หนึ่งวันมียี่สิบสี่ชั่วโมงและหนึ่งในสามของวันนั้นก็คือเวลาแปดชั่วโมงนั้นเองที่เราถูกใช้ไปในการนอนหลับพักผ่อน เราใช้เวลาหนึ่งในสามของชีวิตของเรา ก็คือการนอนหลับนั้นเองแต่หลายคนก็อาจจะนอนมากกว่านั้นและเหล่าหนุ่มสาวออฟฟิศอีกมากมายที่นอนน้อยกว่านั้นเพราะว่าต้องแบ่งเวลาไปให้เหล่าพระเอกนางเอกในซีรีย์ละครดัง หรืออาจจะเป็นความสนุกจากการลงดันเจียร์เพื่ออัฟเลเวลให้ตัวละครในเกมส์นั้นเอง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็แล้วแต่เราก็ยังมีชวงเวลาที่นอนหลับแล้วรพอตื่นมากลับยังรู้สึกถึงความเหนื่อยอ่อนอยู่นั้นเอง ทั้งๆที่บ้างครั้งเราก็นอนมากกว่าที่ควรจะเป็นซะอีกนะแล้วที่เป็นแบบมันเพราะอะไรกันนะ

พวกเราที่เพลินเพลินเริ่มสงสัยกันว่าอันที่จริงแล้วร่างกายหรือตัวเรานั้นมันต้องนอนอย่างไรถึงจะดีกันแน่ เพราะบางคนก็บอกให้นอนมากมาก บางคนก็ก็บอกให้นอนให้พอ บางคนยิ่งแล้วใหญ่เลยบอกให้เรานอนอนไปเถอะ พวกเราที่เพลินเพลินก็เลยต้องลุกขึ้นมาลองหาดูสิว่าอันไหนกันแน่นะมันถึงจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับตัวเรา และพวกเราก็ได้ไปเจอเข้ากับเรื่องราวที่บอกให้เราฟังได้และเข้าใจถึงเรื่องการนอนที่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย และวันนี้เราก็เอามาฝากเพื่อนเพื่อนด้วยนะ

สิ่งที่จำเป็นในการนอนนั้นก็คือช่วงเวลาที่เหมาะสมนั้นเอง ดังนั้นสิ่งแรกที่เราต้องทำก็คือเลือกว่าเราจะตื่นตอนไหนก่อน
ที่เราอยากให้เพื่อนเพื่อนเริ่มจากการเลือกเวลาตื่นนั้นก็เพราะว่า การที่เราจะต้องลุกขึ้นไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวันนั้นแต่ละคนมีเวลาเตรียมตัวและเวลาเดินทางไม่เท่ากัน บางคนอาจจะต้องตื่อนก่อนหกโมง หรือบางคนแค่แปลดโมงครึ่งก็ยังสามารถไปทำงานหรือกิจกรรมอื่นๆได้ทัน ดังนั้นให้เพื่อนเพื่อนลองกะเวลาที่ต้องตื่นเอาไว้ให้แน่นอนก่อน เพราะสิ่งที่สำคัญมากมากก็คือ เมื่อเรานอนหลับไปแล้วร่างกายจะจดจำช่วงเวลาที่ต้องตื่นเราเรียกว่านาฬิกาปลุกตามธรรมชาติที่เราทุกคนมีอยู่นั้นเอง ดังนั้นถ้าเราเลือกเวลาที่เหมาะสมในการตื่นนอนได้แล้วลองตื่นเวลานั้นสักหนึ่งเดือนคุณก็จะสามารถตื่นในเวลานั้นได้เองและจะเป็นเวลาตื่นที่สดชื่นของคุณเลยด้วยนั้นเอง

ต่อมาก็คือคุณต้องทราบก่อนว่าในแต่ละช่วงอายุเราต้องการการนอนหลับไม่เท่ากัน

เพราะช่วงเวลาในการนอนนั้นคือช่วงที่ร่างกายของเราได้พักผ่อนและระบบภายในดำเนินการซ่อมแซมและสร้างเสริมส่วนที่จำเป็นอีกครั้งยังมีการสร้างสิ่งจำเป็นต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไปตามช่วงอายุของเราอีกด้วยดังนั้นปริมาณการนอนของเราจึงต่างกัน โดยที่เมื่อเราเป็นเด็กอาจจะต้องนอนมากถึง 10-14 ชั่วโมง และเมื่อเติบโตขึ้นมาช่วงอายุ 20-40 ปีนั้นก็จะมีจำนวนชั่วโมงที่ลดลงเหลือเพียง 7 ถึง 9 ชั่วโมงเท่านั้นและเมื่อเราอายุมากขึ้นช่วงเวลาการนอนก็จะขยับน้อยลงไปอีกบางคนอาจจะต้องการเวลาเพียงแต่ 5-7 ชั่วโมงเท่านั้น พอทราบแบบนี้แล้วก็ลองนับเวลาจากตอนตื่นแล้วย้อนมาถึงว่าคุณต้องเข้านอนตอนไหน แล้วเริ่มปรับเวลาเข้านอนของคุณให้เป็นไปตามนั้นและสังเกตุว่าคุณตื่นมาด้วยพลังอันสดใสหรือยังมึนๆอยู่กันแน่

ขยับช่วงเวลาแล้วคุณจะรู้สึกเหมือนวันหนึ่งยาวนานขึ้น
อย่างที่เราแนะนำไปแล้วว่าให้ลองนับจากเวลาตื่นแล้วย้อนกลับมาเท่าจำนวนชั่วโมงที่ต้องนอนก็จะได้ช่วงเวลาเข้านอนที่เหมาะสม แต่อีกหลายคนที่ช่างโชคดีมากมากเพราะเค้าใช้เวลาในช่วงเช้าด้วยการตื่นแปดโมงหรือเก้าโมงก็ยังทำสิ่งต่าง ๆ ได้สบายซึ่งหากเค้ามีเวลาที่ต้องนอนคือแปดชั่วโมงแล้วละก็ พวกเค้าก็ต้องเข้านอนตอนเที่ยงคือหรือตีหนึ่งกันเลยที่เดียว ซึ่งเราจะบอกว่านั้นคือสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะอันที่จริงแล้วร่างกายของเราเองนั้นก็มีสิ่งที่เรียกว่าหน้าที่การทำงานที่ต้องทำตามจังหวะเวลาเช่นเดียวกันซึ่งงานของร่างกายนั้นมักจะเริ่มตอนสามทุ่มหรือไม่เกินสี่ทุ่ม ดังนั้นสิ่งที่เราควรจะทำนั้นก็คือ คุณควรขยับเวลาตื่นให้เร็วขึ้นเพื่อให้คุณได้เข้านอนก่อนเวลาสี่ทุ่มนั้นเอง ดังนั้นถ้าคุณต้องการเวลาแปดชั่วโมงในการนอนพักละก็จะต้องนอนตั้งแต่สี่ทุ่มและไปตื่นอีกที่ในตอนหกโมงเช้านั้นเอง คราวนี้คุณก็ลองๆ ขัยบเวลาตื่นให้เช้าขึ้นแบบนี้คุณก็จะได้มีเวลาไปทำสิ่งต่าง ๆ อย่างการออกกำลังกายเบาๆหรืออ่านหนังสือหรือเตรียมงานได้อย่างสบายก่อนที่คุณจะต้องออกไปทำกิจกรรมอื่น ๆ นั้นเอง

การนอนที่ดีคือการนอนในช่วงเวลาเดิม
อย่างที่เราบอกไปแล้วว่าร่างกายของเรานั้นจดจำสิ่งต่าง ๆ และพยายามทำงานให้ตามเวลาเดิมๆที่ถูกตั้งไว้ดังนั้นหากคุรเลือกที่จะเข้านอนในช่วงเวลาใดแล้วละก็คุณก็ควรเข้านอนในเวลานั้น เพราะการเปลี่ยนแปลงหรือขยับเวลาไปมาจะทำให้การนอนของคุณไม่มีคุณภาพนั้นเอง ซึ่งเป็นไปได้ว่าคุณอาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงบ้างอย่างการย้ายที่ทำงาน หรือย้ายที่อยู่ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นคุณก็แค่ลองหาช่วงเวลาที่เหมาะสมใหม่เท่านั้นเอง ไม่จำเป็นจะต้องยึดเอาเวลานอนที่จัดขึ้นครั้งแรกเป็นตัวกำหนดเสมอไป

สภาพแวดล้อมของการตื่นนอนและสิ่งที่ทำก่อนนอนก็มีส่วนในการนอนอย่างมีคุณภาพ
สิ่งที่ต้องทำต่อมานั้นก็คือมาดูสิ่งที่จำเป็นต้องก่อนเข้านอนหรือก่อนตื่นนอนกันดีกว่า นั้นก็คือสภาพของห้องนอนของคุณอย่างน้อยควรมีม่านที่สามารถกันการมองเห็นจากภายนอกเพราะความรู้สึกที่ถูกมองอยู่อาจจะทำให้คุณเข้านอนแบบไม่สบายใจก็เป็นได้และควรเลือกม่านที่ให้แสงสามารถผ่านมาได้เล้กน้อยเพื่อว่าในตอนเช้าๆ คุณจะได้รับแสงที่เป็นสัญญาณของการเริ่มวันใหม่อีกด้วย อีกสิ่งหนึ่งก็คือพยายามหลีกเลี่ยงการทานอาหารมื้อหนักก่อนเข้านอนสองถึงสามชั่วโมงเพราะนั้นอาจจะทำให้คุณนอนไม่หลับเนื่องจากอาหารที่ทานเข้าไปได้ และท้ายที่สุดคุณควรพักสายต่อจากทีวีหรือโทรศัพท์มือถือก่อนเข้านอนไม่นอนกว่าหนึ่งชั่วโมง เพียงเท่านี้คุณก็พร้อมที่จะนอนหลับอย่างมีคุณภาพแล้ว

พวกเราหลายหลายคนได้ทำตามนี้แล้วก็เห็นผลของการนอนอย่างมีคุณภาพซึ่งทำให้เราดูร่าเริงสดใสยังไงเพื่อนเพื่อนหากมีเคล็ดลับอื่นๆอีกก็ส่งมาให้พวกเราได้ดูกันด้วยละ
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน