สำหรับบางคนการทำงานบ้านเป็นงานที่น่าเบื่อมาก แต่จากสถิติเราก็ยังจำเป็นต้องใช้เวลาทำความสะอาดสัปดาห์ละ 5-10 ชั่วโมง และ ความจริงเรื่องนี้จึงเป็นจุดตั้งต้นของการคิดและทำเครื่องใช้ในบ้านที่ช่วยทำงานบ้านอย่างการซักเสื้อผ้า ปรุงอาหารและอุ่นอาหารเหล่านี้ เกิดขึ้นซึ่งหากคิดดูแล้วมันช่างเป็ยการคิดค้นที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง ในวันที่เรามีพร้อมทุกอย่าง คุณอาจจะนึกภาพชีวิตที่ไม่มีเครื่องซักผ้าไม่ออกจริงๆ แต่เราอยากให้คุณลองคิดว่าของทุกอย่งยอมมีอายุการทำงานและการใช้งานที่ไม่ถูกวิธีหรือการไม่ดูแลบำรุงรักษาก็อาจจะเป็ยสาเหตุให้เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ที่เราใช้งานอยู่ต้องพังไปก่อนเวลาออันควร ดังนั้นคุณจึงควรจะมีความรู้ในการใช้งานและดูแลรักษาสิ่งเหล่านี้ไปด้วยเพื่อให้เครื่องมือเครื่องใช้เหล่านี้อยู่กับเราอย่างคุ้มค่า
พวกเราศึกษาบทความของช่างซ่อมและพบว่าคนส่วนใหญ่ที่ไม่รู้เรื่องการดูแบรักษานั้นแหละคือคนที่ทำลายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านด้วยมือของตัวเองและสิ่งที่เราสามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือแบ่งปันข้อมูลกับเพื่อน ๆ เพื่อที่ว่าจะได้ใช้เป็นความรู้ในการดูแลสิ่งของเหล่านั้น
เตาอบไมโครเวฟ
ไมโครเวฟจะต้องมีการทำความสะอาดคราบไขมันที่ติดอยู่ภายในเครื่องอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ต่อหนุึ่งครั้ง มิฉะนั้นเครื่องอาจจะให้ความร้อนกับอาหารอย่างไม่สม่ำเสมอและจะเริ่ม ทั้งนี้ไมโครเวฟมีฝาครอบด้านข้างช่วยป้องกันเครื่องกำเนิดไมโครเวฟ (magnetron) หากคุณไม่สามารถทำความสะอาด มันอาจจะผุกรอนได้หรือหากเกิดรอยขีดข่วนไมโครเวฟจะหยุดทำงานได้
© Depositp Photos © reorytova / Pikabu
ข้อสังเกตุเบื้องต้นหากคุณอุ่นอาหารแล้วพบว่าอาหารบางส่วนของจานร้อนไม่เท่ากันนั้นแสดงว่าเครื่องของคุณเริ่มทำงานไม่สมบูรณ์แล้ว คุณควรทำความสะอาดเบื้องต้นและลองอุ่นอาหารอีกครั้งถ้าผลยังเหมือนเดิมเราแนะนำให้รีบไปหาช่างซ่อมก่อนที่มันจะเสียไปมากกว่านี้
- อย่าติดตั้งไมโครเวฟใกล้กับอุปกรณ์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากคลื่นวิทยุที่ปล่อยออกมาจากอุปกรณ์เหล่านี้อาจทำให้เกิดความผิดปกติในไมโครเวฟ
- คุณควรล้างเครื่องไมโครเวฟด้วยฟองน้ำที่ชุบน้ำสบู่ และเช็ดด้วยผ้าแห้ง แต่ทำมีคราบฝังแน่นจริง ๆ ก็สามารถใช้เบกกิ้งโซดาผสมน้ำเช็ดทำความสะอาดได้แต่อย่าทำบ่อย เพราะผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอย่างด้วยเบกกิ้งโซดาและผงขัดอื่น ๆ มีอนุภาคขนาดเล็กและความสามารถกัดกร่อนไขมันและสารเคลือบอื่น ๆ จากภายในได้ดังนั้นนอกจากมันจะกำจัดคราบแล้วมันยังกัดกรอนแผงอุปกรณ์ของไมโครเวฟด้วย
เครื่องซักผ้า
Anti-limescale สามารถทำลายเครื่องซักผ้าของคุณได้ เพราะกรดซิตริกก็เป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์รุนแรง และถ้าคุณใช้งานมันบ่อยเกินไปเครื่องซักผ้าของคุณก็อาจจะพังเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
© Depositphotos © Science Photo Library / EAST NEWS
- หากคุณไม่ต้องการใช้เครื่องให้ถอดปลั๊กออก เนื่องจากแผงวงจรของเครื่องซักผ้าอัตโนมัติมีความไวต่อความผันผวนของระบบกระแสไฟฟ้า
- ทุกคนรู้ว่าควรทำความสะอาดตัวกรองท่อระบายน้ำที่เก็บสิ่งสกปรก ขนสัตว์และเส้นผมจำนวนมาก อย่างไรก็ตามเครื่องซักผ้ามีตัวกรองอากาศ ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังท่อน้ำเข้าโดยตรง เพื่อให้สามารถเข้าถึงได้ คุณต้องถอดท่อที่จ่ายน้ำออกจากเครื่อง ตัวกรองนี้จะต้องล้างด้วยน้ำสบู่อุ่น ๆ และหากจำเป็นให้ใช้ผงซักฟอกที่มีฤทธิ์ anti-limescale
- อย่าใช้เครื่องเป็นเวลาหลายรอบติดต่อกัน ควรพักเป็นเวลา 2 ชั่วโมงระหว่างรอบการซักมิฉะนั้นมอเตอร์และสายพานจะไม่สามารถใช้งาน
- สามารถติดตั้งเครื่องซักผ้าในห้องน้ำเฉพาะในกรณีห้องนั้นมีระบบระบายอากาศที่ดี มิฉะนั้นด้านในของเครื่องอาจจะสึกกร่อนและเกิดเชื้อราได้
ตู้เย็น
ควรมีพื้นที่ว่างเหลืออยู่รอบตู้เย็นอย่างน้อย 2-2.5 นิ้วเพื่อป้องกันมิให้เครื่องร้อนเพราะทำงานหนักเกินไป หากตู้เย็นตั้งอยู่ใกล้กับผนังอาจทำให้ความร้อนของมอเตอร์สะท้อนกลับมาและทำให้มอเตอร์เสียเร็วขึ้นได้
- คุณไม่ควรวางไมโครเวฟ ทีวีและสิ่งอื่น ๆ ไว้บนตู้เย็น เพราะระบบการทำงานของสิ่งพวกนี้จะสร้างความร้อนและทำให้ตู้เย็นทำงานหนักเกินความจำเป็น
- ตู้เย็นที่อัดแน่นไปด้วยอาหารทำให้ทุกคนมีความสุขแน่นอน แต่ถ้าคุณเก็บไว้อย่างนี้ตลอดเวลาคุณจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องความเย็นไม่พอได้ ดังนั้นควรมีที่ว่างเหลืออยู่ในตู้เย็นเพื่อให้อากาศไหลเวียน ได้ดีและทั้งตู้เย็นและอาหารของคุณก็จะเก็บไว้ได้นานตามที่มันควรจะเป็นด้วย
- อาหารแช่แข็งเป็นทางเลือกในการเก็บอาหารที่ทำให้รสชาติของอาหารยังดีอยู่และสะดวกในการดูแล แต่การที่เราซื้อและเก็บอาหารไว้ในช่องแช่แข็งมากเกินไปก็ทำให้ระบบทำงานได้ไม่เต็มที่ดังนั้น คุณจึงควรตรวจสอบอาหารแช่แข็งและจัดการระเบียบภายในช่องแช่แข็งอย่างน้อยเดือนละครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรที่ถูกลืมทิ้งไว้
เครื่องล้างจาน
เครื่องล้างจานไม่สามารถล้างโปรตีนที่ต้มแล้ว นี่คือเหตุผลที่คุณจะต้องล้างคราบน้ำซุปที่เหลืออยู่ในหม้อหรือคราบไข่ทอดด้วยตนเองก่อนนำเข้าเครื่อง
© Depositp Photos © Depositphotos
- ต้องกำจัดเศษอาหารด้วยมือเพื่อไม่ให้ท่อระบายน้ำอุดตัน เครื่องล้างจานที่ทันสมัยมีโหมดทำความสะอาดก่อนล้างคุณจึงไม่จำเป็นต้องล้างจาน เพียงแค่ปัดเศษอาหารลงในถังขยะก่อน
- เป็นการดีที่จะทดสอบความกระด้างของน้ำ ด้วยการใช้แถบทดสอบก่อนติดตั้งเครื่องล้างจาน มันจะช่วยให้คุณใช้โหมดการล้างอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และควบคุมปริมาณการใช้น้ำยาล้างจาน
- การก่อตัวของคราบเกิดขึ้นเมื่อเกลือของกรดคาร์บอนิกสลายตัวเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ และกลายเป็นตะกอนที่ไม่สามารถละลายน้ำ กระบวนการนี้จะเกิดได้ง่ายขึ้นหากน้ำมีความกระด้างสูง และหากคุณใช้โหมดการล้างด้วยน้ำยาล้างจานแบบเข้มข้นเป็นประจำที่อุณหภูมิสูงเกิด 120 ° F เราขอแนะนำว่าให้ลดอุณหภูมิลงเพราะน้ำยาล้างจานที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดคราบได้ดีที่อุณหภูมิ 100 ° F-120 ° F และสิ่งนี้สามารถช่วยให้คุณประหยัดทั้งค่าไฟฟ้าและป้องกันเครื่องล้างจานจากการทำงานหนักที่ไม่จำเป็น
เครื่องปิ้งขนมปัง
หลังจากทำขนมปังแล้วควรถอดปลั๊กอุปกรณ์ออกจากเต้าเสียบเพื่อป้องกันอันตรายจากไฟลัดวงจร
© Pattie / Flickr © Kai Hendry / Flickr
- การอบแต่ละครั้งชิ้นขนมปังควรจะมีขนาดเท่าๆ กันเพื่อที่น้ำหนักและความแรงของไฟจะทำให้มันสุกใกล้เคียงกัน และหากชิ้นไหนเล็กกว่าชิ้นนั้นอาจจะออกมาเกรียมกว่าที่คุณจะทานได้
- ปัดเศษขนมปังออกอย่างสม่ำเสมอและทำความสะอาดฐานและบริเวณขดลวดของเครืองอย่าให้มีเศษตกค้าง เพราะจะทำให้เกิดเชื้อราได้
- อย่าพยายามทาเนยหรือไขมันใดใดก่อนเข้าเครื่อง เพราะมันจะทำให้เกิดควัน
- อย่าพยายามใช้ส้อมเอาขนมปังที่ติดอยู่ออกในขณะที่เปิดสวิตช์: ความร้อนของอุปกรณ์นี้เกิดจากการส่งกระแสไฟฟ้าผ่านลวดที่มีขนาดใหญ่ แต่บางและง่ายต่อการหักงอดังนั้นการที่เครื่องทำงานอย่แล้วใช้ส้อมไปขูดหรืองัดอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้
เครื่องดูดฝุ่น
ตัวกรองในเครื่องดูดฝุ่น ควรเปลี่ยนใหม่ทุกๆ 6 เดือน หากคุณต้องการทำความสะอาดบ้านบ่อยมากคุณควรเปลี่ยนไส้กรองบ่อยขึ้น มิฉะนั้นความแรงในการดูดของเครื่องจะลดลงและฝุ่นที่สะสมได้จะกลับสู่อากาศที่คุณหายใจ
© Depositp Photos © Depositphotos
- จำเป็นต้องตรวจสอบหลังจากทำความสะอาดแต่ละครั้งว่าท่อหรือข้อต่อต่าง ๆ มีการอุดตันของฝุ่นหรือไม่ โดยทดสอบเครื่องดูดฝุ่นด้วยการทดสอบดูดเหรียญเพราะปกติแรงลมสามารถดูดเหรียญขึ้นมาได้ง่าย นั้นหมายความว่าท่อไม่มีอะไรอุดตัน หากไม่สามารถทำได้มันจำเป็นต้องได้รับการทำความสะอาดเพื่อหลีกเลี่ยงการทำงานที่หนักเกินไปของมอเตอร์
เตาอบ
ตามสถิติในบ้านที่ใช้เตาอบในการประกอบอาหารเป็นหลัก มันจะเป็นเครื่องใช้ในครัวเรือนที่เปลี่ยนบ่อยที่สุด และส่วนใหญ่สาเหตุมาจากการใช้งานที่ไม่เหมาะสม
© Depositp Photos © Andy Melton / Flickr
- เตาอบสกปรกไม่เพียงแต่ดูไม่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายด้วย คราบเหนียวหนึบตามขอบหรือขดลวด จะเป็นตัวลดประสิทธิภาพการทำความร้อนของเครื่อง
- เปลวไฟในเตาอบควรเป็นสีน้ำเงินไม่ใช่สีแดงหรือสีส้ม การเปลี่ยนสีของเปลวไฟบ่งบอกถึงปัญหาร้ายแรงเช่นการขาดออกซิเจน การตกตะกอนของเขม่า และอื่น ๆ
หม้อตุ๋น
อย่าใส่น้ำส้มสายชูเมื่อปรุงอาหารในหมอตุ๋น และอย่าทำความสะอาดหม้อด้วยผงซักฟอกที่มีกรด เพราะ ฝาของหม้อตุ๋นอาจลอกออกเนื่องจากกรด
© Jo Zimny Photos / Flickr © Mike Mozart / Flickr
- ควรล้างวาล์วไอน้ำทุกครั้งหลังใช้งานมิฉะนั้นอาหารจะมีกลิ่นเหม็นอับ
- ส่วนให้ความร้อนของหม้อตุ๋นไม่ควรล้างบ่อย เพียง 2-3 ครั้งต่อเดือน และสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือการทำให้แน่ใจว่ามันแห้งสนิทก่อนเปิดเครื่อง
มีเครื่องใช้ในบ้านที่คุณใช้เป็นเวลานานหรือไม่? อย่างเช่นตู้เย็นที่คุณสืบทอดมาจากย่าของคุณ หรือคุณเป็นคนที่ชอบซื้อเครื่องใช้ในบ้านที่ทันสมัยที่มีประสิทธิภาพ?ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน