เพื่อให้ร้านอาหารยังสามารเปิดทำการอยู่ได้ จะต้องทำให้แน่ใจว่าค่าใช้จ่ายในการทำอาหารไม่เกิน 30% ของรายได้ รวมถึงร้านอาหารบุฟเฟ่ต์แบบทานได้ไม่อั้นเองก็ไม่มีข้อยกเว้น ทั้งนี้ร้านอาหารบุฟเฟ่ที่ขายได้รายได้งามงามบางร้านต้องผลิตอาหารจากไก่มากถึง 21,000 ตัน และสเต็ก 2,700 ตันต่อปี ดังนั้นพวกเขาจะจัดการอย่างไรเพื่อให้บริการอาหารมากมายกับเราโดยที่พวกเขาไม่เสียหาย สำหรับคนที่เคยทำร้านอาหารมาก่อนก็น่าจะพอมีข้อมูลของการทำงานที่เป็นความรู้อยู่บ้างว่าต้องทำอย่างไร แต่สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่เคยทำร้านอาหารมาก่อนละเราจะต้องทำอะไร ทำอย่างไร เพื่อที่จะบริหารและจัดการปัญหาเหล่านี้
พวกเราศึกษาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมของร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ว่าเป็นอย่างไร และข้อมูลที่ได้มาก็ทำให้เราอยากจะเลิกทานอาหารเย็น! นอกจากนี้อย่าพลาดส่วนของโบนัสในตอนท้ายของบทความ เพราะคุณจะพบกับเคล็ดลับสุดยอดเกี่ยวกับวิธีที่จะไม่ปล่อยให้ร้านอาหารทำให้เราทานอาหารไม่คุ้มอีกต่อไป
1. การใช้จานอาหารขนาดเล็กและแก้วขนาดใหญ่
© Portland Press Herald / GettyImages
เครื่องถ้วยชามสำหรับใส่อาหารในร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กแตกต่างจากในร้านอาหารทั่วไป เนื่องจากรูปแบบของร้านอาหารบุฟเฟ่ จะเป็นการนำเสนอเมนูอาหารพร้อมทานที่สามารถตักทานได้เลย โดยมีทางเลือกของอาหารที่หลากหลาย ซึ่งหากใช้จานขนาดใหญ่ในการตักแล้วจะพบว่า ปริมาณอาหารที่เหลือทิ้งนั้นจะมีสูงมากเพราะ ระหว่างที่ตักอาหารจะไม่มีการคิดถึงปริมาณที่จะทานได้อย่างแท้จริง หรือ รวมถึงรสของอาหารอาจจะไม่ถูกปากทำให้ต้องถูกทิ้งไป และสุดท้ายมันก็จะกลายเป็นของเหลือในถังขยะจำนวนมาก ดังนั้นวิธีการใช้จานขนาดเล็กช่วยแก้ปัญหานี้ได้ นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า การใช้จานขนาดใหญ่ในร้านอาหารแบบบริการตัวเองนั้นทำให้ลูกค้าทานอาหารได้มากกว่าที่เคยทานในสัดส่วนปกติ
2. ผักและอาหารที่อุดมด้วยแป้ง
ร้านอาหารบุฟเฟ่พยายามเลือกเมนูที่ใช้ผลิตภัณฑ์ซึ่งสามารถซื้อในราคาถูกและสามารถต่อรองราคาได้ง่าย ซึ่งนั้นก็คือมันฝรั่งและผักที่มีตามสถานที่ตั้งของร้านอาหาร โดยปกติแล้วร้านอาหารบุฟเฟ่จัดการวางอาหารที่ทำให้อิ่มง่าย หรือ อาหารที่มีต้นทุนถูกกว่าไว้เป็นจำนวนมาก ในขณะที่เนื้อสัตว์จะมาเป็นชิ้นเล็ก ๆ ในถาดที่มีขนาดพอเหมาะ ส่งผลให้เราไม่มีโอกาสรับสินค้าราคาแพง และเราอิ่มท้องด้วยของราคาถูกกว่าแทน
3. ยิ่งค่าอาหารราคาแพงเท่าไหร่อาหารก็อร่อยขึ้น (แต่นี่ไม่ได้เกี่ยวกับคุณภาพเลย!)
จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าราคาของอาหารมีผลต่อการรับรู้ของลูกค้าเกี่ยวกับคุณภาพและรสชาติของอาหาร แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้การทดลองเกิดขึ้นที่ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์แห่งหนึ่ง โดยมีลูกค้าถูกเรียกเก็บเงิน 100 บาท สำหรับพิซซ่าในขณะที่คนอื่นต้องจ่าย 200 บาท สำหรับจานเดียวกัน ในท้ายที่สุดผู้ที่จ่าย 200 บาท ให้คะแนนอาหารของพวกเขาสูงกว่าคนที่จ่ายเงินครึ่งหนึ่ง จากการวิจัยความคาดหวังของเราสำหรับอาหารขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่แตกต่างกันรวมถึงราคา ดังนั้นยิ่งบิลมีราคาสูง อาหารที่ถูกปากอยู่แล้วก็จะยิ่งอร่อยมากขึ้นไปอีก
4. ร้านอาหารบุฟเฟ่พยายามดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่มาทั้งครอบครัว
ร้านอาหารแบบบริการตัวเองได้รับประโยชน์จากการดึงดูดลูกค้าที่ไม่ค่อยอยากอาหาร ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมักวางตัวว่าเป็นมิตรกับครอบครัว ซึ่งครอบครัวทั่วไปประกอบด้วยหนึ่งหรือสองคนที่รับประทานอาหารเก่งอย่างอร่อย แต่หลายคน (ปู่ ย่า ตา ยาย เด็กเล็ก) ที่ไม่น่าจะรับประทานอาหารมากในครั้งเดียว
นอกจากนี้เด็ก ๆ มักจะไปหาอาหารที่ทำกำไรได้ดีที่สุดสำหรับร้านบุฟเฟ่ต์เช่น ของหวาน, เฟรนฟราย, พิซซ่าและอื่น ๆ เหล่านี้ล้วนมีราคาถูกมากสำหรับการผลิตและเก็บสต็อก
5. พนักงานไม่รีบเร่งในการเติมอาหารในถาดราคาแพง
© Gaumont / Le Grand Restaurant
คุณอาจสังเกตเห็นว่าในร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ถาดที่เป็นเครื่องเคียงจะถูกเติมใหม่อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ถาดเนื้อและอาหารทะเลยังคงว่างอยู่ครึ่งหนึ่งเป็นเวลานาน เหตุผลก็คือบริกรได้รับคำสั่งให้ไม่รีบเร่งในการให้บริการอาหารสดหรือผลิตภัณฑ์ราคาแพง ในเวลาเดียวกันอาหารที่ทำให้อิ่มง่ายจะถูกเติมอยู่เสมอ
เพราะลูกค้าทุกคนไม่เต็มใจที่จะรอทานปูหรือกุ้ง หลายคนจึงเลือกที่จะเติมจานอาหารด้วยอาหารอื่น ๆ หรือ อาจจะเป็นขนมที่ดูน่าทานอย่างแพนเค้ก(นั้นเป็นทางเลือกที่ร้านอาหารต้องการให้พวกเขาทำ)
6. ร้านอาการบุฟเฟ่ต์ใช้เงินซื้ออาหารน้อยกว่าร้านอาหารทั่วไป
© neshom / Pixabay
ในร้านอาหารแบบบริการตนเองลูกค้าไม่ค่อยบ่นเกี่ยวกับอาหารพวกเขาเพียงแค่ตรวจสอบถาดอื่น วิธีนี้ช่วยให้ฝ่ายจัดการสามารถสร้างเมนูที่หลากหลายโดยประหยัดเนื้อสัตว์ชนิดต่าง ๆ เช่นอาหารประเภทยำที่มีส่วนผสมหลากหลาย และเมื่อจำเป็นต้องซื้อวัตถุดิบจำนวนมากก็ทำให้ต้นทุนนั้นถูกลงอีกด้วย อีกวิธีคือการแทนที่ส่วนผสมที่ราคาแพง ด้วยการผสมเครื่องปรุงและวัตถุดิบซึ่งทำให้รสชาติออกมาไม่ต่างกันมาก และคนส่วนใหญ่ไม่ได้สังเกตเห็นความแตกต่าง
7. การตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เย็นมากมาก
บางครั้งร้านอาหารบุฟเฟ่ตั้งใจเปิดเครื่องปรับอากาศ เพราะอุณหภูมิช่วยลดความอยากเนื้อสัตว์และอาหารทะเล และเมื่อเราเริ่มอิ่มร่างกายจะรู้สึกเย็นมากขึ้นทำให้ต้องรีบออกจากร้าน เพราะอยากได้สถานที่ที่ทำให้รู้สุกสบายขึ้น
8. ร้านอาหารแบบบริการตนเองไม่ค่อยมีทีวีหรือ Wi-Fi
© Steven Depolo / Flickr
ในการทำกำไรให้ได้มากมากร้านอาหารบุฟเฟ่ต์จะต้องทำให้ลูกค้ากิดการหมุนเวียนได้เร็ว เมื่อทานอาหารเสร็จ โดยไม่ให้อยู่นานเกินไป ดังนั้นการไม่มีทีวี หรือ Wifi ฟรี ก็จะทำให้ลูกค้า ที่ทานอิ่มแล้วอยากเปลี่ยนสถานที่เพื่อไปผ่อนคลาย
9. ถาดบางถาดมีช้อนขนาดใหญ่แต่บางถาดมีที่คีบขนาดเล็ก
© Guy Jazz / Flickr
ลองสังเกตุในร้านอาหารบุฟเฟ่ที่ถาดพาสต้า สลัด และ ข้าวจะมีทัพพีขนาดใหญ่ ในขณะที่ถาดปลาแซลมอนคุณต้องใช้ที่คีบขนาดเล็กคีบพวกมันลงจานของคุณอย่างช้าเพื่อไม่ให้หล่น เคล็ดลับนี้มีไว้เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าจะสามารถตักอาหารที่เราต้องการให้ตักในจำนวนมากอย่างรวดเร็ว แต่จะตักอาหารที่มีราคาแพงน้อยลง เนื่องจากคนส่วนใหญ่จะรู้สึกอึดอัดกับการล่าช้าเพราะพวกเขาพยายามที่จะหยิบเนื้อสัตว์หรือปลาด้วยคีมคีบขนาดเล็กและยังมีลูกค้าท่านอื่น ๆรออยู่ด้วย
10. ที่ตั้งของถาดอาหารมีผลต่อการเลือกของเรา
© Valery HACHE / AFP / Getty Images
การวางตำแหน่งถาดอาหารในร้านอาหารบุฟเฟ่ต์เป็นทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่ยุ่งยากมากกว่าที่เราคิด จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า 75% ของลูกค้าตักอาหารจากถาดที่เป็นถาดลำดับแรกในแถวอาหาร ยิ่งไปกว่านั้น 66% ของอาหารทั้งหมดที่คนทานแบบบุฟเฟ่ต์มีแนวโน้มว่าจะตักนั้นมาจาก 3 ถาดแรกที่เขาหรือเธอเจอ ดังนั้นพนักงานมักจะเติมเต็มถาดอาหารเหล่านั้นด้วยผลิตภัณฑ์ที่ราคาไม่แพง ดังนั้นครั้งหน้าคุณลองสักเกตุมุมอาหารที่เข้าถึงยากหรือ มีการบริการที่จำกัด เพราะอาหารในกลุ่มนี้มักเป็นอาหารราคาสูงนั้นเอง
11. ร้านบุฟเฟ่ต์ประหยัดพนักงานเพราะให้ลูกค้าทำหน้าที่ของตัวเอง
©พันธมิตร j / Pixabay
ร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ประหยัดเงินเป็นจำนวนมากด้วยการให้ลูกค้าทำหน้าที่ในการตักและบริการหลาย ๆ อย่างด้วยตัวเอง ในเครือร้านบุฟเฟ่ต์บางแห่งพวกเขาปล่อยให้ลูกค้าเตรียมและเทเครื่องดื่มเอง นอกจากนี้อาหารส่วนใหญ่ปรุงไว้ล่วงหน้า ดังนั้นทั้งหมดที่ร้านต้องทำก็คืออุ่นมันเท่านั้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีพนักงานจำนวนมาก ตรงกันข้ามในร้านอาหารปกติ พ่อครัวจะจัดเตรียมอาหารสำหรับ 25 คนต่อชั่วโมง ระบบการบริการตนเองช่วยให้ร้านอาหารสามารถรับคนได้มากถึง 200 คนในคราวเดียว
12. ลูกค้าแบบบุฟเฟ่ต์ส่วนใหญ่ไม่สามารถรับประทานเท่ากับราคาที่จ่าย
โดยเฉลี่ยแล้วลูกค้าบุฟเฟ่ต์แบบบริการตนเองจะกินอาหารประมาณ 4 จาน อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะได้ใกล้เคียงกับราคา เราต้องรับประทานมากกว่า 7 จาน แต่จากสถิติพบว่ามีเพียงคนเดียวใน 20 คนเท่านั้นที่สามารถทำสิ่งนี้ได้ในขณะที่ 4 ใน 20 คนกินน้อยมาก
14. ร้านอาหารบุฟเฟ่คิดเงินเพิ่มสำหรับอาหารที่เหลืออยู่ในจาน
เมื่อคุณมาถึงร้านบุฟเฟ่ต์แบบบริการตัวเองคนส่วนใหญ่อยากลองชิมอาหารทุกจาน สิ่งนี้สร้างของเหลือและร้านอาหารหลายแห่งพยายามที่จะจัดการกับปัญหาโดยการใช้ ค่าปรับ สำหรับอาหารที่เหลืออยู่บนจาน จำนวนเงินก็ขึ้นอยู่กับราคาของอาหาร อย่างไรก็ตามเนื่องจากอาหารเหลือที่ต้องทิ้งขยะประมาณครึ่งหนึ่งของอาหารที่พวกเขาเตรียมไว้ ดังนั้นหากคุณเหลืออาหารนิดนิดหน่อย ๆ ทางร้านก็จะไม่คิดเงินเพิ่มจากส่วนนี้
15. ขายเครื่องดื่มแยกต่างหากโดยเพิ่มราคาสูงขึ้นอีกเล็กน้อย
© Peter Pierog / Pixabay
ระยะหลังจะพบว่าร้านอาหารบุฟเฟ่จำนวนมากไม่รวมรายการเครื่องดื่มในการทานอาหารแต่กลับขายเครื่องดื่มแยกกัน ในราคาที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามแม้จะมีราคาของเครื่องดื่มรวมอยู่ในค่าอาหารแล้วก็ทางร้านก็ยังคงทำเงินได้มากอยู่ดี นี่คือสาเหตุที่ความจริงที่ว่าเครื่องดื่มมีราคาถูกเพราะพวกมันถูกสต็อกไว้ นอกจากนี้ยิ่งดื่มโซดามากเท่าไหร่อาหารก็จะยิ่งกินน้อยลงเท่านั้น
วิธีการใช้ประโยชน์สูงสุดจากการรับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์แบบบริการตนเองของคุณ
- ควรไปทานมื้อกลางวันแทนมื้อเย็น! เนื่องจากบุฟเฟ่ต์ส่วนใหญ่ราคามื้อกลางวันจะต่ำกว่าราคาอาหารค่ำมาก
- วางแผนที่จะไปร้านอาหารบุฟเฟ่ในวันพรุ่งนี้? อย่าลืมเริ่มต้นวันใหม่ด้วยอาหารเช้าที่อุดมด้วยไฟเบอร์! นี่จะเป็นการขยายความจุของกระเพาะอาหาร ดังนั้นคุณจะสามารถทานอาหารมื้อถัดไปได้มากขึ้น
- อย่าสวมเสื้อผ้าที่คับ แนะนำให้ใส่กางเกงที่มีเอวยางยืดเป็นทางเลือกที่ดีกว่ามาก
- ออกกำลังกายบ้างหลังทานอาการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มการเผาผลาญของคุณ
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่เป็นฟองหรือโซดา เพราะพวกมันจะลดความอยากอาหารของคุณ
- ไปหาของแพง ๆ อย่างปลาและเนื้อสัตว์ อาหารชนิดนี้มักพบได้ในถาดเล็ก ๆ
- เมื่อพูดถึงของหวาน – มุ่งความพยายามของคุณไปที่ช็อกโกแลต
คุณเคยกินที่ร้านอาหารบุฟเฟต์แบบที่ต้องบริการตัวเองบ้างหรือไม่? และร้านอาหารร้านไหนที่เพื่อน ๆ ไปทานกันบ่อย ? แบ่งปันชื่อร้านอาหารของเพื่อนในความคิดเห็นด้านล่างสิเพื่อที่เพื่อน ๆ ของเราจะได้ตามไปทานอาหารร้านเหล่านั้นบ้าง
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน