ทวีตเรื่องราวจากบรรดาเพื่อนเพื่อนที่จะทำให้คุณอมยิ้มตลอดทั้งวัน

สำหรับกิจวัตรประจำวันของเรานั้นการได้ตื่นเช้าทานอาหารที่เช้าและออกกำลังกายสักเล็กน้อยก่อนออกไปทำงานก็น่าจะเป็นสิ่งที่หลายหลายคนฝันอยากจะทำซึ่งมันก็ดูไม่ได้ยากเกินไปสักเท่าไหร่นักแต่ใครบางละที่จะทำแบบนั้นได้ เพราะแค่ลืมตาตื่นให้เช้าเพื่อออกไปทำงานให้ทันพวกเราก็แทบจะทำกันไม่ได้อยู่แล้ว แล้วกิจวัตรประจำวันในฝันแบบนั้นใครบ้างละจะทำได้ แต่พวกเราก็ต้องยิ้มเมื่อได้อ่านข้อความบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของพื่อนเพื่อนของเราในโลกอินเทรอ์เน็ตเพราะสิ่งที่เค้ากำลังสื่อสารออกมานั้นมันช่างตรงใจและทำให้เราได้รู้ว่าสิ่งที่เราคิดและทำมันก็มีคนอื่นๆทำด้วยเช่นเดียวกันนั้นเอง

ตอนที่เราอ่านและส่งต่อไปให้เพื่อนเพื่อนก็มีหลายคนที่ได้อ่านข้อความสั้นๆ เหล่านี้แล้วก็ต้องอุทานออกมาว่า “ฉันก็เหมือนกัน!” ในขณะที่หัวเราะออกมาดัง ๆ ก็มีมาแล้วมาลองอ่านกันดูสักหน่อยสิว่าคุณจะเป็นอีกคนหนึ่งหรือเปล่าทีต้องอุทานคำนี้ออกมาเหมือนที่เราได้ทำลงไป

มันน่าจะทำได้นะ

ใครเป็นเหมือนกับเราบ้างหรือเปล่าที่แอบคิดว่าระบบค้นหาข้อมูลที่เราใช้กันอยู่นั้นมันอาจจะใช้บอกความคิด หรือเรื่องราวของตัวเราเองได้ ด้วยการลองค้นหาว่า “ฉันกำลังคิดอะไรอยู่” หรือ “อาหารที่เรากินเมื่อเช้าคืออะไร” หรือแม้กระทั้ง “สิ่งที่ฉันชอบ” และที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือมันแสดงผลการค้นหาออกมาซะด้วยสิถึงแม้จะไม่ตรงใจเราก็ตามแต่มันก็ยังหาออกมาได้นะนั้น เยี่ยมยอดจริงๆ เลยว่าไหมละ

งานบ้านไว้ทีหลัง

อยากจะปรบมือให้ตัวเองดังๆ เพราะเมื่อวานฉันเพิ่งทำงานบ้านที่ซึ่งฉันเลื่อนมันออกไปถึงห้าเดือน แต่ในที่สุดฉันก็สามารถทำมันเสร็จภายใน 20 นาที (ปรบมือที่เลื่อนงานมาได้ 5 เดือนนะไม่ใช่ที่ทำงานบ้านเสร็จ)

กะไม่ถูก
เราไม่ชอบการนัดระหว่างวันหรือการนัดในช่วงเวลาเย็นๆเลย นั้นเพราะเราจะกังวลว่าจะไปสายหรือพลาดนัดที่มาที่หลังเสมอ จึงทำให้ทุกครั้งที่เพื่อนเพื่อนนัดเราในช่วงเย็นหรือบ่าย เราจะไม่สามารถทำอะไรตั้งแต่เช้าเพราะต้องเตรียมตัวไปหาคนที่นัดในตอนเย็นนั้นเอง

เดี่ยวส่งให้ใหม่นะ

เราว่าใครก็น่าจะเคยทำแบบนี้นะ อย่างเมื่อตอนที่ใครสักคนบอกหรือถามเราว่า “ผมยังไม่ได้อีเมลของคุณ” ซึ่งอันที่จริงเราก็รู้อยู่และละว่า(ลืมส่ง) แต่ก็ทำท่ทางนิ่งๆก่อนจะตอบไปว่า “มันแปลกมาก เดี๋ยวฉันจะส่งมันอีกครั้งก็แล้วกัน”

คำแนะนำดีดี

เราได้ยินผู้ประสบความสำเร็จทั้งหลายสอนอยู่เสมอ อย่างแทนที่จะพูดว่า “ฉันต้อง..”ตามด้วยสิ่งต่าง ๆ  ให้เราเริ่มพูดว่า ”ฉันได้..”แทน เช่น ฉันได้ออกกำลังกาย ฉันได้ไปทำงาน ฉันได้นั่งในรถตอน 11 โมง เพราะมันจะเป็นการเปลี่ยนสิ่งที่เราเอาแต่คิดและเป็นการบอกกับตัวเองว่าให้ลงมือทำสิ่งต่างๆ (ถึงแม้จะดูวีดีโอนี้เป็น100รอบแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ทำตามคำแนะนำดีดีเหล่านั้นสักที ….ใครเป็นบ้างนะ)

ก็มันจริงอะ

เมื่อเช้าตอนที่เราเพิ่งไปสัมภาษณ์งานใหม่มา ผู้สัมภาษณ์ถามเราว่า “คุณช่วยอธิบายช่วงเวลาที่คุณหยุดงานที่เขียนไว้ในเรซูเม่นี้ได้ไหม?  และเราก็ตอบไปว่า “แน่นอน มันเป็นช่วงเวลาเดียวที่ฉันมีความสุขในชีวิตการเป็นผู้ใหญ่” แต่เหมือนเค้าจะไม่ชอบคำตอบของเรานะ

อย่าหลับตา

สิ่งที่เราไม่ควรทำในวันที่มีนัดสำคัญในตอนเช้านั้นก็คือ การต่อเวลาหลังจากนาฬิกาปลุกในตอนเช้าดัง เพราะแค่คุณหลับตาและคิดในใจว่าขออีก 5 นาทีแต่หลังจากที่คุณตื่นขึ้นมันกลับผ่านไปเกือบชั่วโมงและคุณกำลังจะสายแล้ว

ย้อนเวลา

ทุกครั้งที่ฉันเปิดตู้เครื่องเทศ ฉันจะรู้สึกประมาณว่า “ โอ้ว! นี้ตั้งแต่ปี 1350 ฉันอาจจะเป็นคนที่ร่ำรวยมากก็ได้” เพราะสิ่งเหล่านี้ในช่วงนั้นมันมีราคาแพงมากมากเลย

ฉากสำคัญ

เราชอบดูหนังที่ชอบซ้ำๆ แต่ทุกครั้งที่ถึงฉากที่สำคัญเรามักจะพลาดเสมอเพราะหลังจากเปิดดูเราก็จะเล่นโทรศัพท์ไปด้วย และเงยหน้ามาอีกที่ก็พลาดตอนสำคัญไปซะแล้ว และถึงแม้จะกดย้อนกลับได้แต่เราก็จะเล่นโทรศัพท์เพื่อรอฉากสำคัญและพลาดมันอีกครั้ง

น้องชื่ออะไร

น้องหมาของเพื่อนชอบมานั่งบนตักเรา มีอยู่วันนึงต้องคุยงานผ่านซูม หัวหน้าเราก็พูดขึ้นว่า “โห น่ารักจัง น้องชื่อะไรคะ!!” เราเลยเปิดไมค์และตอบไปว่า “น้องชื่อโม่!” แต่กลับกลายเป็นว่าหัวหน้าถามเพื่อนร่วมงานอีกคนนึงที่มีเด็กน้อยจริงๆ

เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน