ยิ่งผ่านวันเวลาก็ทำให้เราได้เติบโตขึ้นผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มีทั้งเรื่องราวของความสนุกสนานเรื่องราวที่ท้าทายหรือแม้กระทั้งเรื่องราวที่ต้องทำให้เราเสียน้ำตาแต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามคนที่อยู่เคียงข้างเราอย่างครอบครัวและคนรักก็เป็นเหมือนทั้งแรงสนับสนุนในวันที่อ่อนล้า แม้ในวันที่เปียกป้อนไปด้วยน้ำตาเหมือนสายฝนก็ค่อยกางร่มอยู่ข้าง ๆ เสมอหรือจะมีรอยยิ้มที่กว้างเต็มที่ในวันที่เราได้ประสบความสำเร็จของสิ่งที่หวังและเราเชื่อว่าความรักนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่คำพูดและคำสัญญาที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการกระทำที่ได้แสดงออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้อีกด้วยถึงแม้ว่าเราจะไม่ต้องทำอะไรที่ยิ่งใหญ่อย่างจัดงานเลี้ยงหรูหรา แค่อาหารเย็นที่ทำทานกันในวันพิเศษกับความห่วงใยที่ให้กันบอกรักกันก่อนจะเข้านอนก็ทำให้เรามีพลังและกำลังใจในการออกเดินทางไปทำสิ่งต่าง ๆ แล้วและเราขอสนับสนุนและอยากให้เพื่อนๆได้ลองแสดงอะไรหรือทำอะไรให้กับเหล่าคนพิเศษของคุณด้วย เพราะถึงจะรู้ว่ารักกันมากแค่ไหนแต่พอได้ฟังหรือได้รับรู้คำว่ารักจากอีกฝ่ายแล้วนั้นมันช่างเป็นช่วงเวลาพิเศษจริง ๆ
อย่างเพื่อนเพื่อนของเราที่พวกเราเพลินเพลินได้ไปเก็บเอาเรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้ส่งต่อกันมาให้เพื่อนเพื่อนได้อ่านกันในวันนี้บางเรื่องก็คาดไม่ถึงและบางเรื่องก็ทำให้เราคิดไปว่าอยากมีใครสักคนทำแบบนี้ให้บ้างจังเลยพร้อมที่จะรับฟังกันแล้วก็ไปกันได้เลยเนอะ
เรื่องแรกสีน้ำตาลดีกว่า
เช้าวันหนึ่งหลังจากที่ภรรยาและลูกๆ ของเรากลับมาจากการออกไปเที่ยวสวนสาธารณะจู่ ๆ ภรรยาของผมก็ดึงตัวผมและบอกให้ตามไปอีกห้อง (เราคิดในใจว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างนอกแน่ๆ) ซึ่งผมคิดว่าเธอมีเรื่องสำคัญจะพูดโดยไม่อยากให้เด็กๆได้ยิน พอไปถึงเธอก็ล็อคประตูห้องก่อนจะหยิบถุงขนมซึ่งในนั้นมีแต่ขนม M&M สีน้ำตาลที่เป็นสีโปรดของผมและเธอก็บอกว่า “วันนี้ตอนทานขนมฉันรีบเลือกสีน้ำตาลที่คุณชอบออกมาก่อนที่เด็กๆจะทานกัน” เรายิ้มและมีความสุขมากมากถึงแม้ว่าเราจะรู้ว่าแต่ละสีมันก็มีรสเดียวกันแต่การได้ทานสีที่ชอบมันให้ความอิ่มใจด้วยนะสิ
เรื่องสองช่วงเวลาพิเศษ
ครั้งหนึ่งเราเคยว่าแฟนประมาณว่าซื่อบื้อที่เอาแต่บนั่งรถเมล์ไปทำงานแทนที่จะนั่งรถไฟใต้ดินเพราะมันเร็วกว่ารถเมล์เยอะแต่เขาตอบกลับจนเรานิ่งไปเลยว่า ที่ผมนั่งรถเมล์ก็เพราะว่าผมอยากจะโทรศัพท์คุยกับคุณระหว่างทางที่ไปทำงานถึงบนรถเมล์จะใช้เวลานานกว่าการใช้รถไฟใต้ดินแต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่เราได้ยินเสียงของกันและกันซึ่งสำหรับผมแล้วมันเหมือนพลังที่เติ่มเต็มอยู่ทุกเช้าที่ได้ออกไปทำงาน
เรื่องที่สามที่มาของขนมชิ้นโปรด
ที่ร้านขนมปังแถวบ้านเราจะมีขนมปังอยู่หลายชนิดมากมากแต่ที่เราชอบที่สุดคือขนมปังที่ทำเป็นรูปปลา และวันนี้เราก็ยิ่งชอบไปอีกเมื่อเราได้เจอกับเจ้าของร้านแล้วได้ทราบถึงที่มาว่าที่ทำเป็นรู้ปลาก็เพราะว่าภรรยาของเขาเกิดราศีมีนที่เป็นสัญญาลักษณ์รูปปลานั้นเอง และเขาแค่ต้องการทำบางสิ่งเพื่อระลึกถึงภรรยาที่จากไปแล้วของเขานั้นเอง
เรื่องที่สี่เครื่องเล่นสื่อรัก
ครั้งหนึ่งเราชวนเพื่อนชายที่เพิ่งเริ่มคุยกันได้สามเดือนไปเที่ยวกันที่สวนสนุก ซึ่งแน่นอนว่าเครื่องเล่นที่เราต้องเล่นให้ได้ก็คือรถไฟเหาะนั้นเอง และกว่าที่เราจะได้เล่นก็ต้องรออยู่นานมากมากซึ่งพอได้ขึ้นเล่นก็ไม่ผิดหวังเลยเราสนุกมากมากแต่กลายเป็นว่าเพื่อนหนุ่มที่ไปกับเราเเดินลงมาแบบหมดสถาพและพอเข้าไปถามก็คือเขาไม่ชอบที่สูงซึ่งเราประหลาดใจมากว่าแล้วจะขึ้นไปเล่นทำไมและเมื่อถามเขาไปก็ได้คำตอบกลับมาว่า “เพราะมันน่ากลัวเกินกว่าที่จะปล่อยให้คนที่ผมรักขึ้นไปเผชิญเรื่องนี้อยู่คนเดียว” หลังจากนั้นผ่านมาถึงวันนี้ก็สิบปีแล้วเขาก็ยังคงเป็นสามีที่ดีและอยู่เคียงข้างเราให้ตอนที่เจอเรื่องราวต่าง ๆ เสมอ
เรื่องที่ห้าใจตรงกัน
ตอนที่เรายังไม่ได้แต่งงานกับแฟนบ้านของเราอยู่ห่างกันมากแต่นั้นก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้เพราะเราก็นักเจอกันที่ร้านอาหารหรือสถานที่ท่องเที่ยวระหว่างบ้านของเราเสมอมีอยู่ครั้งหนึ่งพวกเราทั้งคู่ต้องไปทำงานนอกสถานที่ทำให้สัปดาห์นั้นเราไม่ได้เจอกันพอเสร็จจากงานซึ่งก็เย็นมากแล้วเราก็รีบขับรถตรงไปที่บ้านแฟนของเราเพื่อที่จะเซอร์ไพส์สักหน่อยแต่ปรากฏว่าเรารออยู่นานมากจนเกือนจะค่ำแล้วเราเลยโทรไปสอบถามว่างานของเขายังไม่เสร็จเหรอถึงได้ยังไม่กลับบ้าน แต่กลายเป็นว่าเขาก็เสร็จงานแล้วและรีบขับรถไปรอที่บ้านเราเพื่อจะเซอร์ไพส์เหมือนกันกลายเป็นว่าวันนั้น เราอยู่ที่บ้านของอีกฝ่ายและทานอาหารค่ำกับครอบครัวของกันและกันแทน มันเป็นวันที่ดีมากมากเพราะเราได้พูดคุยกับพ่อแม่แฟนของถึงเรื่องต่าง ๆ และแฟนของเราก็เข้ากันได้ดีกับครัวครอบของเราหลังจากวันนั้นไม่นานพวกเราก็ตัดสินใจแต่งงานกันและเลือกที่จะมีบ้านที่อยู่ระหว่างทางของบ้านพ่อแม่ของพวกเราเพื่อที่เราจะสามารถไปหากันได้สะดวกทั้งสองครอบครัว
เรื่องท่ีหกเพลงรัก
เป็นเรื่องราวตอนวันครบรอบแต่งงานครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นทุกปีเราจะออกไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวแต่เนื่องจากปีนี้ไปไหนไม่ได้ เราก็เลยทำแค่ออกไปหาร้านอาหารทานกันและมีของขวัญให้กันเล็กน้อยซึ่งแฟนของเราก็ดูรีบร้อนมากมากเพราะทานอาหารเสร็จแล้วก็รีบชวนเรากลับบ้านทันทีซึ่งเราไม่ได้คิดอะไรแต่พอขึ้นรถเขากลับเปิดวิทยุระหว่างขับรถแล้วจู่ๆ ดีเจก็พูดชื่อเราขึ้นมาและอวยพรวันครอบรอบของเราและเปิดเพลงรักซึ่ง ๆ ที่เราเลือกเป็นเพลงในวัันแต่งงานก่อนที่แฟนของเราจะหันมาบอกว่า “ผมรักคุณนะ” เท่านั้นแหละเราก็นั่งยิ้มไปตลอดทางกลับบ้านเลย
แล้วเพื่อนเพื่อนละมีเรื่องราวน่ารักๆ แบบนี้ที่ได้แสดงออกให้คนที่คุณรักทราบบ้างหรือเปล่าถ้ามีก็ส่งมาให้เราอ่านกันได้เลยนะ
ความรักมีความหมายอย่างไรกับคุณ? คุณทำสิ่งที่คล้ายกันกับบทความด้านบนให้กับคนรักของคุณบ่อยแค่ไหน?