กับบางคนก็อย่าหาเหตุและผลเพราะคุณจะไม่ได้เจอมันอย่างแน่นอน

ใกล้จะเข้าสู่สิ้นเดือนกันแล้วตอนนี้ใครหลายคนก็คงจะต้องเริ่มหันหน้าเข้าสู่เมนูและจำเสิ้นเดือนกันแล้วสินะ และนั้นก็คือเมนูสุดฮิตของคนทำงานอย่างเรา “มาม่านั้นเอง” ซึ่งมันก็เป็นเพราะงานที่เร่งรีบจนเราไม่สามารถออกไปเที่ยวเล่นได้บวกกับค่าใช้จ่ายหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นแทบจะรายวันเลยก็ว่าได้ ทำให้ตัวเลือกของการทานอาหารที่บ้านเป็นเรื่องที่หลายคนเลือกที่จะทำนั้นเอง ซึ่งฟังดูก็มีเหตุผลใช่ไหมละแต่วันนี้เราไม่ได้จะมาคุยกันเรื่องนี้หรอกนะเพราะอันที่จริงแล้วพวกเราเพลินเพลินได้ไปอ่านเจอเรื่องราวของเพื่อนเพื่อนบนโลกออนไลน์ที่เรียกได้ว่ามันช่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ หรือจะเรียกว่าไม่มีที่มาที่ไปแบบขนานแท้เลยก็ว่า ซึ่งพอพวกเราอ่านแล้วก็ต้องหยุดคิดแล้วหันไปบอกกับเพื่อนข้างๆกันเลยว่า “แบบนี้ก็มีด้วยเหรอเนี้ย” นั้นก็เลยเป็นที่มาของเรื่องราวในวันนี้ที่พวกเราเลือกมาให้เพื่อนเพื่อนได้อ่านกันนั้นเอง

และเราก็อยากให้เพื่อนเพื่อนลองอ่านเรื่องราวเหล่านี้ให้จบก่อน แล้วจึงค่อยมาบอกพวกเราอีกครั้งหนึ่งว่าคุรคิดแบบเดียวกับพวกเราหรือไม่เพราะบางครั้งคุณอาจจะเป็นหนึ่งในล้านคนก็ได้ที่สามารถเข้าใจพวกเค้าเหล่านั้นได้

อยากให้เจอคนดีดี
ตอนที่เรากำลังตัดสินใจจะแต่งงานและเริ่มที่จะพาสามีของเราเข้าบ้านเพื่อทำความรู้จักกับทุกๆคน แต่พ่อแม่กลับไม่ชอบสามีของฉัน โดยเฉพาะแม่ซึ่งออกอาการอย่างมาก พอแม่รู้ว่าเรากำลังจะแต่งงานกัน แม่ก็โกรธมากและบอกกับเราว่าไม่ต้องติดต่อมาอีก และขอเวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนเพื่อทำใจ ต่อมาเมื่อฉันมีลูก พ่อแม่ของเราถึงจะเริ่มยอมรับและเริ่มที่จะพูดคุยกับสามีของเรา และพบว่าเขาเป็นคนที่ดีมากๆ โดยสามีฉันช่วยอาสาที่จะช่วยงานต่าง ๆ หรือธุระต่าง ๆ ของพ่อและแม่ของเราเสมอ และพวกเราก็ถือว่ามีฐานะทีเดียวเพราะพวกเรามีทั้งบ้าน และลูกๆ กับเงินจำนวนมากพอที่จะซื้อสิ่งที่เราจำเป็นต้องมี และในที่สุดครอบครัวของเราก็เริ่มปรับตัวเขากับสามีของเราได้ แต่ที่พีคคือแม่ยังแอบบอกกับเราบ่อยว่า “เค้ายังบอกว่าถ้ามีเวลาหรือมีปัญหาให้รีบบอก เพราะเค้ายังอยากให้เราได้เจอกับผู้ชายคนอื่น สักหน่อยเพื่อว่าเราจะเปลี่ยนใจ” แม่….ไม่ได้ดูเลยเหรอไงว่าเค้ามีลูกกันจนโตขนาดไหนแล้วเนี้ย

กระเป๋าในฝัน
เราเป็นพนักงานร้านเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของเมือง ซึ่งของส่วนใหญ่ที่เรามีก็มาจากแบนด์ดังและไม่แบนดท้องถิ่น ซึ่งก็ขอบอกไว้เลยว่าร้านเราของเยอะสุดและครบสุดแล้ว แต่หลายวันก่อนก็มีลูกค้ามาตามหากระเป๋าถือสำหรับสุภาพสตรีซึ่งเธอคนนั้น มีรายละเอียดและแบบร่างมาค่อนข้างทำให้เข้าใจได้ง่าย แต่หลังจากที่เราลองดูรายละเอียดเหล่านั้นและลองพยายามเทียบกับภาพสินค้าที่เรามีเก็บไว้ ก็ไม่พบว่ามีของแบบที่เธอต้องการเลย (อาจจะมีใกล้เคียงบ้างแต่ลูกค้าต้องการแบบตามที่เธอร่างมา) ทำให้เราต้องเรียกพนักงานและผู้จัดการมาช่วยกันคิดและลองค้นแบบอยู่นาน แต่ก็ไม่พบจนในที่สุดพวกเราก็ลงความเห็นว่าควรถามถึงที่มาหรือที่เธอไปพบกระเป๋าในนั้น เพราะอาจจะได้ข้อมูลที่เชื่อมโยงไปถึงสินค้าตัวนั้นได้ แต่คำตอบที่ได้ก็ทำให้เราอึ้งไปเลยเพราะเธอบอกว่า “ฉันเห็นมันในฝันเมื่อคืน” โถ่ๆๆๆคุณคะแบบนั้นมันจะไปมีเหมือนเลยได้ยังไง แค่ใกล้เคียงก็ยังพอเป็นไปได้แต่ถ้าให้เหมือนเลยคงต้องเป็นร้านในฝันด้วยแหละจ้า

ทำไมไม่ปิดแอร์
ตั้งแต่เปิดเทอมใหม่มาเราและเพื่อนในห้องก็มีรายงานของอาจารย์ประจำวิชาต่าง ๆ ที่ต้องแบ่งกลุ่มกันทำเสมอ ทำให้เราได้พบและคุยกับเพื่อนคนอื่นๆในห้องแทบทุกคนซึ่งก็ดูเป็นเรื่องที่ดีนะ ที่ได้เจอคนใหม่ๆและได้ลองทำงานร่วมกัน แต่หนึ่งในเพื่อนของเราที่ต้องไปทำรายงานด้วยครั้งล่าสุดก็ต้องทำให้เราประหลาดใจเพราะ ตอนที่ทำงานดึกจนต้องไปค้างที่ห้องปรากฎว่า ในห้องนอนที่เค้าเตรียมให้มันไม่มีผ้าห่ม(ตอนนั้นเป็นหน้าร้อน) เราก็เลยบอกอย่างเกรงใจไปว่าเราต้องการผ้าห่มจะเป็นไปได้ไหมก่อนที่เค้าจะทำหน้าประหลาดใจแล้วถามว่า ร้อนขนาดนี้ยังจะเอาผ้าห่มไปทำไม ซึ่งเราก็อธิบายว่าเราจะเปิดแอร์นอนนี้แหละแต่มันน่าจะหนาวเราเลยจะเอาห่มผ้า ซึ่งพูดจบเค้าก็ทำท่าคิดก่อนจะบอกว่า “หนาวก็ปิดแอร์หรือเบาแอร์สิ จะเปิดหนาวๆ แล้วห่มผ้าทำไม ?” ฟังดูก็จริงนะ แต่เราก็อึ้งไปนิดนิดก่อนจะคิดว่าผ้าห่มมันก็ต้องมีเปล่าวะ

ตัวใหญ่
เราเป็นอาจารย์สอนพิเศษให้กับเหล่าบรรดาเด็กหรือผู้ใหญ่ที่อายุมากแต่ต้องการเรียนคอมพิวเตอร์ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งแรกที่ทุกคนต้องเรียนนั้นก็คือการใช้แป้นพิมพ์เพื่อพิมพ์ในการสร้างเอกสารหรือเพื่อนการสื่อสารตัวโปรแกรมสื่อสารต่าง ๆ และก็มักจะมีคำถามเกิดขึ้นเสมอเพราะนั้นคือสิ่งใหม่ที่พวกลูกศิษย์เพิ่งเจอ อย่างเช่นจะพิมพ์อักษรภาษาอักฤษตัวพิมพ์ใหญ่ต้องทำอย่างไร ซึ่งเราก็บอกไปว่าให้กด Shift และตามด้วยตัวอักษรที่เราต้องการ มันก็จะเป็นตัวพิมพ์ใหญ่แล้ว แต่ในระหว่างคาบเรียนวันนั้นลูกศิษย์คนหนึ่งก็ยกมือขึ้นแล้วเค้าก็ถามว่าเราจะพิมพ์เครื่องหมาย @ ต้องกดตรงไหนซึ่งเป็นธรรมดาที่คนที่เพิ่งเริ่มใช้คอมและหัดพิมพ์จะไม่รู้ แต่หลังจากที่เราบอกเค้าไปว่าให้กด Shift แล้วตามด้วยแป้นพิมพ์เลข2 เค้าก็หันมาแล้วบอกเราสั้นๆว่า แบบนั้นมันจะไม่ได้ เลข 2 ที่ตัวใหญ่เหรอ ซึ่งเราได้แต่ยิ้มแล้วก็ให้เค้าลองกดดู “เออก็เอาไปรวมกันจนได้สิเนอะ”

มันอยู่ร่วมกันได้
วันก่อนเราไปช่วยเพื่อนย้ายห้องซึ่งทำให้เรารู้ว่าความเชื่อบางอย่างก็เป็นเรื่องที่สามารถทำให้ทันสมัยได้ เพราะก่อนที่จะเข้าห้องเค้าเปิดรูปแมวจากโทรศัพท์มือถือและวางเข้าไปในห้องเป็นเวลา 1 นาทีก่อนจะหันมาบอกเราว่า “ตามธรรมเนียมท้องถิ่นของเรา เชื่อว่าสำหรับบ้านใหม่หากมีแมวเข้ามาอยู่เป็นอย่างแรกมันจะนำความสุขมาให้” ซึ่งนั้นทำให้เราคิดว่าอันที่จริงแล้วธรรมเนียมท้องถิ่นและเทคโนโลยีก็สามารถไปด้วยกันได้ถ้าเรารู้จักประยุกต์ใช้

อาหารเช้า
เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ใครใครหลายคนก็คิดที่จะต้องการเปลี่ยนตัวเองใหม่ด้วยเช่นกัน รวมถึงภรรยาเราด้วยที่อยากจะลุกขึ้นมาดูแลน้ำหนักด้วยการทานอาหารเช้าและเที่ยงแต่ไม่ทานอาหารเย็น ซึ่งวันแรกก็ผ่านไปด้วยดีแต่พอเข้าวันที่สองที่เธอต้องออกไปทำงานจนดึกแต่เธอก็พยายามไม่ทานมื้อเย็น ซึ่งพอช่วงที่เรากำลังจะเข้านอนเค้าก็หันมาถามเราว่าเช้าวันใหม่มันเริ่มต้นตั้งแต่เที่ยงคืนหนึ่งนาทีใช่ไหม เราตอบกลับไปว่าใช่โดยที่ไม่ได้คิดอะไรแต่สักพักก็แอบคิดว่าเธอคงไม่ตื่นมาเพื่อทานตอนนั้นหรอกใช่ไหม ซึ่งนั้นก็เป็นอย่างที่เราคิดจริงๆ เพราะเธอลุกขึ้นมาหยิบอาหารในตู้เย็นแล้วนั่งทานอาหารตอนหลังเที่ยงคืนแล้วบอกกับเราว่านั้นคือมื้อเช้าของเธอ

มันไม่รู้หรอก
บางครั้งกับคำถามบางอย่างมันก็ยากที่จะตอบอย่างเรื่องราวที่เรากำลังจะเล่าให้เพื่อนเพื่อนฟังเกี่ยวกับคุณยายของเรานั่นเอง ปกติเราจะมีบริการส่งอาหารให้ที่บ้านของเราสำหรับอาหารมื้อเย็นสำหรับลูกของเราที่จะกลับจากโรงเรียน แต่วันนั้นพอดีคุณยายมาเยี่ยมเราที่บ้านซึ่งเรากะว่าจะรีบกลับมาแล้วพาท่านไปทานอาหารนอกบ้าน แต่เราคงกลับมาช้าไปเพราะตอนที่เรามาถึงเราก็เห็นกล่องอาหารเด็กถูกเปิดทานซะแล้ว ซึ่งเราก็บอกออกไปว่ายายไม่น่ารีบทานอาหารกล่องนี้เลยเพราะเราจะกลับมาพาท่านไปทานร้านอาหารข้างนอก และที่สำคัญนี้มันก็เป็นอาหารเด็กด้วย แต่คุณยายกลับตอบเราด้วยอารมณ์ขันว่า “อาหารกล่องมันไม่รู้หรอกว่าคนที่ทานมันเข้าไปอายุเท่าไหร่ หรือมันจะรู้แล้วคิดว่ายายเป็นเด็กกันแน่นะ”

ต้องไม่ซ้ำรอยเดิม
เรามีเพื่อนที่ทำงานเป็นคุณแม่ลูกหนึ่งซึ่งก็ทำงานกันมานานแล้ว และเค้าก็มักจะแต่งหน้าและแต่งตัวสบายๆ โดยไม่ได้สนใจเรื่องความสวยความงามเท่าไหร่นัก แต่จู่ๆหลังจากที่เค้ารู้ว่ากำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองเค้าก็มาขอลาพักร้อนเพื่อจะไปทำการเสริมจมูก ซึ่งพวกเราก็สงสัยกันมากและถามเค้าไปว่าทำไมถึงเพิ่งมาอยากทำเอาตอนนี้ แต่คำตอบที่ได้ก็ทำให้เราทั้งหมดอึ้งไปเพราะเค้าตอบว่า “ลูกคนแรกของเค้าออกมาจมูกเหมือนเค้าเลย และเค้าจะไม่ยอมให้ลูกคนที่สองต้องเป็นแบบนั้น ดังนั้นเค้าจึงจะไปทำมันเพื่อให้เด็กที่กำลังจะเกิดมาได้สิ่งที่ดีที่สุด” ….อยากจะบอกว่ามันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดแต่ก็ไม่กล้าพอ

บางเรื่องเราก็งงจริงๆ ว่าพวกเค้าไปคิดเรื่องแบบนั้นออกมาได้ยังไงทั้งๆที่มันแทบจะเหนือจินตนาการขนาดนั้น แล้วเพื่อนเพื่อนละมีเรื่องราวแบบนี้ให้เจอกันบ้างหรือเปล่าอย่าลืมบอกเราด้วยละเพราะพวกเราก็อยากจะฟังเรื่องราวสนุกๆแบบนี้อีก
เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน