แฟนหนังอย่างเราๆจะรู้ว่าภาพยนตร์บางเรื่องก็มีเนื้อเรื่องที่ตรงไปตรงมาชัดเจน และสามารถคาดเดาต่อได้ไม่ยาก แต่ในทางตรงข้ามบางเรื่องก็ทำให้เราประหลาดใจในตอนจบและบางครั้งตอนจบของหลายๆเรื่องก็ที่เปิดกว้างให้เราคิดต่อ ผู้สร้างเหลือที่ว่างไว้สำหรับความคิดสร้างสรรค์ของแฟน ๆ ซึ่งบางคนปล่อยให้จินตนาการของพวกเขาโลดแล่น จนเกิดเป็นการตั้งข้อสังเกตุ และมีการตีความและเอาเรื่องราวมากมายเชื่อมโยงกัน เช่น WALL-E, Joker, Harry Potter และแม้แต่ Toy Story ทั้งหมดนี้เป็นศูนย์กลางของสมมติฐานที่น่าสนใจที่ดูแปลก หรืออาจบ้ามาก และทำให้ภาพยนตร์เรื่องโปรดด้วยของคุณแตกต่างไปจากเดิม
พวกเราได้รวบรวมทฤษฎีหรือสมมติฐานที่เกี่ยวกับภาพยนตร์ที่แฟนๆคิดขึ้น และได้รับความนิยมมากที่สุดบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งอาจเปลี่ยนวิธีที่เราดูภาพยนตร์ไปตลอดกาล
1. E. T. เป็นอัศวินเจไดจากจักรวาล Star Wars
© E.T. Extra-Terrestrial / Universal Pictures
มีแฟนหนังบางคนพยายามเชื่อมโยง E.T. Extra-Terrestrial กับภาพยนต์ไตรภาคของ Star Wars เนื่องจากทั้งสองเรื่องเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตจากดาวเคราะห์ดวงอื่น นอกจากนี้ทั้งสองเรื่องยังถูกปล่อยออกมาในเวลาเดียวกัน และผู้กำกับ Steven Spielberg กับ George Lucas เป็นเพื่อนสนิทกัน มีทฤษฎีที่เชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งและยังโต้เถียงกันว่าตัวละครในภาพยนตร์เรื่องแรกที่ถูกทอดทิ้งบนโลกคือ เจได ทฤษฎีนี้ได้รับการสนับสนุนจากข้อเท็จจริงที่ว่าใน Star Wars Episode I: The Phantom Menace มีสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะเหมือน E.T. ปรากฏใน Galactic Senate นอกจากนี้เมื่อ E.T.ออกไปข้างนอกในวันฮาโลวีน E.T. พบเด็กชายในชุดโยดา และรู้สึกคุ้นเคย ยิ่งไปกว่านั้นที่น่าประหลาดใจที่สุดคือพลังของเจไดในการเคลื่อนย้ายสิ่งของสอดคล้องกับ E.T. ที่ทำให้จักรยานบินได้ ในฉากที่มีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง Spielberg
2. Willy Wonka เป็นตัวละครในเวอร์ชั่นเด็กจาก The Divine Comedy
© Charlie and the Chocolate Factory / Warner Bros
หนึ่งในหนังสือเหล่านี้เป็นวรรณกรรมชิ้นเอกสำหรับเด็ก และอีกเล่มเป็นบทกวีคลาสสิกเกี่ยวกับเทววิทยา อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจะมีความเชื่อมโยงระหว่างงานเขียนทั้ง 2 เรื่อง The Divine Comedy และ Dante Alighieri ซึ่งเรื่องที่สองอธิบายเกี่ยวกับ Charon คนพายเรือของ Hades ผู้ส่งวิญญาณจากโลกแห่งชีวิตไปสู่โลกแห่งวิญญาณ เช่นเดียวกับ Willy Wonka ใน Charlie and the Chocolate Factory เพราะในขณะที่เขาแนะนำเด็กเกี่ยวกับการตกแต่งภายในของ โรงงานประหลาดของเขารวมถึงเรื่องการเปรียบเทียบต่าง ๆ ที่ยังคงดำเนินต่อไป: Dante แบ่งนรกออกเป็นวงกลม 9 วงแต่ละวงออกแบบมาเพื่อลงโทษคนบาปสำหรับบาปเฉพาะที่เขากระทำบนโลก เช่นเดียวกับของ Willy Wonka ที่ออกแบบโรงงานมาเพื่อตอบสนองข้อบกพร่องของตัวเอง นี่คือสาเหตุที่ Augustus Gloop ไม่สามารถรับมือกับความตะกละ และตกลงไปในแม่น้ำแห่งช็อคโกแลต และ Violet Beauregarde ก็ใช้หมากฝรั่งชิ้นหนึ่งแล้วเปลี่ยนเป็นบลูเบอร์รี่ ทั้งนี้ในตอนจบของทั้งสองเรื่องก็คล้ายกันมากคือ Danteสามารถขึ้นสู่สวรรค์ได้ เช่นเดียวกับชาร์ลีซึ่งสามารถผ่านการทดสอบทั้งหมด และออกจากที่นั่นโดยลิฟต์แก้ว
3. WALL-E อาจเป็นตัวร้ายที่ใสซือ
© Wall-E / Pixar / Disney
WALL-E เป็นตัวละครที่น่ารักจาก Pixar Universe แม้ว่าหุ่นยนต์จะแสดงออกอย่างนุ่มนวล และเป็นฮีโร่ที่ช่วยมนุษยชาติ จากการท่องไปในอวกาศอย่างไร้จุดหมาย แต่ก็มีทฤษฎีที่โต้แย้งว่าเขาไม่ได้แสนดีอย่างที่เราคิด และเปรียบเขาเป็นตัวแทนของงูจากเรื่องราวในตำนวนที่วางแผนจนสามารถขับไล่อาดัมและเอวาออกจากสวนเอเดน
ตามแนวคิดนี้ได้ทำการเปรียบเทียบ ผู้ที่อาศัยอยู่ในยานอวกาศ กับคนที่อยู่ในสวนสวรรค์ ที่ซึ่งมีความสุขและมีทุกสิ่งที่ต้องการ นอกจากนั้นยังไม่มีปัญหาภายนอกมากวนใจอีกด้วย แต่แล้ว WALL-E ก็มาถึง และมอบบางสิ่งบางอย่างให้ (นั้นคือพืช) ให้กับหุ่นยนต์ที่เรียกว่า EVA และทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ทำให้มนุษย์ตัดสินใจย้อนกลับไปยังดาวเคราะห์ที่รกร้างว่างเปล่า ทำให้ที่เคยสุขสบายต้องมาเริ่มต้นใหม่เพราะพวกเขาต้องทำงานเพื่อพัฒนาที่อยู่ใหม่ให้อยู่รอด
4.ที่มาของ“ Abracadabra” ในแฮร์รี่พอตเตอร์
© Harry Potter and the Deathly Hallows / Warner Bros.
คำสาป“ Avada Kedavra” เชื่อมโยงโดยตรงกับ“ Abracadabra” ของ“ มักเกิ้ล” ที่มีชื่อเสียง (มนุษย์ที่ไม่มีพลังวิเศษใด ๆ ) สิ่งนี้ระบุโดย J. K. Rowling ผู้เขียน Harry Potter แต่ผู้ใช้ Reddit ก้าวไปข้างหน้า และตั้งทฤษฎีเกี่ยวกับประวัติของคำเหล่านี้ทั้งที่มีความเหมือนกันและมีความหมายแตกต่างกัน
ตามที่แฟนคลับคนนี้อ้างว่า พ่อมด แม่มดมักใช้กับพวกมักเกิ้ล แต่เมื่อพ่อมดเริ่มซ่อนตัว ซึ่งต้องขอบคุณ The International Statute of Secrecy ในปี 1692 คำนี้กลายเป็นตำนาน เมื่อเวลาผ่านไปวลีเปลี่ยนไปเล็กน้อยเป็น “Abracadabra” ซึ่งเชื่อกันว่ามีพลังในการรักษาฝ่ายตรงกันข้ามกับที่ใช้คาถานี้
5. เจ้าลาดองกี้จากเรื่อง Shrek มาจากเรื่อง Pinocchio
© Pinocchio / Disney, © Shrek / Dreamworks
ตัวละครทั้งหมดใน Shrek มาจากเทพนิยายเฉพาะกลุ่ม ได้แก่ ซินเดอเรลล่า หมูน้อยสามตัว และราพันเซล เป็นต้น สิ่งนี้ทำให้บางคนสงสัยเกี่ยวกับเรื่องราวดั้งเดิมของ เจ้าลาดองกี้ และไม่น่าแปลกใจที่มีทฤษฎีเกี่ยวกับมันเช่นกัน ซึ่งเชื่อกันว่าเขามาจากเรื่อง พินอคคิโอเพราะในโลกของนั่นมีสถานที่ผีสิงที่เรียกว่า“เกาะแห่งความสุข” ที่ซึ่งเด็ก ๆ กลายเป็นลา ในภาพยนตร์การ์ตูนดิสนีย์ปี 1940 เด็กบางคนที่กลายร่างเป็นลามีความสามารถในการคิด และการพูดอย่างมนุษย์ นอกจากนี้สมมติฐานนี้ตั้งอยู่บนความจริงที่ว่า เจ้าลาดองกี้ดูเหมือนจะมีความทรงจำเกี่ยวกับการเคยเป็นมนุษย์ เช่น เมื่อเขาเล่าให้ Puss in Boots ฟังว่าเขาจำได้ว่าเคยใส่กางเกงใน
6. ผู้เขียนคาถาที่บังคับให้บิลเมอร์เรย์ต้องทำทุกอย่างซ้ำทุกวันอาจเป็นคนที่เค้าเจอเป็นคนแรก
© Groundhog Day / Sony Pictures
Groundhog Day กลายเป็นภาพยนตร์ยุคใหม่สุดคลาสสิก แต่คำอธิบายว่าเหตุใดช่วงเวลาที่ Phill Connor ถูกใช้ให้มีชีวิตซ้ำเดิมไปมาแต่ไม่เคยถูกถ่ายทอดให้เห็น ทำให้คนดูต้องจินตนาการและกำหนดทฤษฎีเอง ซึ่งหนึ่งในนั้นเชื่อว่าว่าผู้ที่ทำการสาป Bill Murray หรือ Phill Connor ในเวลานั้นคือ Ned Ryerson คนที่พบกันบนถนนในตอนเริ่มต้นของแต่ละวัน ตามทฤษฎีนี้แท้จริงแล้ว Ned เป็นปีศาจประเภทหนึ่งที่ต้องการแก้แค้น เนื่องจากเขารู้สึกว่าถูกปฏิเสธจาก Phill Connor จากคำพูดที่ว่า“ ระวัง ในขั้นตอนแรก” เขากล่าวด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายโดยอ้างถึงจุดเริ่มต้นของคำสาป เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการวนลูป ในวันสุดท้าย ในที่สุดตัวละครหลักตกลงที่จะปฏิบัติต่อเขาอย่างเหมาะสม และซื้อประกันให้เขาซึ่งเป็นการกระทำที่ทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากมนต์สะกด
7. ของเล่นใน Toy Story ไม่มีชีวิต
© Toy Story / Pixar / Disney
แน่นอนว่าทฤษฎีนี้ไม่ได้รับการชื่นชมจากแฟน ๆ Toy Story เพราะแฟนแฟนต่างคิดว่าเป็นการทำให้จินตนาการของหนังผิดไปจากเดิมอย่างสินเชิง แต่ตามทฤษฎีนั้นของเล่นเหล่านั้นไม่เคยมีชีวิตอยู่ และเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เป็นเรื่องราวที่เจ้าของของเล่น Andy และ Bonnie สร้างขึ้นในขณะที่พวกเขาเล่นกับพวกเขา แนวคิดนี้มีหัวข้ออยู่ 2 ประเด็น อย่างแรกคือความจริงที่ว่าไม่มีใครเคยจับได้ว่า Woody, Buzz Lightyear และของเล่นอื่น ๆ มีชีวิต แต่คนเดียวที่พบคือซิด และเขาไม่ได้บอกใครเลย หรืออย่างน้อยก็ไม่มีใครเชื่อเขา ต่อมาประการที่สอง เกิดคำถามว่าทำไม Buzz ในภาพยนตร์เรื่องแรกและ Forky ในภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายจะหยุดนิ่งเมื่อมีมนุษย์เข้ามาในห้องหรือยกพวกเขาขึ้น โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาเป็นของเล่น
8. มนุษยชาติสร้างเมทริกซ์หลังจากเอาชนะเครื่องจักรได้
© The Matrix Revolutions / Warner Bros.
The Matrix กลายเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่นำไปสู่การผลิตวิดีโอเกม การ์ตูน และภาพยนตร์สั้น แอนิเมชั่น ภาพยนตร์อธิบายว่ามนุษยชาติใช้พลังงานแสงอาทิตย์สร้างเครื่องจักรได้อย่างไร และเครื่องจักรชนะสงครามด้วยการสร้างมนุษย์เทียมซึ่งพวกเขาใช้เป็นแรงงาน แต่แฟนตัวยงรายหนึ่งได้คิดค้นทฤษฎีที่ทำให้แนวคิดนี้กลับหัวกลับหาง
มุมมองใหม่อ้างว่า มนุษย์ ได้รับชัยชนะจากสงคราม แต่ด้วยสิ่งเลวร้ายที่กระทบต่อระบบนิเวศ ดังนั้นเครื่องจักรกลที่เหลือรอดถูกตั้งโปรแกรม ให้ช่วยมนุษย์มีชีวิตรอดในโลกเสมือนจริง ด้วยวิธีนี้มนุษย์จึงใช้ชีวิตโดยไม่รู้ตัวในยูโทเปียดิจิทัล แม้ว่าความเป็นจริงตอนนี้มันคิดเป็นวันที่ไม่มีทรัพยากรเพียงพอที่จำเป็นสำหรับการอยู่รอด
9. ชายสวมฮูดอาจรอดชีวิตจาก Jurassic Park
© Jurassic Park / Universal Studios
หนึ่งในวายร้ายในตอนแรกของ Jurassic Park เดนนิสเนดรีถูกโจมตีโดยดิลโลโฟซอรัสขณะพยายามหลบหนีพร้อมกับตัวอ่อนที่เขาเอาออกมาด้วย แต่เรื่องราวทั้งหมดอาจจะแตกต่างไปหากพนักงานสายลับคนนี้สวมฮูดไว้ตลอด เพราะอะไรนะเหรอเหตุผลก็คือ เสื้อคลุมสีเหลืองสดใสของเขาทำหน้าที่เลียนแบบส่วนยอดของไดโนเสาร์ทำให้มันไม่ทันสังเกตุ เราจะเห็นได้ว่าเจ้าดิลโลโฟซอรัสเพิ่งเปลี่ยนท่าที เป็นก้าวร้าวเมื่อเขาสะดุดกลางสายฝนทำให้หมวกของเขาหลุดออก และทำให้เขากลายเป็นเหยื่อในที่สุด
11. กัปตันอเมริกาเป็นปู่ของ Star-Lord
© Captain America: The Winter Soldier / Marvel, © Guardians of the Galaxy / Marvel
นักแสดงหญิงที่รับบทแม่ของ Star-Lord หรือ Chris Pratt ใน Marvel Cinematic Universe ได้ปรากฏตัวใน Captain America: The First Avenger เธอเป็นหนึ่งในผู้ติดตามที่พบกับซูเปอร์ฮีโร่ในแคมเปญเพื่อสนับสนุนทหารของอเมริกา สิ่งนี้ไม่ได้ถูกเพิกเฉยจากแฟน ๆ ซึ่งคาดเดาว่าการพบปะดังกล่าวมีความใกล้ชิดมากกว่าที่ได้เห็น และต่อมาเธอก็ตั้งท้อง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษที่ 1940 และเนื่องจาก Star-Lord นั้นเกิดในปี 1980 จากไทม์ไลน์นี้ สตีฟ โรเจอร์ส อาจเป็นปู่ของเขา นอกจากนี้ยังอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงมีพลังมากกว่าลูกคนอื่นๆ ของพ่อของเขาอย่างที่เห็นใน Guardians of the Galaxy Vol 2. อย่างไรก็ตามผู้กำกับ James Gunn ได้ปฏิเสธแนวคิดนี้ต่อสาธารณะที่อ้างว่าปู่ของ Star-Lord คือฮีโร่ และเป็นพ่อที่แท้จริงของแม่ของ Star-Lord
12. ความเชื่อมโยงระหว่าง Remy และ Ego ใน Ratatouille
© Ratatouille / Pixar / Disney
ใน Ratatouille นักวิจารณ์อาหารผู้เกรี้ยวกราดที่ชื่อว่า Ego ยอมจำนนต่ออาหารของ Remy หนูผู้ใฝ่ฝันที่จะเป็นเชฟ แต่เมื่อเหล่าแฟน ๆ เริ่มคิดทฤษฎีของตัวเองขึ้นมาเพื่ออธิบายสิ่งต่างๆ ในหนังอย่างเช่นในอดีตผู้คนในบ้านที่ Remy เคยอยู่นั่นชอบทำอาหารเป็นงานอดิเรก และแน่นอนมันต้องไม่ใช่บ้านใครอื่นนอกจากบ้านของ Ego และที่จริงแล้วคนที่พวกหนูเฝ้ามองและเรียนรู้การทำอาหารก็คือแม่ของ Ego นั้นเองพื้นฐานของแนวคิดนี้คือฉากที่แสดงว่า Remy เรียนรู้วิธีการทำอาหาร และภาพเหล่านั้นที่แสดงให้เห็นถึง Ego ในวัยเด็กซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาเคยอยู่ในห้องครัวเดียวกัน
สมมติฐานใดที่กล่าวไปข้างต้นทำให้คุณประหลาดใจมากที่สุด และคุณคิดว่าสมมติฐานเหล่านี้น่าเชื่อหรือไม่? นอกจากนี้คุณสามารถแบ่งปันสมมติฐานอื่นสำหรับภาพยนตร์ยอดนิยมเรื่องอื่น ๆกับเราในความคิดเห็นสิ!
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน