หน้าแรก อารมณ์ดีชีวิตสดใส ภาพยนตร์ 12 เรื่องไม่มีใครสนใจตอนแรก แต่กลับขึ้นบ๊อกซ์ออฟฟิศ อย่างไม่น่าเชื่อ

อารมณ์ดีชีวิตสดใส

ภาพยนตร์ 12 เรื่องไม่มีใครสนใจตอนแรก แต่กลับขึ้นบ๊อกซ์ออฟฟิศ อย่างไม่น่าเชื่อ

โดย

ตุลาคม 25, 2019

ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์เรื่องเงินมีความสำคัญ แต่ก็ไม่เสมอไป ผู้กำกับที่มีความหวังอาจใช้เวลาหลายปีในการหาเงินทุนให้เพียงพอเพื่อทำไอเดียเหล่านั้นให้กลายเป็นจริง แต่ในที่สุดก็ต้องยอมแพ้ บางเรื่องต้องถ่ายทำด้วยเงินที่น้อยมาก และหมดความหวังที่จะให้ชาวโลกได้ชมผลงาน แต่ผู้ชมและนักวิจารณ์ภาพยนตร์จะไม่ได้มีคำวิจารณ์สมบูรณ์แบบเสมอไป และภาพยนตร์ที่ไม่ได้ทำอย่างจริงจังในตอนแรก อาจกลายเป็นภาพยนตร์ยอดฮิตที่แท้จริง

พวกเราคิดว่าไอเดียที่น่าสนใจและการแสดงที่ดีสามารถชดเชยเรื่องที่ขาดเงินทุนได้อย่างง่ายดาย การรวบรวมวันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับภาพยนตร์ที่มีงบประมาณต่ำซึ่งยังคงสามารถเอาชนะใจของแฟนภาพยนตร์ทั่วโลก

1. Whiplash (2014)

ภาพยนตร์ดราม่าเรื่องนี้เกี่ยวกับมือกลอง ได้รับรางวัลออสก้าร์ 3 รางวัลและ 1 รางวัลลูกโลกทองคำ ในตอนแรกไม่มีใครเชื่อในไอเดียของ Damien Chazelle แต่ต่อมาเขาถ่ายภาพยนตร์เพลงชื่อดังอย่าง La La Land โปรดิวเซอร์คิดว่าผู้ชมจะไม่สนใจที่จะพยายามเข้าใจความซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างมือกลองอายุ 19 ปีและหัวหน้าวงดนตรีแจ๊ส

แต่ Chazelle ตัดสินใจที่จะสร้างหนังสั้นด้วยฉากหนึ่งเรื่องจากภาพยนตร์ในอนาคตของเขาและเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง: เขาได้รับรางวัลในเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์! หลังจากนั้นความพยายามอันยาวนานของเขาในการเปลี่ยน Whiplash ให้กลายเป็นภาพยนตร์เต็มตัวในที่สุดก็ได้ผลสำเร็จ ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นภาพยนตร์ยอดนิยมและเป็นภาพยนตร์ที่ดีที่สุด 10 เรื่องในปี 2014 ภาพยนตร์เรื่องนี้จบลงด้วยความเข้มข้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ (มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนที่มีความสามารถที่เกิดขึ้นมาได้อย่างไร) แต่เรื่องราวไม่ได้เกินจริง ตัวละครมีเสน่ห์และสมจริงอย่างน่าอัศจรรย์

2. Get Out (2017)

ภาพยนตร์นักสืบทุนต่ำจากผู้กำกับมือสมัครเล่นได้รับรางวัลมากมายรวมถึงรางวัลออสการ์สาขา “บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” รวมถึงการเสนอชื่อสำหรับ “นักแสดงยอดเยี่ยม” และ “ผู้กำกับยอดเยี่ยม” ในตอนแรกไม่มีใครเชื่อในแนวคิดนี้ เรื่องราวเป็นส่วนผสมของแนวต่างๆ : แนวตลกร้ายผสมผสานกับแนวระทึกขวัญและสยองขวัญ นอกจากนี้ยังได้สัมผัสกับปัญหาดราม่า

มันยากที่จะอธิบายลักษณะของภาพยนตร์ดังกล่าวและมันก็ไม่ชัดเจนว่ากลุ่มเป้าหมายจะเป็นใคร ตัวอย่างเช่น แฟนหนังแอ็คชั่นจะคิดว่าหนังเรื่องนี้ยาวเกินไปเนื่องจากมีการหักมุมเพียงครั้งเดียวในช่วงที่ดำเนินเรื่องทั้งหมดและเกิดขึ้นก่อนจะจบ แต่ผู้ชมและนักวิจารณ์ไม่เพียงแต่ชื่นชอบแนวต่างๆ แต่พวกเขายังคิดว่ามันเป็นผลงานชิ้นเอกที่แท้จริงในหมวดหนังระทึกขวัญ

3. Slumdog Millionaire (2008)

ภาพยนตร์ดราม่าอาชญากรรมเรื่องนี้อ้างอิงมาจากหนังสือขายดีที่เขียนโดยนักเขียนและนักการทูตชื่อ Vikas Swarup หนังสือเล่มนี้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชายหนุ่มที่ไม่มีการศึกษาที่โชคดีพอที่จะมีส่วนร่วมในรายการตอบคำถามทางทีวีซึ่งเขาชนะได้เงินรางวัล

ผู้กำกับ Danny Boyle ที่คุณอาจจำได้จาก Trainspotting และ The Beach ตัดสินใจที่จะผสมผสานฮอลลีวูดกับบอลลีวูด มันกลายเป็นเรื่องคลาสสิกเกี่ยวกับคนจนแต่ซื่อสัตย์ผู้ซึ่งประสบความสำเร็จมากมาย – มันเป็นเรื่องราวของซินเดอเรลลา แต่ภาพยนตร์เกี่ยวกับความฝันที่เป็นจริงนี้ได้รับรางวัลผู้สร้างมากมาย พวกเขาชนะรางวัลออสการ์ รางวัลลูกโลกทองคำและรางวัลจาก Screen Actors Guild ผู้สร้างสามารถผสมผสานทั้งละครจากสลัมและสิ่งมหัศจรรย์เหมือนเทพนิยายที่ทำให้ผู้ชมมีความหวังเกี่ยวกับอนาคต

4. My Big Fat Greek Wedding (2002)

ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถ่ายทำกับคอมเมดี้โรแมนติกที่เรียบง่าย แต่กลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่เฉพาะกับกลุ่มเป้าหมาย แต่สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นชาวกรีก เรื่องราวนั้นไม่ได้เหมือนต้นฉบับมากนัก: เหตุการณ์ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับหญิงสาวชาวกรีกที่ตกหลุมรักกับชายต่างแดนที่ตกตะลึงกับครอบครัวขนาดใหญ่ของเธอ ดังนั้นแฟนใหม่ของเธอจึงคาดว่าจะปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมใหม่

ตัวละครในภาพยนตร์ค่อนข้างตลกและงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ในตอนท้ายก็ไม่ได้มีรายละเอียดมากนัก อย่างไรก็ตามถ้อยคำโบราณทั้งหมดได้รับการชดเชยด้วยอารมณ์ขันที่ยอดเยี่ยมซึ่งทั้งผู้ชมและนักวิจารณ์ชื่นชอบ นอกจากนี้ไม่ว่าคุณจะมาจากไหน การแต่งงานครั้งใหญ่กับดราม่าทั้งหมด เป็นสิ่งที่ทุกคนได้เห็นอย่างน้อย หนึ่งครั้งในชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์มีเข้าถึงคนดูเป็นอย่างมาก นี่เป็นความลับของสิ่งที่เรียกว่า “ภาพยนตร์แห่งเวทมนตร์” ซึ่งทำให้ผู้สร้าง My Big Fat Greek Wedding แม้ว่างบประมาณเริ่มแรกจะค่อนข้างน้อยและพล็อตก็ไม่มีหักมุมเท่าไหร่

5. Paranormal Activity (2007)

หนังระทึกขวัญต้นทุนต่ำเรื่องนี้ถ่ายทำในสไตล์เลียนแบบสารคดี ผู้สร้างไม่ได้หวังว่าจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่หลังจากนั้นแนวนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนจำนวนมากชอบ การผลิตนั้นง่ายมาก: การถ่ายทำทั้งหมดเกิดขึ้นในบ้านของผู้กำกับและใช้เวลา 1 สัปดาห์เท่านั้น

แต่มันเป็นรูปแบบสารคดีที่ทำให้ Paranormal Activity น่าตื่นเต้น หนังระทึกขวัญที่ดูเรียบง่ายดูเหมือนจะได้รับเงินจำนวนมากและสร้างชื่อเสียงมากมาย ตามที่รีวิวนี้กล่าวว่า “Paranormal Activity เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่น่ากลัวที่สุดตลอดกาล คุณจะได้รับผลกระทบเนื่องจากเป็นการยากที่จะเพิกเฉยสิ่งที่ทิ้งไว้ในจิตใจของคุณ ถึงคุณจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องไม่จริง แต่รับประกันเรื่องนี้ทำให้คุณนอนฝันร้ายแน่ๆ”

6. Split (2016)

หนังระทึกขวัญทางจิตวิทยาที่ซับซ้อนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ “บล็อกบัสเตอร์” ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อจากทั่วโลก และเป็นเพราะมืออาชีพที่แท้จริงทำงานในภาพยนตร์เรื่องนี้ M. Night Shyamalan ผู้ซึ่งคุณอาจรู้จักจาก Stuart Little, The Sixth Sense และ After Earth กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ นำแสดงโดยนักแสดง James McAvoy ที่มีประสบการณ์การเล่นเป็นตัวละครที่มีทางบุคลิกภาพที่ผิดปกติหลายอย่างจากภาพยนตร์ของเขา Filth

เรื่องราวเกี่ยวกับตัวละครชื่อ Billy Milligan และเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียง แต่จะบอกเล่าเรื่องราวอันเป็นเอกลักษณ์เกี่ยวกับบุคคลที่ได้รับการกล่าวขานจากภาพยนตร์สารคดีหลายเรื่อง แต่เขายังสามารถสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจได้อีกด้วย เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าเรื่องนี้มีงบประมาณเพียงเล็กน้อยใช่มั้ย

7. Lost in Translation (2003)

เรื่องราวของคนเหงาสองคนที่พบเจอกัน แสดงโดย Bill Murray และ Scarlett Johansson มันยอดเยี่ยมสำหรับเทศกาลทั่วโลก ในความเป็นจริงมันยากมากที่จะกำหนดประเภทของ Lost in Translation: มันไม่มีฉากตลกพอสำหรับตลกมันสมจริงเกินกว่าที่จะเป็นหนังโรแมนติก และมันไม่ใช่ดราม่า อย่างไรก็ตามมีอารมณ์มากมายในบทสนทนา

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ นักวิจารณ์กล่าวว่าผู้กำกับ Sophia Coppola สามารถสร้างภาพยนตร์ที่เป็นที่ถกเถียงกันได้ซึ่งมีที่ว่างพอสำหรับอารมณ์ขันและหัวข้อที่จริงจัง สาเหตุของความสำเร็จ คือสามารถอธิบายชีวิตที่ดูไม่สมบูรณ์แบบ และพวกเขาไม่พยายามแสดงความรักที่ไม่มีอยู่จริง คุณสามารถเห็นผู้คนเหล่านี้บนถนนทุกวันและความสัมพันธ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตลอดเวลา

8. Good Will Hunting (1997)

ภาพยนตร์ดราม่าเรื่องนี้เกี่ยวกับนักคณิตศาสตร์ที่มีความสามารถ ถูกรวมอยู่ในภาพยนตร์ที่ดีที่สุด 250 อันดับแรกของ IMDb และได้รับรางวัลออสการ์ 9 สาขา โดยทั่วไปแล้วภาพยนตร์ฮอลลีวูดคลาสสิกมักแสดงให้เห็นถึง “คนฉลาด” เป็นอัจฉริยะท และเนื่องจากตัวละครของ Matt Damon ไม่เป็นเช่นนั้น แต่พล็อตที่บอกเป็นนัยว่าการมีพรสวรรค์ไม่ได้หมายความว่าปัญหาของคุณจะหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ (แต่บ่อยครั้งที่ทำให้ชีวิตของคุณยากขึ้น) เป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับแฟนหนัง ผู้คนรีบไปที่โรงภาพยนตร์เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอัจฉริยะคนนี้

9. Little Miss Sunshine (2006)

นี่ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่มีแนวโน้มดีเพราะพล็อตไม่ได้เป็นต้นฉบับหรือใหม่ มันเกี่ยวกับทั้งครอบครัวมารวมกันเพื่อทำให้ความฝันของผู้หญิงให้เป็นจริง ตัวละครและเหตุการณ์ต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นภาพยนตร์คลาสสิค: เด็กวัยรุ่นที่สอนให้ทุกคนประสบความสำเร็จในชีวิต การเดินทางทางรถยนต์ ฯลฯ กล่าวอีกอย่างว่าฉากเหล่านี้มีอยู่ในภาพยนตร์อื่นมากมาย .

อย่างไรก็ตามทุกคนที่มีส่วนร่วมในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคำวิจารณ์อย่างมาก ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นักแสดงที่ดีที่สุด และซาวด์แทร็กที่ดีที่สุด นักแสดงหลักยังได้รับรางวัลพิเศษในประเภทอายุของเธอนักแสดงอายุต่ำกว่า 10 ปี โดยทั่วไปแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จเพราะมี 2 ปัจจัย: การแสดงยอดเยี่ยมจาก Abigail Breslin และการแสดงตลกของการประกวดความงาม

10. The Purge (2013)

แม้ว่าผู้ชมยุคใหม่จะไม่ชอบหนัง anti-utopia แต่ภาพยนตร์แนวไซไฟเรื่องนี้นำแสดงโดย Ethan Hawke แฟนหนังที่สนใจทั่วโลก ผู้กำกับที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานของ Stanley Kubrick, David Fincher, และ the Star Trek franchise เขาสามารถเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับผลที่ตามมาจากวิกฤตเศรษฐกิจได้ดี

11. Don’t Breathe (2016)

หนังระทึกขวัญต้นทุนต่ำนี้กลายเป็นภาพยนตร์ดังอย่างไม่คาดคิดและได้รับรางวัล 3 รางวัล ผู้กำกับภาพยนตร์คือ Federico Alvarez เป็นผู้สร้างภาพยนตร์สยองขวัญที่โดดเด่นเรื่อง The Evil Dead เมื่อหลายปีก่อน พล็อตของ Don’t Breathe เปลี่ยนกฎของประเภทหนัง: มันไม่ได้ก่อให้เกิดความเห็นอกเห็นใจต่อตัวละครที่อยู่ในพื้นที่จำกัด ทำไมเราจะเห็นอกเห็นใจพวกเขาหากพวกเขาทำเรื่องไม่ดี?

ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเต็มไปด้วยองค์ประกอบภาพยนตร์ที่ธรรมดามากๆ อย่างเช่น ผู้สวมบทบาทที่เหมือนฮีโร่ หญิงสาวผู้หวาดกลัว และบ้านที่น่าสะพรึงกลัว แต่ข้อเสียทั้งหมดได้รับการชดเชยจากการแสดงที่ยอดเยี่ยมของ Stephen Lang ที่สามารถช่วยได้ทุกเรื่อง นอกจากนี้เหตุการณ์ต่างๆ ในภาพยนตร์ก็มีชีวิตชีวา

12. The VVitch: A New England Folktale (2015)

ภาพยนตร์เกี่ยวกับเหตุการณ์ลึกลับที่เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 ดูเหมือนจะไม่น่าตื่นเต้น และภาพยนตร์ที่มีงบต่ำนี้มีผู้กำกับภาพยนตร์ Robert Eggers กำกับเป็นเรื่องแรก แต่เทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ได้ช่วยเผยแพร่ภาพยนตร์ของจริงๆ ผู้กำกับพยายามหาผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์อิสระจากนั้นเขาก็พบบริษัทจัดจำหน่ายทั่วโลกที่ใหญ่กว่า

ดูเหมือนว่าหนังระทึกขวัญที่มีงบต่ำมากนี้กำลังเป็นที่นิยมทั่วโลกในทุกวันนี้ เป็นเรื่องน่าสังเกตว่าทีมงานสร้างสรรค์นั้นพิถีพิถันเกี่ยวกับภาพยนตร์มาก เพื่อให้ดูสมจริงยิ่งขึ้นพวกเขาใช้แสงจากธรรมชาติ เช่น เทียน และเพื่อสร้างชุดพวกเขาใช้วัสดุที่มีอยู่จริงในเวลานั้นเท่านั้น งบประมาณที่จำกัดทำให้ทีมต้องเรียนรู้เกี่ยวกับรายละเอียดที่เล็กที่สุดในช่วงเวลานี้เนื่องจากพวกเขาต้องลดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด

เพื่อนๆรู้หรือไม่ว่ามีภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ที่กลายเป็นเพลงฮิตถึงแม้ว่างบประมาณเริ่มต้นของพวกเขาจะต่ำมากคือเรื่องไหน?

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน