เค้าว่ากันว่าบุญคุณนั้นมีค่ามากดังขุนเขา และความเจ็บช้ำที่ได้มาจากผู้อื่นก็เหมือนแรงผลักดันที่ทำให้เราก้าวเดินไปข้างหน้า ซึ่งสำหรับเหล่าเพื่อนเพื่อนที่มองโลกสวยงามก็คงจะปล่อยให้เรื่องราวที่คนอื่นๆ ทำกับเราไว้นั้นผ่านไปโดยได้แต่บอกและสอนตัวเองให้เข้มแข็ง แต่สำหรับเพื่อนเพื่อนของเราบางคนนั้นความเจ็บช้ำบางอย่างมันไม่ได้เลือนหายไปเพียงแต่รอเวลาที่เหมาะสมในการจัดการมันเท่านั้นเอง และวันนี้พวกเราก็รวมเอาเรื่องราวการเอาคืนของเหล่าบรรดาเพื่อนเพื่อนที่เก็บเอาความบอบช้ำและได้ระบายออกมาในที่สุดด้วยวิธีการที่เราเองก็คาดไม่ถึงนั้นเอง
เราไม่ได้อยากให้เพื่อนเพื่อนเป็นคนช่างคิดช่างเก็บหรอกนะแต่เราแค่อยากจะเอาเรื่องราวเหล่านี้มาให้เพื่อนเพื่อนได้ฟังกันเล่นสนุกๆเท่านั้นเอง
© Fox 2000 Pictures
ก่อนหน้านี้หลายปีมากมากเจ้านายของฉันเคยให้ฉันทำงานส่วนตัวของเขามากมาย แม้ว่าฉันมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้บริหาร ซึ่งฉันเคยเก็บตู้เย็นและตู้เก็บของของเขาที่มีแต่ขนม ทำทุกอย่างเหมือนเลขาอย่างการจองตั๋วและจัดตารางการเดินทางส่วนตัว เขียนรายงานสำหรับธุรกิจอื่นๆของเขาซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับงานก็มีมาแล้ว ยังไม่รวมการซื้อของขวัญคริสต์มาส วาเลนไทน์ และวันครบรอบสำหรับภรรยาของเขา นอกจากนั้นยังมีงานอื่นๆอีกที่เป็นงานของเค้าแต่เราก็ต้องเอามาทำให้ตามคำสั่ง ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งเค้าให้เราจัดการเรื่องการจองที่พักท่องเที่ยวให้ครอบครัวเค้าแล้วส่งรายการไปที่อีเมล์ส่วนตัวของเค้า(เพราะมันไม่ใช่เรื่องงานเลยไม่อยากใช่อีเมล์บริษัท) แต่กลายเป็นว่าเจ้านายเราเค้าโทรมาต่อว่าเกี่ยวกับการใช้อีเมล์ส่วนตัวโดยไม่ได้บอกเค้า หลังจากที่เราออกมาแล้วเราก็เลยเอาอีเมล์นั้นไปสมัครพวกเว็บรับข่าวสารต่าง ๆ ซะเลยเพื่อให้เค้าได้รับอีเมล์จากร้านเหล่านั้นคิดแล้วก็สบายใจจริง ๆ
กลางคืนห้ามโทร
ย้อนกลับไปเมื่อเกือบสิบปีก่อนตอนที่เพิ่งมีโทรศัพท์เคลื่อนที่ใหม่ๆ นั้นพวกเราถือว่าเป็นคนอินเทรน์มากเลยเพราะ เราเองก็มีโทรศัพท์ใช้ตั้งแต่แรกๆ ซึ่งแน่นอนว่าเราใช้มันใน้วลาที่จำเป็นซึ่งมันทำให้ความสะดวกสบายและคล้องตัวมากมากในการนัดหมายหรือเปลี่ยนแปลงกำหนดการณ์ทำงานในช่วงเวลาที่เราอยู่นอกสถานที่ แต่บางครั้งก็มีการโทรศัพท์ผิดมาบ้างเพราะในช่วงนั้นเบอร์โทรยังมีน้อยจึงมีโอกาสที่เบอร์ของคุณจะมีคนอื่นใช้มาก่อน ซึ่งเราก็เข้าใจได้และไม่คิดอะไรเมื่อมีคนโทรผิดมาเราก็แค่แจ้งเค้าไปว่ามีการเปลี่ยนแปลงเบอร์โทรแล้ว แต่คืนวันหนึ่งมีสายเข้ามาตอนดึกมากมาและพยายามขอสายผู้ชายที่ชื่อว่าคิม ซึ่งในครั้งแรกเราก็ไม่คิดอะไรและบอกไปว่าเค้าอาจจะเปลี่ยนเบอร์แล้ว แต่แล้วหลังจากนั้นปลายสายที่วางไปก็โทรกลับมาอีกและพยายามบอกว่าเราไม่ให้เค้าคุยกับคิมซึ่งเราต้องให้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าที่เค้าจะวางไป แต่ตอนที่เรากำลังจะนอนเค้าก็โทรกลับมาอีกและเราต้องพูดเรื่องเดิมซ้ำ เป็นรอบที่สามและคืนนั้นเราก็นอนหลับๆตื่นๆจนถึงตอนเช้า ท้ายที่สุดเย็นวันนั้นเพื่อไม่ให้เค้าโทรมาอีกเราเลยโทรไปบอกเค้าก่อนเลยว่า “คิมเปลี่ยนเบอร์ไปแล้ว” และทุกครั้งที่เราตื่นกลางคืนเราก็จะโทรไปบอกปลายสายนั้นทุกครั้งว่า “คิมเปลี่ยนเบอร์ไปแล้ว” คิดแล้วก็รู้สึกสบายใจที่ได้บอกเค้าแบบนั้นจริงๆ แต่อีกฝ่ายคงไม่ชอบเท่าไหร่นักเพราะหลังจากนั้นเค้าก็เปลี่ยนเบอร์ไปเลย
คิดเล็กคิดน้อย
พวกเราเพิ่งย้ายออกมานอกเมืองโดยเราหาบ้านแบบที่ชอบและเป็นบ้านที่มาพร้อมเฟอร์นิเจอร์สวยๆ หลายชิ้นซึ่งในตอนแรกเรากับเจ้าของเดิมนั้นก็ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดี แต่สุดท้ายแล้วกลายเป็นว่าเค้าพยายามเก็บและเรียกร้องเงินเล็กๆน้อยๆจากเราเสมออย่างเช่นค่าส่งเอกสารทางไปรษณีย์(หนังสือที่เค้าต้องส่งมาให้เราเซ็นต์และเราต้องส่งกลับเช่นกัน) รวมไปถึงค่าน้ำมันหรือทางด่วนเมื่อเค้าต้องเดินทางมาเปิดบ้านในวันเสาร์อาทิตย์ที่เราเข้ามาดู แต่เราก็ปล่อยผ่านไปและเมื่อเราย้ายเข้ามาและเริ่มจัดข้าวของต่างๆ ทั้งของเดิมที่มีอยู่ในบ้านและของใหม่ที่เราเอามาด้วย หลังจากจัดการอยู่หลายวันก็มีของที่เราไม่ได้ใช้เป็นจำนวนมากซึ่งเราได้ขนไปวางไว้หน้าบ้านและเตรียมที่จะเรียกพนักงานเก็บกวาดมารับไปทิ้งแต่กลายเป็นว่า เจ้าของบ้านเดิมโทรมาและสอบถามถึงสิ่งของที่กองอยู่เหล่านั้นและเอ่ยปากว่าจะขอมันไป เราเลยบอกเค้าไปว่านั้นคือของที่เราตกลงขายให้เพื่อนซึ่งเค้าจะมารับมันอีกสองวันแต่ถ้าคุณต้องการเราจะให้ราคาพิเศษซึ่งเค้าตกลงและเราก็ คิดจำนวนเงินก้อนหนึ่งซึ่งเป็นค่าเสียเวลาๆที่รวมแล้วพอพอกับที่เค้าเคยคิดกับเราไปบวกกำไรนิดหน่อยเท่านั้นเอง
© Neighbors
สร้างเป้าหมายเดียวกัน
พวกเราอยู่ในระแวกนี้มานานแล้วและพวกเราก็มีความสุขกับเหล่าบรรดาเพื่อนบ้านของเราเสมอ จนกระทั้งมีครอบครัวใหม่ย้ายเข้ามาซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรจนกระทั้งพวกเค้าเริ่มตกแต่งโรงจอดรถและเพิ่มไฟส่องสว่างที่หน้าทางเข้า แต่มันคงเป็นหลอดไฟที่ดีมาก และมากเกินไปสำหรับเราเพราะแสงที่ส่องมานั้นมันส่องผ่านม่านบังแสงของห้องนอนเราทำให้ห้องนอนของเราสว่างมากจนบางครั้งเราก็นอนไม่หลับ ซึ่งหลายวันต่อมาเราก็เลยพยายามไปสอบถามและกล่าวเปรยๆว่าควรจะติดไฟส่องสว่างหันไปทางอื่นดีไหมแต่พวกเค้าก็น่าจะไม่เข้าใจเหตุผลและไม่ได้ปรับอะไร คืนนั้นเราเลยหาจังหวะเข้าไปคล้ายน็อตที่ยึดหลอดไฟไว้ ให้พอหลวมๆ และกะว่ามันน่าจะขยับเวลาที่มีการเปิดประตูโรงรถพอดีซึ่งมันก็ได้ผล แต่พวกเค้าก็ติดมันกลับเข้าไปใหม่และหลังจากที่เราทำแบบนี้อีก 2 – 3 ครั้งในที่สุดพวกเค้าก็ถอดหลอกไฟออกและเราก็ได้นอนหลับอย่างสบายเหมือนเดิม สิ่งที่เราอยากจะบอกก็คือ “ทำให้เค้าเบื่อในสิ่งเดียวกับเราแล้วเค้าจะจัดการมันเอง”
© 27 Dresses / Fox 2000 Pictures and co-producers
ห้ามใช้
การอยู่หอรวมน่าจะเป็นเรื่องปกติของเหล่าบรรดานักศึกษาที่ต้องมาเรียนรวมกันในมหาวิทยาลัย เพราะมันทำให้ประหยัดและยังได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆอีกด้วย แต่บางครั้งมันก็อาจจะไม่ดีเสมอไปเมื่อเจอเพื่อนร่วมห้องที่ไม่ค่อยจะเอาของใช้ส่วนตัวมาด้วยแล้วหนำซ้ำยังมาเอาของเราไปใช้อีก ซึ่งอันที่จริงแล้วเราก็ไม่คิดอะไรมากเพราะมันก็แบ่งกันใช้ได้ เพียงแต่ว่าบางทีถ้ามันหมดแล้วเค้าก็น่าจะเติมให้เราบางก็เท่านั้นเอง ซึ่งในที่สุดเราก็ทนไม่ไหวเพราะเค้าใช้ผงซักฟอกของเราจนหมดแล้วไม่เอามาเติมให้ ทำให้เราเบื่อมากมากเราเลยเอาผงซักฝอกกล่องใหม่มาผสมสีย้อมผ้าแล้วเขียนว่าห้ามใช้ตั้งไว้แทน ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่เราคาดเพราะอีก 2 วันต่อมาเราก็เห็นเสื้อผ้าของเพื่อนเป็นสีชมพูซึ่งเค้าก็ถามเราว่าทำไมมันเป็นแบบนั้น ซึ่งเราก็บอกไปว่าเราตั้งใจจะย้อมเสื้อและเราก็เขียนบอกไว้แล้วว่าห้ามใช้ แล้วเพื่อนของเราก็เงียบไปและหลังจากนั้นเค้าก็ไม่กลับมาใช้ของส่วนตัวของเราอีกเลย
© Boy Meets World / Michael Jacobs Productions and co-producers
© Fox 2000 Pictures และผู้ร่วมอำนวยการสร้าง
ข้างบ้านผมชอบปล่อยให้หมาเห่าทั้งคืนไม่หยุดตั้งแต่ประมาณทุ่มนึงจนถึงตี 5 ซึ่งเราเข้าใจว่าเขาทำงานตอนกลางคืนเลยเอาหมาไว้ข้างนอกเพื่อให้มันเฝ้าระวัง ซึ่งเราก็คุยกับเค้าไปแล้วว่าให้ช่วยพาน้องหมาเข้าไปในบ้านแทนจะได้ไหม แต่เค้าก็ไม่ได้สิ่งเหล่านั้นหรือพยายามไม่ให้น้องหมาของเค้าหยุดหรือเห่าน้อยลงเลย เราก็เลยเริ่มหาเครื่องบรรทึกเสียงมาเก็บเสียงสุนัขเห่าเอาไว้ และรอจังหวะที่เค้ากลับมาในตอนเช้า ก่อนจะเปิดเสียงที่อัดไว้และแน่นอนเพื่อนบ้านของเราก็เดินมาและพยายามบอกให้เราหยุดเสียงสุนัขเห่า ซึ่งเราก็ตอบกลับไปว่าบ้านเราไม่ได้เลี้ยงสุนัขและเสียงนี้คือเสียงสุนัขของเค้าเอง หลังจากนั้นเค้าก็เก็บสุนัขของเค้าไว้ในบ้านทุกครั้งในช่วงเย็น
เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน