นเป็นไปด้วยดี

วันนี้โรเบิร์ตดาวนีย์จูเนียร์เป็นหนึ่งในนักแสดงที่เป็นที่รักมากที่สุดในฮอลลีวูด เพราะภรรยาของเขา ซูซาน เลวิน และไม่แปลกใจเลยที่เธอจะได้รับฉายาว่า “ปาฏิหาริย์ที่ช่วยชีวิตโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์”

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน