วันนี้เรามาคุยกันเรื่องที่ดูมีสาระกันบ้างดีกว่า แต่ว่าสาระสำหรับเรา เพลินเพลินแล้วละก็มันก็ยังต้องมีอะไรที่สร้างสรรค์แทรกอยู่ด้วยอย่างแน่นอน ใช่แล้วละวันนี้เราจะพูดถึงเรื่องอัจฉริยะภาพทางความคิดและการทำงานซึ่งเราได้อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจมาเยอะแยะมากมายและหลายหลายสื่อก็บอกไปในทิศทางเดียวกันว่า อัจฉริยะภาพ ไม่ได้ถูกจำกัดแต่เพียงการเรียนวิทย์ หรือ จะต้องไปเป็นอาจารย์ อะไรแบบนั้นเพราะกรอบของคำว่าคนฉลาดที่เรามักคิดถึงก็คือคนที่เรียนเก่ง แต่ในยุคสมัยนี้อัจฉริยะภาพไม่ได้ถูกจำกัดไว้เพียงแค่นั้นแต่มันถูกกระจายออกไปในทุกสาขาของทุกอย่างนั้นคือใครๆ ก็เป็นคนที่มีอีจฉริยะภาพได้ในสิ่งที่ตัวเองทำได้ดี อย่างเช่นนักกีฬาก็จะมีความเป็นเลิศทางด้านร่างกายเชฟหรือคนที่รักการทำอาหารก็จะมีอัจฉริยะทางด้านการรับรู้รสชาติ ซึ่งคนเหล่านี้สามารถจินตนาการถึงผลลัพท์และขั้นตอนต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นมาได้อย่างสบาย ๆ ในสิ่งที่เค้าทำเลยก็ว่าได้ แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงอัจฉริยะภาพของเหล่าคนบันเทิงผู้ที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์ความสุขและการทำให้เราได้ตกหลุมรักในสิ่งที่เขาทำ และด้วยความเก่งแบบนี้นั้นเองที่ทำให้เราได้ชมผลงานที่ทำให้เราต้องคิดถึงและมีความสุขทุกครั้งที่ได้ชม ตัวอย่างเช่นชากีร่าสามารถเขียนบทกวีชิ้นแรกได้ตั้งแต่อายุ 4 ขวบ เมื่อกลับมาพูดถึงนักวิทยาศาสตร์อย่างไอน์สไตน์เขาไม่เรียนรู้ที่จะพูดจนกระทั่งอายุ 4 ขวบ เราไม่สามารถบอกได้ว่าคนที่ไอคิวที่สูงกว่า 130 เป็นตัวกำหนดว่าคนคนนั้นจะประสบความสำเร็จแค่ไหน และในหมู่ของคนไอคิวระดับนี้พวกเขาบางคนก็เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงที่ไม่ประสบความสำเร็จในด้านวิชาการ แต่กลับโดดเด่นและได้รับรางวัลทั้งหมดบนเวทีหรือบนแคทวอล์ค
ซึ่งพวกเราที่เพลินเพลินก็ลองคิดกันเล่น ๆ ว่าถ้าเค้าเหล่านี้ได้ลองใช้ความสามารถไปสร้างสรรค์สิ่งอื่นๆ ที่เป็นเรื่องของวิชาการบ้างอะไรมันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนนะ ทั้งรูปแบบการเรียนและวิธีการสอนมันอาจจะทำให้เราหลายหลายคนต้องหลงใหลไปกับการเรียนเพิ่มขึ้นก็เป็นไปได้นะ
1. ชากีร่า
© FaceToFace / REPORTER
ต้องบอกเลยว่าเธอได้แสดงออกซึ่งสิ่งที่เธอมีตั้งแต่ยังเด้กเพราะเธอเริ่ทเขียนบทกวีครั้งแรกเมื่ออายุ 4 ขวบ และจัดทำอัลบั้มเพลงแรกด้วยอายุเพียง 13 ปี ด้วยไอคิว 140 แทนที่จะไปเรียนที่วิทยาลัย แต่ชากีร่าเรียนรู้ชีวิตจากการทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก และนอกจากนี้เธอยังพูดได้ถึง 5 ภาษา ถ้าคิดเล่น ๆ ว่าเธอมาสอนภาษาด้วยสื่อที่สร้างสรรค์จากการทำนองและเสียงเพลงแล้วละก็มันก็คงทำให้หลายหลายคนทั้งสนุกสนานและชอบสิ่งนี้มากขึ้นอย่างแน่นอนเลย
2. ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด
©East News
เบื้องหลังของความสามารถที่เธอมีต้องบอกเลยว่า เพราะเธอนั้นเป็นนักเรียนเกรด A มาโดยตลอด และเธอยังจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมในฐานะนักวาทศิลป์ แถมเธอชอบวิทยาศาสตร์จึงได้รับทุนเรียนวิศวกรรมเคมี แต่ในทีสุดแมวมองก็เข้ามาพบเธอ จากนั้นโลกได้พบกับซูเปอร์โมเดลมาแทน ลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าเธอได้มาสร้างสรรค์ผลงานทางวิทยาศาสตร์แล้วละก็มันอาจจะผลงานที่สวยงามมากมายให้เห็นก็เป็นได้
3. แมทท์ เดมอน
© VALERIE MACON / AFP / East News
แมทท์ เดมอนมีไอคิวสูงถึง 160 เลยทีเดียวเขาเริ่มเขียนบทของ Good Will Hunting ขณะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แม้ว่าเขาจะเรียนไม่จบ แต่ต่อมาเขาก็จะได้รับรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมร่วมกับเบน แอฟเฟล็คซึ่งเป็นเพื่อแท้ของเขา
4. นาตาลี พอร์ตแมน
© AXELLE / BAUER-GRIFFIN / MEGA
เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญา จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดซึ่งเธอมีส่วนร่วมในเอกสารชื่อ Frontal Lobe Activation During Object Permanence เธอสามารถพูดได้ 5 ภาษาและ ไอคิวของเธออยู่ที่ประมาณ 140 เลยนะ
5. คริส มาร์ติน
© FLAVIO LO SCALZO / AGF / SIPA / EAST NEWS
เคยเขาเรียนที่มหาวิทยาลัยคอลเลจ ในกรุงลอนดอน ซึ่งเขาเรียนวิชาเอกการศึกษาโลกโบราณและจบการศึกษาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งในภาษากรีกและละติน ที่วิทยาลัยซึ่งมาร์ตินได้พบกับเพื่อนร่วมวงโคลด์เพลย์ นั้นทำให้เราสามารถพูดได้เป็นอย่างดีว่าความฉลาด และทักษะการเรียนเป็นสิ่งที่ทำให้เราสามารถรับฟังเพลงของพวกเขาได้จนถึงทุกวันนี้ถ้าเอาทั้งสองอย่างมารวมกันได้ตอนนี้เราอาจจะมีหนังสือเรียนที่ใช้การขับร้องให้จำได้ง่าย ๆ ก็เป็นไปได้นะ
6. เควนติน ทารันติโน
© TOLGA AKMEN / AFP / East News
ด้วยอายุเพียงแค่ 14 ปีเท่านั้นเขาก็เริ่มสร้างสรรค์ผลงานเขียนชิ้นแรกออกมาแล้วและท้ายที่สุดผลงานของเขาก็ทำให้ได้รับรางวัลออสการ์สถึงสองรางวัล
7. โจดี้ ฟอสเตอร์
© Gilbert Flores / Broadimage / EAST NEWS
จุดเริ่มต้นเล้กของเธอเริ่มต้นด้วยการปรากฏตัวทางโทรทัศน์เมื่อตอนอายุ 3 ขวบและต่อมาตอนที่อายุเพียง 12 ขวบเมื่อเธอได้รับบทเป็นคนขับรถแท็กซี่ เมื่ออายุ 18 ปีเธอตัดสินใจที่จะหยุดพักจากอาชีพการแสดงที่เป็นตัวเอกและกลายเป็นนักเรียนเต็มเวลาที่วิทยาลัย Yale ซึ่งเธอจบการศึกษาระดับปริญญาตรีเกียรตินิยม และฮอลลีวูดก็รอคอยการเข้าสู่วงการของเธอตั้งแต่ตอนนั้น
8. อีวา ลองโกเรีย
© Instagram / Sipa USA / ข่าวตะวันออก
เธอเริ่มสร้างฐานะด้วยตัวเองตั้งแต่ยังเด็กเพราะความปรารถนาสูงสุดของเธอคือการช่วยดูแลน้องสาวที่มีความต้องการพิเศษ ในช่วงมัธยมปลายเธอเรียนอย่างหนักในขณะที่เธอทำงานที่ร้านอาหารของเวนดี้ และหลังจากเรียนมหาวิทยาลัยจบปริญญาโท เธอก็ทำงานหนักจนกระทั่งความสามารถของเธอปรากฏต่อสายตาทุกคน
9. เดวิด ดูโชนี
© Gilbert Flores / Broadimage / EAST NEWS
นักแสดงผู้มากความสามารถผู้นี้ จบปริญญาโทสาขาวรรณคดีอังกฤษที่ Yale และเขาก็เริ่มเรียนปริญญาเอกต่อพร้อมกับเขามีอาชีพทางวิชาการที่ไร้ที่ติ แต่หลังจากที่เริ่มได้รับโอกาสทางการแสดงซึ่งในตอนนั้นการแสดง (และ The X-Files) ได้เปลี่ยนเส้นทางของเขา และเขาก็ทิ้งทุกอย่างเพื่อมาทำตามความฝันใหม่ของเขา
10. จีน่า เดวิส
© Jack Shea / Starshots / Broadimage / EAST NEWS
นักแสดงหญิงที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยบอสตัน เธอสามารถเล่นได้ทั้งเครื่องดีดอย่างเปียโน และเครื่องเป่าอย่างฟลุต อีกทั้งเธอพูดภาษาสวีเดนได้คล่อง โดยเธอมี IQ สูงถึง140 และเป็นสมาชิกสาธารณะของ Mensa Organization ซึ่งเป็นคลับวีไอพีที่มีเพียง 2% ของประชากรเท่านั้นที่สามารถเป็นสมาชิกได้ เพราะเขาเลือกผู้ที่มี IQ มากกว่า 135เท่านั้นและเราก็ไม่แปลกใจเลยที่ผลงานการแสดงของเธอจะได้รับรางวัลออสการ์
11. ชารอน สโตน
© Andrea Ninni / AGF / SIPA / EAST NEWS
ความฉลาดของเธอเป็นสร้างความน่าสนใจให้กับครูของเธออย่างมากเพราะเธอจึงเข้าสู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เมื่อเธออายุได้เพียง 5 ขวบ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่ออายุ 15 ปีเมื่อเธอได้รับการตอบรับพร้อมทุนการศึกษาไปยังวิทยาลัย ไอคิวของเธอคือ 154 ซึ่งทำให้เธอติดอันดับ 0.1% ของประชากรโลก
12. สตีฟ มาร์ติน
© imago / PicturePerfect / EastNews
นี่เป็นกรณีที่พิสูจน์ว่าวิทยาลัยไม่ใช่สถานที่ที่ดีสำหรับอัจฉริยะเสมอไป เขาเริ่มศึกษาปรัชญา แต่ชีวิตครูดูเหมือนจะไม่เหมาะกับเขา อย่างไรก็ตามการที่เขาเรียนไม่จบไม่ได้ขัดขวางเขาจากการเข้าร่วมองค์กร Mensa ซึ่งเป็นสโมสรสำหรับคนฉลาดที่มีไอคิวสูงกว่าค่าเฉลี่ย
13. โรวัน แอตคินสัน
©EastNews
เคยมีรายงานว่าไอคิวของเขาอยู่ที่ 178 ซึ่งมีบุคลิคที่ตรงกันข้ามกับตัวละครที่สร้างชื่อเสียงอย่างมิสเตอร์บีน ผู้ที่ดูแล้วออกจะทึ่มๆไปซะหน่อยนอกจากนี้เขาเป็นนักเรียนที่ต้องเรียกว่าเก่งเลยที่เดียวเพราะเขาได้รับคะแนนสูงสุดในโรงเรียน ก่อนหน้าเขาจะเปลี่ยนอาชีพไปเป็นนักแสดงเขาเคยเรียนวิศวกรรมศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล และเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดเพื่อทำปริญญาโทวิทยาศาสตร์และยังเรียนปริญญาเอกอีกด้วย
โบนัส: ไอน์สไตน์
©EastNews
ต้องบอกเลยว่าความสำเร็จที่เขาได้มทานั้นมันไม่ได้ถูกสร้างมาในทันทีทันใด เพราะสำหรับอัจฉริยะอย่างไอน์สไตน์ที่มีไอคิวประมาณ 160 เมื่อเขาเรียนจบเขาใช้เวลา 2 ปีที่ยากลำบากในการหางานเป็นครู ทั้งนี้ฟิสิกส์ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา เพราะเขาความหลงใหลในดนตรี การเล่นเปียโนและไวโอลินช่วยให้เขาคิดได้และสำหรับเขาชีวิตที่ปราศจากการเล่นดนตรีนั้นเป็นเรื่องที่นึกไม่ออกเลย
เมื่อเพื่อนเพื่อนได้ลองอ่านบทความนี้แล้วก็ต้องลองกลับไปมองดูสิว่าเราเองก็มีอัจฉริยะภาพอะไรบ้างที่ซ่อนอยู่แล้วเราจะเอามาสร้างความสำเร็จบางอย่างที่ทำให้คนอื่น ๆ ได้ร่วมยินดีแบบนี้ได้บ้างอย่าลืมที่จะแบ่งปันความสำเร็จและความคิดเห็นของคุณกับเราด้วยนะ
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน