16 ภาพสวยจากสถานที่แปลกตาจากที่ต่างต่าง

สำหรับเพื่อนเพื่อนของพวกเราที่รักการเดินทาง ชอบออกไปเปิดหูเปิดตาตามสถานที่ต่าง ๆ แทบทุกคนมักจะมีรายการสถานที่ในฝัน และกิจกรรมที่คิดอยากไปทำให้ได้สักครั้งอย่างน้อยก็ครั้งหนึ่งในชีวิตละเนอะ แต่น่าเสียดายที่เรามีข้อจำกัดบางอย่าง อย่างเช่นการเดินทาง หรือเวลา ดังนั้นเมื่อได้เดินทางไปแล้วการเก็บภาพสถานที่ต่างๆก็เป็นประโยชน์สำหรับเรา เพราะสดุท้ายแล้วการเดินทางไม่ได้เป็นเพียงแค่การขึ้นเครื่องบินไปที่ไหนสักแห่งเท่านั้น แต่ยังต้องวางแผนการเดินทาง และจินตนาการว่าการไปสถานที่แปลกใหม่เหล่านั้นจะเป็นอย่างไร

ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงรวบรวมสถานที่ที่น่าจะเรียกได้ว่าสวยงามและดูช่างมหัศจรรย์ ที่มีอยู่จริงมาลองไว้ให้เพื่อนเพื่อนผู้อ่านที่รักการท่องเที่ยวของเราได้ลองดูเพื่อว่าหนึ่งในนี้จะถูกจัดเป็น อีกหนึ่งสถานที่ที่เพื่อนเพื่อนอยากจะได้ให้ได้ยังไงละ

มาเริ่มที่แรกกันเลยดีกว่ากับ Crooked Forest ที่อยู่ในประเทศโปแลนด์
© Artur Strzelczyk / Wikimedia Commons, © Creative Commons
มันคือป่าที่มีเอกลักษณ์ เป็นของตัวเองมากมากโดยป่าแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ที่คดงอ ซึ่งตั้งอยู่ใน Gryfino ประเทศโปแลนด์ ความมหัศจรรย์ที่ต้นไม้ขึ้นแบบนี้ทั้งป่ายังคงเป็นปริศนาที่ไม่มีคนบอกได้ ซึ่งในป่ามีต้นสนประมาณ 400 ต้น ซึ่งปลูกเมื่อประมาณปี 1930 และไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่าทำไมต้นไม้ถึงเติบโตในลักษณะนี้ แต่อย่างไรก็ตามมันกลายสถานที่ที่ได้รับความนิยมมากในโปแลนด์ เนื่องจากความลึกลับของรูปร่างต้นไม้แปลก ๆ ซึ่งบางคนเรียกมันว่า Crooked Forest แม้ว่าจะมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Krzywy Las ในภาษาโปแลนด์

2. Salar de Uyuni (Uyuni Salt Flat) ประเทศโบลิเวีย

© Ximena Medina Sancho / Wikimedia Commons, © Creative Commons
สถานที่แห่งนี้เป็นทะเลสาบเกลือที่ใหญ่ที่สุด และอยู่ในจุดที่สูงที่สุดอีกด้วย ทั้งนี้มันกลายเป็นทะเลทรายในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐโปโตซีในโบลิเวีย เชื่อกันว่ามีเกลือมากถึง 10,000 ล้านตัน Salar de Uyuni (ซึ่งเป็นภาษาสเปน) เป็นหนึ่งสถานที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวของโบลิเวีย เพราะเมื่อคุณเดินไปที่นั่นคุณจะรู้สึกเหมือนว่าคุณอยู่ในโลกที่เวิ้งว้าง (หรืออาจจะอยู่คนละโลก) เนื่องจากคุณสมบัติสะท้อนแสงทำให้มันเหมือนกระจกที่สมบูรณ์แบบจนสร้างภาพลวงตาว่าคุณกำลังเดินอยู่บนก้อนเมฆ

3. ทะเลสาบแมงกะพรุนปาเลา

© gardey25 / Reddit
ทะเลสาบมหัศจรรย์แห่งนี้ที่เต็มไปด้วยสัตว์ทะเล ตั้งอยู่ในหมู่เกาะปาเลา แมงกะพรุนทั้งหมดที่อาศัยอยู่ที่นั่นมีขนาดค่อนข้างเล็ก ดังนั้นพวกมันจึงไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ (แมงกะพรุนทั่วไปอาจเป็นพิษได้) เนื่องจากแมงกะพรุนเป็นสัตว์ที่สวยงามจึงอาจจะเป็นประสบการณ์ที่เพื่อนเพื่อนลืมไม่ลง คุณสามารถว่ายน้ำกับพวกมัน และสัมผัสพวกมันได้ แต่คุณต้องแน่ใจว่าคุณไม่มีทรายติดอยู่ และคุณไม่สามารถใช้ครีมหรือสารอื่นใดที่อาจทำให้ระบบนิเวศเสียสมดุล

มาตรการรักษาความปลอดภัยทั้งหมดนี้ทุกคนต้องปฏิบัติตามเพื่อรักษาที่อยู่อาศัยของแมงกะพรุนเหล่านี้ และป้องกันไม่ให้พวกมันหายไปจากทะเลสาบ ในปี 2007 ได้รับรายงานว่าทะเลสาบแห่งนี้มีแมงกะพรุนมากถึง 5 ล้านตัว แต่ในปี 2018 จำนวนดังกล่าวลดลงอย่างมีนัยสำคัญเหลือเพียง 630,000 ตัว ในปัจจุบันแมงกะพรุนสีทองที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ได้รับการคุ้มครองโดยองค์การยูเนสโก

4. Antelope Canyon รัฐแอริโซนา

หุบเขาที่น่าประทับใจแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา มันเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในโลก คุณสามารถเยี่ยมชมหุบเขาได้พร้อมกับไกด์และต้องเข้าไปอย่างเป็นทางการเท่านั้น เนื่องจากฝนอาจทำให้เกิดน้ำท่วมโดยไม่คาดคิดได้ในเวลาไม่กี่นาที ในสถานที่มีกำแพงหินที่เกิดจากการก่อตัวทางธรณีวิทยานี้ ซึ่งมีความสูงถึง 120 ฟุต ในบางแห่งไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้มาเยือนได้ชมทิวทัศน์เหนือหุบเขาอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการเดินทางไปหากคุณรักการถ่ายภาพธรรมชาติที่มหัศจรรย์

5. อุทยานแห่งชาติแบมฟ์แคนาดา

© Unknown / Imgur
สวนแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ และเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในอเมริกา อุทยานแห่งชาติแบมฟ์เต็มไปด้วยการก่อตัวของหินภูเขาที่มีธารน้ำแข็ง ทุ่งน้ำแข็ง และป่าสนที่เงียบสงบอย่างลึกลับ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเดินทางไปรอบ ๆ พื้นที่ และพบกับทะเลสาบน้ำจืดที่ซ่อนอยู่ นอกจากนี้คุณจะได้เห็นความงามของสัตว์และพืช ทำให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสถ่ายภาพสวย ๆ รวมถึงทำกิจกรรมที่ทางอุทยานเตรียมให้ เช่น เล่นสกี เดินป่า ขี่ม้า และปีนผา

6. คัปปาโดเกียตุรกี

คัปปาโดเกียเป็นหนึ่งในพื้นที่ประวัติศาสตร์ของตุรกี และมีลักษณะทางธรณีวิทยาที่แปลกประหลาด ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคนี้ทำให้ดูเหมือนเทพนิยาย เนื่องจากที่แห่งนี้เต็มไปด้วยหุบเขาลึกลับ และโครงสร้างหินแปลก ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นโดยธรรมชาติเมื่อหลายล้านปีก่อน พื้นที่แห่งนี้มีการปะทุของภูเขาไฟขนาดใหญ่ วิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการเพลิดเพลินไปกับการเดินทางไปยังคัปปาโดเกียคือการขึ้นบอลลูน ซึ่งจะทำให้คุณได้เห็นทิวทัศน์ที่น่าประทับใจจากด้านบน

7. เคลิมูตูอินโดนีเซีย

เคลิมูตูเป็นภูเขาที่แปลกประหลาด เนื่องจากมีทะเลสาบอยู่ภายใน 3 แห่งใกล้ใกล้ปล่องของภูเขามันจึงเปลี่ยนสีได้ ดังนั้นที่แห่งนี้จึงเป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในอินโดนีเซีย สาเหตุที่ทะเลสาบเหล่านี้เปลี่ยนสีเพราะมีแร่ธาตุที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ทางธรรมชาติให้เราเห็นได้ และมันก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของปี และอุณหภูมิ ตัวอย่างเช่นในปี2016 ทะเลสาบเปลี่ยนสีไป 6 ครั้งตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงพฤศจิกายน อย่างไรก็ตามการคาดการณ์ว่าสีของทะเลสาบจะเปลี่ยนไปเมื่อใดและอย่างไรนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เคลิมูตูอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 1,600 เมตรและตั้งอยู่ในหมู่เกาะฟลอเรส

8. เฟอร์นันโดเดโนรอนฮาบราซิล

© Roberto Noval / Wikimedia Commons, © Creative Commons
ผู้ที่ชื่นชอบการเดินเล่น และเดินป่าระยะทางไกลจะต้องเพลิดเพลินไปกับการไปที่ เฟอร์นันโดเดโนรอนญา ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องภูมิประเทศที่สวยงาม รวมถึงคุณภาพของน้ำที่สัตว์ป่ายังคงสามารถเดินเตร่ได้อย่างอิสระ และหาดทรายขาว หมู่เกาะภูเขาไฟแห่งนี้ประกอบด้วยเกาะประมาณ 21 เกาะ และมีเพียงเฟอร์นันโดเดโนรอนญาเท่านั้นที่อาศัยอยู่ เพื่อปกป้องธรรมชาติจากผลกระทบของการท่องเที่ยว จึงจำกัดผู้เข้าเยี่ยมชม เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ดำน้ำลึกที่ยอดเยี่ยมเพราะน้ำใส และไม่เย็นมากทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับวิวใต้น้ำที่สวยงามได้ นอกจากนี้ยังเป็นที่นิยมในหมู่นักเล่นเซิร์ฟที่ต้องการชมพระอาทิตย์ตกแบบพาราดิเซียคัล นอกจากนี้มีกิจกรรมอื่น ๆ ได้แก่ การดูปลาโลมา และการเดินเล่นไปตามชายฝั่งอันเงียบสงบ

9. อุทยานแห่งชาติ Tsingy de Bemaraha มาดากัสการ์

© Rod Waddington / Wikimedia Commons, © Creative Commons
ยินดีต้อนรับสู่อุทยานแห่งชาติ Tsingy de Bemaraha เป็นเขาวงกตโขดหินที่ไม่มีที่สิ้นสุดที่ดูเหมือนเมืองร้าง สวนสาธารณะแห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่ในทวีปแอฟริกา เนื่องจากอุบัติเหตุทางธรณีวิทยาที่นำไปสู่การก่อตัวของหินที่งดงามเหล่านี้ ซึ่งคุณสามารถเห็นได้ในภาพด้านบน อีกทั้งมันยังเป็นที่อยู่ของสัตว์ และพืชนานาชนิดซึ่งส่วนหนึ่งแสดงให้เห็นถึงข้อเท็จจริงที่ว่าผาหินชุดนี้ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 1990 ดังนั้นที่แห่งนี้จึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักผจญภัย และนักเดินทางที่สนใจธรรมชาติ

10. Great Blue Hole, เบลีซ

ตามชื่อของมัน Great Blue Hole เป็นหลุมทางทะเลที่ตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งเบลีซ มีความกว้าง 318 ม. และลึก 124 ม. เป็นที่รู้จักกันทั่วโลกว่าเป็นจุดหมายปลายทางของการดำน้ำลึก แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด ต้องขอบคุณสภาพอากาศที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งมีชีวิตในทะเลได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในน่านน้ำที่ลึกที่สุดของโลกนี้ ดังนั้นที่นี่ควรท่องเที่ยวแบบมีไกด์ ทั้งนี้ชื่อของมันมาจากโทนสีที่สวยงามของสีน้ำเงินที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงความลึกของน้ำอย่างกะทันหัน
11. Vinicunca เปรู

© Christian Morales Callo / Wikimedia Commons, © Creative Commons
ในสถานที่มหัศจรรย์แห่งนี้จะทำให้คุณได้เห็นสีสันธรรมชาติที่ทำให้ต้องเคลิบเคลิ้มไปไกลสุดสายตา Vinicunca เป็นที่รู้จักกันในชื่อ Rainbow Mountain หรือ Montaña de Siete Colores (ภูเขา 7 สี) Vinicunca เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดในเปรู และของโลก คุณสามารถเดินทางไปที่นั่นได้โดยการเดินเท้า รถจักรยานยนต์ หรือก็มีถนนบางสายที่คุณสามารถใช้รถยนต์ได้ เพื่อย่นระยะเวลาเดินทางได้ 5,200 เมตร เป็นสถานที่ที่สูงมาก และช่วงที่ดีที่สุดของปีในการไป Rainbow Mountain คือเดือนสิงหาคมเนื่องจากอากาศแห้ง

12. เยลโลว์สโตนสหรัฐอเมริกา

© commonvanilla / Reddit
สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา สร้างขึ้นในปี 1872 และเป็นหนึ่งในสวนธรรมชาติที่เก่าแก่ และเป็นที่นิยมมากที่สุดในโลก มีพื้นที่ประมาณ 9,000 ตารางกิโลเมตร ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยทะเลสาบที่ใสสะอาด หุบเขา ทุ่งหญ้า และน้ำตก สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีน้ำพุร้อนที่สามารถพ่นน้ำ และไอน้ำออกมาได้อย่างฉับพลัน สิ่งเหล่านี้ค่อนข้างหายาก นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมบางอย่างสำหรับบุคคลทั่วไป ได้แก่ ทัวร์พร้อมไกด์เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับพืช และสัตว์พื้นเมือง การล่องแพ การตั้งแคมป์ในส่วนต่างๆของอุทยาน และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางผจญภัย

13. Cabo San Lucas เม็กซิโก

© Pupkins / Reddit
เมืองนี้ตั้งอยู่ในรัฐบาฮากาลิฟอร์เนียซูร์ มีการผสมผสานระหว่างชายหาดที่สวยงาม และภูมิประเทศแบบทะเลทราย เนื่องจาก Cabo San Lucas มีระบบนิเวศทางทะเลที่หลากหลาย จึงมีกิจกรรมตกปลาแบบที่ต้องควบคุม อีกหนึ่งในสถานที่สำคัญยอดนิยมคือแนวหินที่เรียกว่า “El Arco” หรือในภาษาอังกฤษ “the arch” ซึ่งตั้งอยู่ที่ปลายชายหาดยาวที่ซึ่ง Sea of ​​Cortez จะรวมเข้ากับมหาสมุทรแปซิฟิก

14. Trolltunga, นอร์เวย์

© Unknown / Imgur
Trolltunga ถือเป็นหนึ่งในหินรูปร่างที่น่าประทับใจที่สุดในนอร์เวย์ตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,100 ม. และได้กลายเป็นอัญมณีที่เป็นมงกุฎของการท่องเที่ยวในภูมิภาค สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไปยังยอดเขา Trolltunga ก่อนอื่นต้องเดินเท้าเป็นระยะทางประมาณ 13.5 กม. บนภูมิประเทศที่เป็นหินสูงชัน แต่คุณจะได้สิ่งตอบแทนเป็นทัศนียภาพอันงดงามของ Ringedalsvatnet ทะเลสาบที่เต็มไปด้วยน้ำสีฟ้าคราม จากนั้นที่ด้านบนสุดของหน้าผาหินที่เรียกว่าลิ้นของโทรลล์ช่วยให้นักเดินทางไกลสามารถถ่ายภาพที่น่าประทับใจ

15. แกรนด์แคนยอนรัฐแอริโซนา

© Darthwish / Imgur
หรือที่เรียกว่า Gran Cañón del Colorado เมื่อถูกค้นพบโดยนักพิชิตชาวสเปน ที่แห่งนี้มีรูปแบบที่น่าทึ่งมีความยาวประมาณ 446 กม. ลึก 800 เมตร และเต็มไปด้วยโครงสร้างหินตามธรรมชาติ ผนังสีแดงที่มีลักษณะเฉพาะเป็นหนึ่งในภาพยอดนิยมที่เผยแพร่ไปทั่วโลก คุณสามารถใช้บริการนำเที่ยว ล่องแก่ง ขี่ม้า หรือแม้แต่นั่งเฮลิคอปเตอร์ในแกรนด์แคนยอน ทางตอนใต้ของอุทยานคุณยังสามารถพบน้ำตกที่ซ่อนอยู่ซึ่งคุณสามารถใช้ช่วงเวลาอันเงียบสงบเพื่อพิจารณาสถานที่ที่น่าอัศจรรย์แห่งนี้

16. ถ้ำขลุ่ยอ้อประเทศจีน

เมื่อพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ถ้ำ Reed Flute Cave ถือเป็นอันดับหนึ่งของรายการนี้ ภายในถ้ำคุณจะพบกับโลกแห่งจินตนาการที่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อย และหินรูปร่างอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่องสว่างด้วยแสงไฟดูมีมนต์ขลัง ชื่อของถ้ำมาจากชนิดของต้นอ้อที่ปลูกในพื้นที่ ผู้คนในประเทศจีนใช้ต้นอ้อทำขลุ่ยในสมัยโบราณ การเข้าไปในถ้ำ Reed Flute ก็เหมือนกับการผ่านกระจกเพื่อเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการอันน่าพิศวง

เพื่อนเพื่อนกำลังวางแผนจะไปที่ไหนถ้าสามารถออกเดินทางได้ ? และคุณสนใจไปสถานที่ใดในรายการที่เราเอามาให้ดูหรือเปล่า ช่วยแบ่งปันรูปภาพของสถานที่ที่คุณอยากไปหรือที่คุณเคยไปมากับพวกเราในเพจของเราสิ!

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน