ในโลกของเราตอนนี้คงต้องบอกว่าพวกเราชอบที่จะติดตามอ่านเรื่องราวต่าง ๆ ของเพื่อนเพื่อนของเราหรืออาจจะของใครสักคนที่พยายามเขียนบางอย่างไว้บนระบบออนไลน์ ซึ่งเมื่อเราเข้าไปอ่านแล้วบ้างครั้งก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปตอบหรือแบ่งปันความเห็นซึ่งนั้นเองที่วันนี้พวกเราเพลินเพลิน จะหยิบยกเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นมาเล่าให้เพื่อนเพื่อนได้ฟังเพราะในบรรดากระทู้ถาม หรือ คำตอบเหล่านั้นมันก็มีหลายหลายครั้งที่ทำให้เราต้องขำ หรือ หยุดคิดตามไปด้วยเลย ถ้าเพื่อนเพื่อนพร้อมกันแล้วก็ไปอ่านกันเลยเถอะนะ

เรื่องแรกข้ออ้าง
เรื่องราวขำขำของเพื่อนที่แวะมาตอบกระทู้ที่มีผู้ตั้งคำถามว่าในเรื่องราวที่ผ่านมาของแต่ละคนนั้น มีเรื่องไหนบ้างที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดีเอามากมาก ซึ่งหลายหลายคนก็บอกเรื่องราวต่างๆมาเรื่อยจนกระทั้ง มาสะดุดกับข้อความของหญิงสาวผู้หนึ่ง ซึ่งเข้ามาบรรยายถึงเรื่องราวของตัวเองกับสามี ที่ต้องกลับมาทำงานที่บ้านแต่เนื่องจากว่าที่บ้านนั้นมีลูก ๆ ที่ต้องกลับมาเรียนออนไลน์เหมือนกัน จึงบอกกับภรรยาว่าต้องการที่จะลองย้ายไปทำงานที่บ้านของน้องสาวแทน เพราะที่นั้นเงียบสงบและจะไม่มีใครรบกวนซึ่ง มันก็ผ่านไปเรื่อย ๆ แบบไม่มีข้อสงสัยจนกระทั้งเจ้าตัวคุณภรรยาแอบไปเยี่ยมคุณสามีในตอนกลางวันของวันทำงานเพื่อที่จะสร้างความประหลาดใจ และมันก็ประหลาดใจจริง ๆ เพราะสิ่งที่เห็นคือคุณสามีนอนกลางวันอยุ่และไม่ได้ทำงานอะไรเลย ซึ่งเธอโกรธจริง ๆ เพราะเธอต้องอยู่ดูแลลูก ๆ ทั้งวันเพื่อที่จะให้คุณสามีได้ทำงาน แต่กลับกลายเป็นว่าคุณสามีมานอนสบายใจเฉิบเลยนี้แหละ งานนี้คงต้องกลับไปทำงานที่บ้านสถานเดียวแน่ๆ

เรื่องที่สองของดีดีต้องแบ่งกัน
เมื่อมีคุณผู้หญิงท่านหนึ่งเข้ามาตั้งหัวข้อแบบพูดลอย ๆ เล็กน้อยเกี่ยวกับว่าเรื่องที่เธอมักจะเอาสิ่งดีดีต่างๆ มาให้คุณผู้ชายของเธออย่างเช่น ซื้ออาหารที่อร่อยๆมาให้เมื่อเธอได้ชิมอาหารที่ถูกใจ หรือ อย่างเช่นเจอน้ำหอมดีดีก็มักจะเอามาแบ่งให้กันชื่นชม ซึ่งในบรรดาคอมเม้นต์ของสาว ๆ ก็มีชายหนุ่มผู้หาญกล้ามาตอบว่า แฟนของเค้าอาจจะไม่เหมือนคนอื่น ๆ เพราะทุกครั้งที่เธอมีเรื่องหรือมีสิ่งไม่แน่ใจอะไรก็แล้วแต่เธอก็จะให้ผมเป็นคนจัดการไม่ว่าจะเป็นอาหารที่ค้างในตู้เย็นมานานหลายเดือน แฟนของผมก็จะเรียกมาให้ผมพิสูจน์ด้วยการชิม หรือ ดมก่อน ซึ่งแรกๆผมก็มักจะได้ลองชิมอาหารที่หมดอายุแล้ว จนตอนนี้เวลาที่คุณแฟนของผมเรียกผมไปดมหรือชิมอะไรสักอย่างผมจะถามเธอก่อนว่าเธอได้ลองแล้วหรือยัง ถ้าเธอไม่ตอบหรือไม่สบตาผมจะเสนอให้เธอนำไปทิ้งแทนซึ่งหลังจากนั้นก็มีคนกดชื่นชมคอมเม้นต์นี้อย่างมากมายซึ่งเราก็คิดว่าน่าจะเป็นเหล่าหนุ่มที่เข้ามานั้นเอง

เรื่องที่สามมุกที่เข้าไม่ถึง
เมื่อมีเพื่อนของเราท่านหนึ่ง พยายามมาอธิบายถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาที่ออฟฟิศซึ่งบังเอิญมีพนักงานใหม่เข้ามาและเข้าชื่อว่า ปีเตอร์ “เจ้าของกระทู้จึงตั้งชื่อเล่นเขาว่า สไปเดอร์แมน” ซึ่งทั้งออฟฟิศเงียบกริบและไม่มีใครเข้าใจเค้าเลยซึ่งไม่มีใครเข้ามาตอบเลยจนกระทั้งมีเพื่อนคนหนึ่งเข้ามาตอบว่า “โลกของเรานี้ไม่มีแต่ฮีโร่และคนอื่นๆ ก็อาจจะไม่ได้ดูหนังทุกเรื่อง” ดังนั้นเวลาที่ใครพูดถึง ปีเตอร์ เค้าจึงอาจจะไม่ได้คิดไปถึง ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ผู้เป็นสไปเดอร์แมน และ ถ้าพูดถึงปีเตอร์แล้วละก็ เค้าก็อาจจะคิดถึง ปีเตอร์แพนแทนก็ได้ จริงไหมละ

เรื่องที่สามประชุมออนไลน์
เมื่อเพื่อนของเราเค้ามาตั้งหัวข้อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการที่ต้องมานั่งทำงานและประชุมออนไลน์จากที่บ้าน ซึ่งหลายหลายก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าการที่ต้องอยู่รวมกันกับคนอื่น ๆ อย่างเช่น แฟน และ ลูก ๆ ทำให้การทำงานจากที่บ้านและช่วงเวลาการประชุมออนไลน์คือช่วงที่น่าหวั่นเกรงที่สุด โดยมีคอมเม้นต์ขำขำอย่างเช่น
– ก่อนเริ่มประชุมเราบอกทุกคนว่าอย่าเข้ามาในห้อง เพราะเราจะใช้ห้องประชุม แต่พอเริ่มไปได้แค่ 5 นาที คุณสามีก็มาเคาะประตูพร้อมกับบอกว่าจะเข้ามาในห้องด้วยชุดผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ยังดีนะที่เราเคาะล็อคห้องไว้ไม่งั้นเพื่อนๆ ของเราคงต้องเจอภาพที่ไม่คาดฝันแน่ ๆ
– ต้าวที่บ้านจะมีเซ็นต์พิเศษเพราะทุกครั้งที่เริ่มประชุม น้องจะต้องเดินเข้ามาในห้องและร้องเรียก หรือ เข้ามาที่หน้าคอมเพื่อที่จะเรียกร้องให้เราหาอาหารให้ทาน

เรื่องที่สี่มันไม่ได้อยู่ที่บ้าน
เมื่อเราบังเอิญเข้าไปอ่านท๊อปคอมเม้นต์ของกระทู้อันหนึ่งซึ่งตั้งหัวข้อแบบลอย ๆ ไว้ว่าอยากได้บ้านเล็ก แต่เรื่องที่ลงกลับสร้างคอมเม้นต์ให้พูดถึงมากมายด้วยหัวข้อที่ลงไว้ว่า

  • ผมจะหาบ้านเล็กๆ แบบอบอุ่นได้แถวไหนบ้าง เพราะตอนนี้พอไปอยู่บ้านพ่อผมก็แทบจะไม่เจอหน้าใครเลยผมว่าบ้านมันหลายชั้นเกินไปแต่ละชั้นก็กว้าง 200-300 ตารางเมตร เวลาจะไปหาใครก็ต้องคอยโทรถาม พอจะย้ายไปที่บ้านแม่ก็ยิ่งแล้วใหญ่เพราะเราต้องใช้วอคกี้ทอคกี้แทนเนื่องจากแม่ชอบอยู่กับต้นไม้เลยไปสร้างบ้านชั้นเดียวอยู่กลางหุบเขาที่ไม่มีเพื่อนบ้าน และสัญญาญโทรศัพท์เลย ถึงแม้ว่าจะอากาศดีแต่ก็ลำบากหน่อย ๆ นะ

และคอมเม้นต์ที่เข้ามาก็มีการพูดถึงมากมายแต่ไม่ได้พูดถึงบ้านเล็ก ๆ เลยแต่กลายเป็นไปพูดถึงว่าเจ้าของกระทู้นั้นช่างเวอร์เหลือเกินและไม่ค่อยเชื่อ แต่มีคอมเม้นต์หนึ่งที่เข้ามาและหลายหลายคนก็กดถูกใจ โดยข้อความที่ลงไว้ก็คือ “เจ้าของกระทู้ไม่ต้องหาบ้านเล็ก ๆ หรอก แค่ใช้บ้านเดิมแล้วอยู่ในห้องด้วยกันก็พอ นอกเสียจากคนในบ้านจะไม่ถูกกัน บ้านไหนๆ ก็ทำให้ใกล้ชิดกันไม่ได้หรอก” อ่านแล้วก็จุกกันไปเลยเนอะ

เรื่องที่ห้าก็รู้ตอนนี้แหละ
ด้วยหัวข้อแบบติดตลกที่ตั้งขึ้นมาว่า “คุณรู้เมื่อไหร่ว่าไฟของตู้เย็นไม่ได้เปิดตลอดเวลาแต่มีสวิตช์ไฟที่จะปิดตอนที่เราปิดบานประตูเข้าไป” ซึ่งคอมเม้นต์ก็เข้ามาพูดกันอย่างสนุกสนาน โดยบอกไปถึงว่าบางคนเคยพยายามแง้มบานตู้เย็นหรือปิดช้า ๆ เพื่อค่อยดูว่าไฟจะปิดหรือเปิดเองได้อย่างไร ซึ่งคอมเม้นต์ก็สนุกสนานจนกระทั้งมีเพื่อนของเราคนหนึ่งเข้ามาบอกว่า “ผมเพิ่งรู้ตอนที่ได้มาอ่านกระทู้นนี้นี้แหละ” และหลังจากนั้นก็บรรยายต่อว่าเมื่อเขาได้อ่านก็เอะใจและลองไปดูและทำตามคอมเม้นต์ต่าง ๆ ที่เพื่อนเพื่อนลงไว้ซึ่งก็เลยกลายเป็นว่าเพื่อนเพื่อนคนอื่น ๆ ต่างเข้ามาคุยกับเค้าแทนและไม่ได้สนใจเจ้าของกระทู้เลย

แล้วเพื่อนเพื่อนละคุณเคยแสดงความคิดเห็นแล้วคุณภาคภูมิใจในคำตอบนั้นของคุณขนาดไหน ถ้ามันน่าสนใจแล้วละก็ช่วยแบ่งปันมันกับพวกเราด้วยสิ

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจากเพื่อนเพื่อน เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน