สองมาตรฐานไม่ได้เป็นเพียงแค่คำพูด มันเกิดขึ้นได้จริง และเกิดกับใครก็ได้ ซึ่งการเลือกปฏิบัติจะมีผลทำให้ผู้คนบางกลุ่มต้องเสียความรู้สึก แต่อคติเหล่านี้กลับกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนเห็นแล้วเหมือนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วมันกลับส่งผลกระทบอย่างน่ากลัว
และพวกเราเชื่อว่าเราสามารถสร้างความแตกต่างที่ทำให้เราดูดีขึ้นได้ ซึ่งมันจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเปลี่ยนทัศนคติของเราต่อคนอื่น ๆและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา ก็จะเปลี่ยนแปลงไปได้
1. เราประเมินความเจ้าชู้ในที่ทำงานจากความชอบส่วนตัวของเรา
ลองสังเกตุดูสิว่า ระหว่างคนหล่อ กับคนที่ดูไม่หล่อ หากมาชมคุณเขาจะเป็นอย่างไร สำหรับคนส่วนใหญ่คงจะ คิดกับคนที่น่าตาไม่หล่อในแง่ลบ ทั้งที่จริง ๆ แล้วเข้าอาจจะแค่ทักทายคุณเฉย ๆ เท่านั้นเอง
2 เราตัดสินการแต่งกายของพวกเขาและลืมไปว่าพวกเขาชอบแบบนี้
คนส่วนมากมักจะ ทักเรื่องเสื้อผ้าการแต่งกาย ของคนอื่น ๆ โดยยึดเอาความชอบของตัวเองเป็นหลัก โดยไม่ได้คิดว่า จริงๆ แล้ว ความชอบส่วนบุคคลของเรามันไม่เหมือนกัน ซึ่งเราอยากเห็นคุณทักทายเรื่องการแต่งกาย โดยให้คำแนะนำให้เหมาะสมกับ สถานที่และกาลเทศะ มากกว่า ส่วนเวลาอื่น ๆ หรือเวลาส่วนตัวมันก็ควรจะเป็น ตามความชอบของแต่ละบุคคลได้นะ
3 ลูกค้าแต่ละรายควรได้รับความสนใจโดยไม่คำนึงถึงเงินในกระเป๋าของพวกเขา
เราเข้าใจเรื่องของการบริการ และ การขาย ที่มักจะให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าที่คาดว่าจะมีกำลังซื้อมากกว่า แต่ในทางกลับกันเราอยากให้คุณคิดอีกแง่หนึ่ง ว่าสำหรับคนที่คุณไม่ให้ความสนใจ อย่างน้อยที่สุดเค้าก็ควรจะได้รับบริการในด้าน การให้ข้อมูลสินค้า และ การแสดงออกแบบลูกค้าทั่วไป ไม่ใช่การบริการแบบที่ไม่ให้เกียรติ
4 ไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยงที่น่ารักเท่านั้นที่ควรค่าแก่การรับเลี้ยง แต่ทุกตัวต้องการสถานที่ที่ปลอดภัยและมีบ้าน
เป็นธรรมดาที่ สัตว์เลี้ยงเช่นสุนัขที่ดูร่าเริง มักจะมีคนอยากเลี้ยงดูมัน แต่เจ้าตูบที่ดูซึ่ม ๆ หรือ มอมแม่ม ก็ต้องการความรักและการใส่ใจเหมือนกันนะ ครั้งหน้าที่คุณจะไปเลือกสัตว์เลี้ยง อย่างน้อยเราก็อยากให้คุณได้ ลองเล่นกับสุนัขตัวอื่น ๆ ที่ดูน่ารักน้อยกว่าบ้างนะ ไม่แน่มันอาจจะอ้อน ให้คุณหลงได้มากกว่าที่คุณคิดก็ได้
5 คนรุ่นเก่ากล่าวหาว่าเด็กติดโทรศัพท์ แต่ไม่ได้ดูว่าตนเองติดทีวี
ไม่ว่ายุคสมัยไหน สื่อหรือสิ่งที่ทำให้เราได้เข้าถึงความบันเทิง มันก็เป็นสิ่งยั้วใจ มนุษย์ด้วยกันทั้งหมดนั้นแหละ เราไม่ได้อยากให้คุณหรือใครๆ เลิกติด ทีวี หรือ มือถือ แต่เราอยากจะบอกว่า ถ้าคุณใช้เวลากับ ทีวี หรือ มือถือ อย่างเหมาะสม และ มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนหรือคนในครอบครัวเพิ่มขึ้น คุณน่าจะมีความสุขที่ลงตัวได้ไม่ยากเลย
6 สังคมชื่นชมผู้ชายที่ได้รับความสนใจจากเพศตรงข้ามมากๆ ในขณะที่ผู้หญิงมักจะถูกต่อว่าเพราะมีคนมาชอบเยอะ
7 ผู้หญิงมักถูกมองว่าขับรถไม่ดี
นั้นสิ และ คนที่พูดมักเป็นผู้ชายซะด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้ว การขับรถไม่ดีมันไม่เกี่ยวเลยว่าใครจะเป็นคนขับ มันอยู่ที่ความชำนาญของผู้ขับ และ ประเภทของรถที่เค้าเคยใช่ต่างหาก ดังนั้นครั้งหน้า ถ้าคุณเห็นรถที่ขับไม่ดี อย่าเหมาว่าผู้หญิงขับนะจ้า
8 ในเวลาเศร้า หรือ เกิดปัญหา ผู้หญิงมักถูกปลอบมากกว่า
ใครเป็นคนตั้งกฏว่า ผู้ชายเศร้า หรือ ท้อแท้ ไม่ได้กันนะ เราคิดว่า ในช่วงเวลาเศร้า หรือ ท้อแท้นั้น สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ดังนั้น หากคุณเห็นใครกำลังตกอยู่ในสภาพนั้น เราอยากเห็นการให้กำลังใจจากเพื่อนๆ มากกกว่าการเหน็บแนมนะ
9 ความอยากอาหารและรูปร่างของแต่ละคนเป็นเรื่องของตัวพวกเขาเอง
ขอพูดสั้น ๆ เลย เราคิดว่าการทักทาย หรือ คุยเล่นเกี่ยวกับเรื่องรูปร่างของเพื่อน ๆ ในกลุ่มเองซึ่งบางครั้งคุณอาจจะคิดว่าแซวกัน ขำขำ แต่จริง ๆ แล้วบางคำพูดมันก็สร้างความเสียใจได้นะ ดังนั้น เราอยากให้คุณลองเปลี่ยนคำพูดแบบนั้นซะใหม่ เช่นถ้าคุณคิดว่าเพื่อนคุณอ้วน เวลาเจอกันก็เปลี่ยนไปชวน ออกกำลังกาย หรือ ชวนไปกินอาหารที่ดูจะให้พลังงานน้อยกว่า แทนการพูดแซวกัน ว่าอย่ากิน เพราะเค้ารูปร่างอ้วนแล้ว เพราะคุณอาจจะไม่รู้ว่าเพื่อนของคุณอาจจะไม่ชอบและอาจเสียใจก็ได้ นะ
เพื่อนๆเห็นอย่างนี้แล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้าง เราหวังว่านี่จะเป็นบททดสอบให้กับเพื่อนๆว่าเพื่อนๆควรมองทุกอย่างด้วยใจเป็นกลางและปราศจากอคติ มันจะทำให้ทั้งตัวเองและคนรอบข้างมีความสุข จะได้ไม่ถูกใครบอกว่าเราทำตัวสองมาตราฐาน จริงไหม?
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน