คนรวยมากๆนั้นไม่ได้อวดรวยเสมอไป หลายคนชอบปกปิดสถานะทางการเงิน เพราะต้องการเป็นส่วนตัว ขี้อาย นิสัย หรือไลฟ์สไตล์บางอย่าง นอกจากนี้บางคนยังชอบที่จะซ่อนสถานะทางการเงินเพราะไม่อยากให้เพื่อนสนใจแค่เงินของพวกเขา

พวกเราต้องการสร้างความบันเทิงให้คุณด้วยเรื่องราวจากผู้คนที่ไม่ได้สงสัยเลยแม้แต่น้อยว่ามีเศรษฐีลับๆมาสังสรรค์ด้วย แต่การกระทำบางอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขา เผยให้เห็นว่าแท้จริงแล้วพวกเขาคือใคร?

เรื่องที่หนึ่งนั้นห้องนั่งเล่น

ตอนผมเรียนอยู่ในวิทยาลัยมีเพื่อนคนนึงเค้านิสัยดีมากเป็นคนดูธรรมดาสุดสุด เขาไม่เคยพูดถึงครอบครัวหรือพูดถึงเรื่องส่วนตัวของเขาเลย วันหนึ่งเรานั่งรถไปด้วยกันและเขาบอกว่า “เดี๋ยวต้องแวะไปเอาของที่บ้านแป๊บนึงนะ” แล้วเขาก็ขับรถเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ที่มี 8 ชั้นแล้วก็ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 5 แล้วเราก็ได้เจอกับครอบครัวของเขา ห้องนั้นโล่งมากมากและมีคนอยู่อีกหลายคนเราก็คิดไปว่าเพื่อนของเราต้องนอนอย่างอึดอัดแน่แน่ แต่เราก็ไม่พูดอะไรอีกเกี่ยวกับห้องของเค้าเพราะเค้าอาจจะอายได้ หลังจากนั้นในสัปดาห์นั้นเองผมกับเพื่อนๆ(คนอื่นๆ)ไม่มีอะไรทำเลยพูดคุยไปเรื่อย เราเลยหาเรื่องคุยโดยพูดถึงพวกเราแต่ละคนว่าจบไปจะทำอะไรและแต่ละคนมีแนวโน้มจะทำอะไรบ้าง เราเริ่มนับเพื่อนๆทุกคนที่เรารู้จักและเมื่อพูดจนถึงเพื่อนคนที่ผมพูดถึงคนนี้เพื่อนอีกคนก็พูดขึ้นมาว่า
เพื่อนเอ:“ โห! อย่าพูดถึงเขาเลย …
ผม:ผมคิดว่าไอ้เอจะพูดว่าเพื่อนของเราก็เลยบอกกับเพื่อนเอไปว่า “ อะไร? เราพึ่งไปที่ห้องของเค้ามาเมื่อสองสามวันก่อน … มันก็โอเคนะ ถึงมันจะไม่ได้ดูหรูหราเหมือนกับอพาร์ตเมนต์ทั่วไปแต่ทุกคนในครอบครัวก็ดูมีความสุขนะ”
เพื่อนเอ: ไม่ได้หมายความแบบนั้นตรงข้ามเลยต่างหาก “ เอ็งไปที่ชั้น 5 ของตึกที่มี 8 ชั้นมาใช่ไหม”
ผม:“ อือ … ”
เพื่อนผม: “… นั่นมันห้องนั่งเล่นของครอบครัวพวกเขา ชั้นห้ามันมีตั้งหลายห้องและห้องที่เอ็งเข้าไปน่าจะเป็นห้องนั่งเล่นแค่เอาไว้อยู่พบปะในเวลาของครอบครัวเอง และอาคาร 8 ชั้นที่ดูเหมือนอพาร์ตเมนต์นะ ทั้งหลังเป็นบ้านของเขาเว้ย” (ผมคิดในใจโชคดีจริงจริงที่ไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดไป) © Samer-Costantini / Quora

เรื่องที่สองค่าขนมช่วยเพื่อน

เรามีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ทำตัวเฉยๆตลอดไม่เคยขับรถหรือไปทานอาหารที่ร้านราคาสูง มันคลุกตัวอยู่กับเราเล่นและเรียนไปแบบธรรมดาจนใกล้จเรียนจบเราเริ่มคุยกันเรื่องการทำงาน แต่เค้าก็พยายามบ่ายเบียน ไม่พูดอะไร เราเป็นห่วงมากเพราะช่วงหลังเค้าเริ่มมาเรียนสายและหยุดบ่อย จนเราตามไปเจอเพื่อนกำลังวุ่นอยู่กับการเข้าออกบ้านหลังหนึ่งที่กำลังก่อสร้างอยู่ เราคิดว่าเพื่อนคงมารับทำงานพิเศษเลยไม่ได้ไปเรียน เราเลยเข้าไปพูดกับเค้าที่หน้าบ้านหลังนั้นว่า เราจะช่วยเรื่องเงินถึงจะไม่มากแต่ก็น่าจะพอทำให้เรียนจบไปก่อนได้ เพื่อเพื่อนจะได้ไม่ต้องมาทำงานระหว่างเรียน แต่สักพักยังคุยกันไม่จบก็มีคนแก่ท่าทางใจดีออกมาและตะโกนเรียกเพื่อนของเราเข้าไป (เค้าอาจจะเป็นหัวหน้างานที่มาเรียกให้เพื่อนเราเข้าไปทำงานต่อ เราคิดในใจ) เราเดินตามไป และเมื่อเข้าไปถึงคนผู้ชายมีอายุก็พูดว่า นี้เพื่อนลูกเหรอ ทำไมไม่ชวนไปนั่งรอที่บ้านใหญ่ละ ที่นี่กำลังตกแต่งใหม่อยู่เดี่ยวจะเลอะเปล่าๆนะ ผมงงเล็กน้อยและก็ได้รู้ที่หลังว่า บ้านเพื่อนรวยมาก และที่เค้าขาดเรียนเพราะพ่อเค้ากำลังตกแต่งบ้านหลังใหม่ให้เป็นของขวัญตอนเรียนจบ เลยต้องให้เค้าไปค่อยดูการตกแต่งเพื่อว่าไม่ชอบอะไรจะได้แก้ไขให้เรียบร้อย “นี้ผมเกือบจะเราค่าขนมไปให้คนที่มีเงินมากกว่าผมเป็นร้อยเท่าเลยนะเนี้ย”

เรื่องที่สามชอบดอกไม้

ฉันรู้จักผู้หญิงคนหนึ่งในที่ทำงานเธอเพิ่งเริ่มงานได้ไม่นาน เราอยู่แผนกดอกไม้ในร้าน ซึ่งทางร้านจ่ายแค่ค่าแรงขั้นต่ำให้กับทุกคน ในทุกอาทิตย์ทุกคนจะต้องมาหยิบเช็คจากกล่องหลังเคาน์เตอร์ซึ่งเป็นที่ที่ทุกคนจะมาหยิบเงินของตัวเองไป และฉันสังเกตเห็นว่าเพื่อนใหม่ของเราแทบไม่เคยมาหยิบเช็คออกไปเลยซึ่งนับดูแล้วน่าจะสัก 5-6 สัปดาห์แล้วเราเลยหยิบไปให้เพราะคิดว่าเค้าอาจจะทำงานและไม่รู้ว่ามันต้องมารับเองทุกสัปดาห์เมื่อเราไปถึงและยื่นเช็คให้เลยถามว่าเธอไม่ได้ไปเอาเพราะไม่รู้หรือเปล่า แต่เพื่อนใหม่ของเราก็ตอบว่า “ขอบคุณมากนะเราคิดว่าจะเก็บมันไว้อย่างนั้นสัก 3 หรือ 4 เดือนเพื่อที่ว่าจะได้ไม่ต้องนำไปฝากบ่อยๆ พร้อมกระซิบข้างหูเราว่าร้านนี้เป็นร้านดอกไม้ที่ใกล้บ้านของเธอที่สุด (เธออยู่ที่บ้านหลังใหญ่ตรงมุมถนน) และเธอก็มีความสุขที่ได้เห็นและจัดดอกไม้ใหม่ใหม่ทุกวัน” นี้เพื่อนของเรามานั่งจัดดอกไม้วันละ 4 ชั่วโมงเพราะว่างและอยากอยู่กับดอกไม้แค่นั้นเองเหรอเนี้ย  © KillerDJ93 / Reddit

© freepik.com

เรื่องที่สี่เราฝันไปใช่ไหม

ผมกับภรรยาพบกันตอนเธอเรียนจบและพึ่งเริ่มทำงานพาร์ทไทม์ที่ได้เงินไม่มาก เราคบกันเป็นเวลา 2 ปีแล้วผมก็ได้พบกับพ่อแม่ของเธอซึ่งทั้งคู่อายุเพิ่งจะเกษียณ พวกเขาขับรถมาเจอผมโดยสวมเสื้อคลุม ข้างในเป็นเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ / สีกากีกับรองเท้าผ้าใบเก่า ๆ เมื่อเราทานอาหารเย็นด้วยกันผมก็จ่ายเงินตามปกติ ซึ่งไม่ได้คุยอะไรกันมาก และการกินอาหารข้างนอกเกือบทุกครั้ง เขาจะซื้ออาหารไทยห่อกลับบ้าน ต่อมา 4 เดือนหลังจากที่ผมแต่งงานกับภรรยา ผมได้เงินมรดกจากทางบ้านของผมมา 60,000 ดอลลาร์ (เกือบสองล้านบาท) ผมเลยพูดกับภรรยาว่าเราได้เงินก้อนนี้มาแล้ว มันอาจเป็นช่วงเวลาที่ดีที่เราจะผ่อนดาวน์คอนโดในเมืองหรือ บางทีอาจจะพอที่จะดาวน์บ้านชานเมืองก็ได้ ภรรยาบอกว่า“ ไม่เป็นไร เก็บเงินของคุณเอาไว้เถอะ เพราะฉันเพิ่งคุยกับพ่อ พ่อบอกว่าพ่อจะช่วยเราดูบ้านดีดีที่อยู่ใกล้บ้านของเขาให้เรา และยังจะให้เงินติดบ้านอีกนิดหน่อยสักล้านดอลลาร์(30 ล้านบาท)” ผมอึ้งไปเล็กน้อยและรีบเข้านอนเพราะคิดว่าอาจจะกำลังฝันอยู่ © John-Matthews / Quora

เรื่องที่ห้าปีละครั้ง

หลังจากเป็นเพื่อนกันมา 3 ปี เพื่อนผมไม่เคยคุยเรื่องงานเลย และเขาก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องการออกจากบ้านไปทำงาน หรือพูดเรื่องเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงาน หรือประชุมออนไลน์เลย! เรารู้สึกเป็นห่วงมากเลยถามไปว่าเขามีเงินใช้จ่ายหรอ เขาตอบเราเบาเบาว่า พอดีทางบ้านมีธุรกิจนิดหน่อยนายไม่ต้องเป็นห่วงเราหรอกเราจะถอนครึ่งหนึ่งของดอกเบี้ยมาใช้จ่ายแค่ปีละครั้งก็พอแล้ว  ทั้งหมดนี้มาจากปากของเพื่อนผมคนที่ขับรถกระบะฟอร์ดเรนเจอร์คันเก่าอายุประมาณ 10 ปี ซึ่งมีรอยบุบและรอยขีดข่วนไปทั่ว และยังสวมเสื้อผ้าลดราคา © Engin Ayaz / Quora


© A Perfect Plan / Quad Productions

เรื่องที่หกมันต้องมีคลื่น

ตอนเรียนอยู่ที่โรงเรียนเอกชนในต่างประเทศ เมื่อใดก็ตามที่เรากำลังว่ายน้ำในสระว่ายน้ำของโรงเรียน เพื่อนของเราคนหนึ่งมักจะพูดเสมอว่า การว่ายน้ำจะสนุกกว่าถ้าสระว่ายน้ำมีกระแสน้ำหรือคลื่น ฉันเองก็ไม่ได้สนใจเท่าไรว่าเขาต้องการอะไร คิดว่าเขาจินตนาการไปเรื่อยๆ วันหนึ่งเขาชวนฉันไปเที่ยวบ้านเพื่อไปว่ายน้ำด้วยกันและ … บ้านเขามีสระว่ายน้ำในร่มขนาด 50 ฟุตที่สร้างกระแสน้ำ / คลื่นได้ © huazzy / Reddit

เรื่องที่เจ็ดคนขับรถ

เรารู้จักกันโดยบังเอิญทางโลกออนไลน์ เพื่อนของเราคนนี้เธอเป็นคนประหยัดทุกบาททุกสตางค์ และวันหยุดยาวครั้งหนึ่งเธอชวนฉันไปเที่ยวบ้านของเธอก่อนการเดินทางเธอเขียนมาบอกว่าจะมารับฉันที่สนามบินไม่ได้ แต่จะส่งคนขับรถไปแทน ฉันคิดว่า “คนขับรถ?! จริงดิ …อ้ออาจหมายถึงญาติของเธอก็ได้ เพราะเธอเล่าแค่ว่าเป็นแม่บ้านลูก 3  ตอนออกไปซื้อยาย้อมผมในซูเปอร์มาร์เก็ตราคา 1ยูโรยังพยายามหาที่ลดราคาอีกเลย แต่พอเรามาถึงก็มีคนขับรถมาพบเราที่สนามบิน เขาพาเราไปที่บ้านเพื่อน ซึ่งมันเหมือนกับปราสาทที่เต็มไปด้วยสาวใช้และมีสวนใหญ่ขนาดประมาณ 25 ไร่ สามีของเธอดูเหมือนจะเป็นเจ้าสัวในธุรกิจโรงแรม แต่เนื่องจากเธอมาจากครอบครัวธรรมดา เธอจึงเคยชินกับนิสัยเดิม ๆ ของเธอมากกว่า เราดูคนแค่จากการใช้จ่ายไม่ได้จริงจริงนะเนี้ย

เรื่องที่แปดนักลงทุน

ผมมีเพื่อนคนนึงดีมากๆ เขาชอบขับรถมือสองเก่ามาก นอกจากนี้เขายังไม่เคยให้ทิปพนักงานเสิร์ฟและมักจะหาซื้อของถูก ที่ต้องถูกที่สุดสำหรับทุกสิ่ง จนผมมาเริ่มต้นธุรกิจและต้องการเงินลงทุน ผมได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อน 5 คน ซึ่งดูเหมือนจะเพียงพอแล้วที่จะเริ่มกิจการเมื่อรวมกับเงินของผมด้วย เมื่อเพื่อนคนที่ที่สุดประหยัดรู้ว่าผมกำลังจะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ (ซึ่งผมไม่เคยบอกเขาด้วยตัวเอง) เขามาหาผมและบอกว่าเขาอยากจะลงทุนในกิจการของฉันเพราะเขาชอบความคิดนี้ จากนั้นเขาก็เสนอเงินให้ผมเกือบสองเท่าของเงินลงทุนทั้งหมด! คนเราดูกันแค่ภายนอกไม่ได้จริงจริง © Anonymous / Quora

เรื่องที่เก้าเรือยอทช์

ตอนที่เราคบกับสามีคนปัจจุบัน ในตอนแรกเขาต้องการให้เราไปพบพ่อแม่ของเขา เขาถามว่าฉันอยากเจอพวกเขาบนเรือไหม ซึ่งเรือลำเดียวที่เค้าเคยไปกับเราคือเรือท่องเที่ยว เลยคิดว่าต้องไปเจอพ่อแม่เขาบนเรือแบบนั้นจะดีเหรอ … เพราะฉันก็เจอพี่ชาย และน้องสาวของเขาบนเรือท่องเที่ยวเหมือนกัน ฉันไม่สบายใจที่คิดว่าจะต้องติดอยู่บนนั้นนานนานเลยถามไปว่า

ฉัน :“ต้อง นั่งเรือนานแค่ไหน”

เขา:“ อาจจะครึ่งวัน”

ฉัน“ ถ้าฉันต้องเข้าห้องน้ำล่ะ!” ฉันคิดว่านี่เป็นความคิดที่แย่มาก

เขา:“ มีห้องน้ำ 2 ห้อง … มันน่าจะโอเคนะ”

สรุป มี 2 ห้องน้ำ 2 ห้องนอน เป็นเรือ 2 ชั้น… ไม่นี่ไม่ใช่เรือธรรมดา แต่มันคือเรือยอทช์! © FlatteredPawn / Reddit

คุณมีเรื่องราวเกี่ยวกับคนรู้จักที่ใช้ชีวิตติดดิน หรือแม้แต่เพื่อนสนิทที่กลายเป็นคนรวยอย่างไม่น่าเชื่อหรือไม่? และคุณรู้ได้อย่างไร? แบ่งปันเรื่องราว รูปภาพและความคิดเห็นของคุณในเพจของเรา!

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน