บางคนเชื่อว่าการขับขี่อย่างปลอดภัยนั้น ต้องเรียนรู้กฎจราจร และขับรถด้วยความระมัดระวัง อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากกฎเหล่านั้นแล้วยังมีกฎอื่นที่ควรปฏิบัติตาม ตัวอย่างเช่น การปรับที่นั่งอย่างปลอดภัย และหากคุณเพิกเฉยต่อกฎเหล่านี้ คุณอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ แม้จะเกิดความผิดพลาดเพียงแค่เล็กน้อยในการขับรถ

เราได้ทำการวิจัยมาแล้ว และตอนนี้เราสามารถบอกคุณได้ว่าเบรคของคุณทำงานอย่างถูกต้องหรือไม่? รวมถึงวิธีปรับที่นั่งและสิ่งที่มีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย

1. ปรับที่นั่งคนขับให้ถูกต้อง

หลายคนไม่เชื่อว่าท่าที่ถูกต้องในขณะที่หมุนพวงมาลัยนั้นสำคัญ “ฉันรู้สึกสบายใจในแบบนี้” หรือ “มันจะไม่มีผลอะไร” – เป็นวลีที่ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ที่ไม่ค่อยกังวลเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยมากนัก อย่างไรก็ตามท่าทางของผู้ขับขี่ควรถูกกำหนดให้ทุกคนได้ทราบ เพื่อความปลอดภัยของผู้ขัยขี่รถยนต์

ท่านั่งที่ถูกต้องในแง่ของความปลอดภัย:

ท่านี้ใช้แรงดันจากด้านหลังและป้องกันไม่ให้ผู้ขับขี่รู้สึกเหนื่อยในระหว่างการเดินทางไกล ทำไมมันถึงสำคัญ? เพราะในกรณีฉุกเฉินทุกคนจะทำทุกอย่างโดยสัญชาตญาณ ยกตัวอย่างเช่นทุกคนมักจะออกแรงดันมือกับพวงมาลัยก่อนที่รถจะชน ในเวลาเดียวกันจะใช้เท้าเหยียบกับที่พักเท้าและพื้น ทำให้ข้อต่อหัวเข่าและข้อศอกที่เหยียดอยู่นั้นอาจได้รับบาดเจ็บแม้ว่าจะชนเล็กน้อย

ตัวอย่างของท่าทางที่ไม่ถูกต้อง: เนื่องจากตำแหน่งที่นั่งไม่ถูกต้อง ร่างกายของผู้ขับขี่อยู่ต่ำเกินไป และแขนต้องยึดพวงมาลัยไว้แทนที่จะหมุนพวงมาลัยได้ง่าย เพราะคนขับนั่งอยู่ห่างจากพวงมาลัยและคันเร่งมากเกินไป

จะดีกว่าหากหัวเข่าและข้อศอกงอสักเล็กน้อย เพื่อลดการกระแทก ก่อนอื่นคุณต้องปรับที่นั่งตามความสูงและพิงพนักเก้าอี้ เพื่อที่จะวางเท้าขวาของคุณบนแป้นเบรกแล้วเหยียบคลัตช์ลงจนสุดด้วยเท้าซ้าย (ถ้าคุณขับรถเกียร์อัตโนมัติให้วางขาซ้ายบนที่วางเท้าเพื่อพักขา) เมื่อดันที่นั่งไปข้างหน้าจะทำให้เข่าขวา งอเล็กน้อย
ตามภาพประกอบด้านล่าง

ตอนนี้เราต้องปรับเบาะ เพื่อให้คุณหยียดขาเพื่อเหยียบคันเร่ง ร่างกายของคุณไม่ควรขยับเอนไปด้านหลังของที่นั่ง หากร่างกายของคุณไม่ตรงให้ขยับเบาะให้ชิดขึ้นให้หลังเป็นแนวตั้ง การปรับนี้ถือว่าถูกต้อง แต่ร่างกายของคุณต้องไม่เอนไปข้างหน้า ขั้นตอนการปรับขั้นสุดท้ายสำหรับการขับขี่ที่เหมาะสมคือการหาตำแหน่งที่เหมาะสมระหว่างคุณกับพวงมาลัย:

ให้วางฝ่ามือของคุณลงในแนวตั้ง ควรอยู่ตำแหน่งที่พอดีระหว่างขาและพวงมาลัย (ตามภาพด้านล่างมือซ้าย)
เหยียดแขนให้ข้อมือของคุณอยู่บนพวงมาลัย นั่นคือระยะที่ถูกต้อง(ตามภาพด้านล่างมือขวา)

2. ตรวจสอบระบบเบรค

© depositphoto © oscaroparts
อาการที่เกิดจากระบบเบรคทำงานผิดปกติ:
-เสียงแหลมและเสียงลั่นดังเอี๊ยดเมื่อเบรค-แป้นเบรคเกิดการสั่นสะเทือน สิ่งนี้ยอมรับได้ก็ต่อเมื่อเป็นระบบเบรค ABS ทำงาน-รถวิ่งเซไปด้านข้างเมื่อแตะเบรก-มีร่องรอยของการรั่วไหลของน้ำมันเบรคที่ด้านในของล้อ

อย่ารอจนกว่าคุณจะรับรู้อาการเหล่านี้ คุณควรตรวจเช็คสภาพของผ้าเบรคและท่อเบรคของรถ รอยแตกเล็กน้อยในท่ออาจทำให้คุณเบรคไม่อยู่ในช่วงเวลาที่จำเป็นที่สุด อย่างมีคนวิ่งตัดหน้า เพื่อที่จะตรวจสอบว่าระบบเบรคทำงานอย่างถูกต้องหรือไม่ ให้ลองเชคด้วยการจับดู หากมันแตกเมื่องอมัน นั้นแสดงว่าคุณจำเป็นต้องเปลี่ยนมันแล้ว

3. อย่ายกส้นเท้าออกจากพื้นขณะเปลี่ยนจากคันเร่งเป็นแป้นเบรค

© pablofdezr1984 / depositphotos © aunaauna2012 / depositphotos
คำแนะนำนี้จะป้องกันไม่ให้เท้าของคุณลื่นไถล่จากคันเร่งหรือแป้นเบรก อย่างไรก็ตามขนาดเท้าของคุณก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน ยิ่งเท้าเล็กเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่สะดวกในการทำตาม

คำแนะนำนี้
สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าเมื่อใช้เท้าเหยียบคันเร่ง ไม่ควรยกเท้าลอย ส้นเท้าควรจะอยู่ติดพื้นเสมอ ในขณะที่เมื่อเหยียบเบรคส้นเท้าอาจไม่สามารถแตะถึงพื้นได้ ขึ้นอยู่กับขนาดเท้าและระยะห่างระหว่างกัน

นอกเหนือจากราคาน้ำมันแล้วมีอะไรอีกที่คุณสนใจเมื่อคุณเริ่มขับรถ เรายินดีที่จะรับรู้เรื่องราวจากคุณ
เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมจากผู้เขียน