บางคนพูดปกปิดหรือบิดเบือนเก่งกว่าคนอื่นในขณะที่ไม่มีอะไรที่พิสูจน์ได้ 100% ว่าบุคคลนั้นพูดทุกอย่างตามที่ได้คิดไว้จริง ๆ หรือไม แต่ร่างกายกลับไม่เคยปกปิดความคิดเหล่านั้นได้ นี้คือคำพูดจากนักจิตวิทยาท่านหนึ่ง กล่าวไว้ว่าแม้ว่าพวกเราจะพยายามพูดบิดเบียนเนื้อเรื่องหรือคำพูดอย่างแนบเนียน แต่จริงๆแล้วร่างกายของเรากลับบอกความจริงทุกอย่าง เพราะว่าการแสดงออกของร่างกายนั่นไม่สามารถปกปิดได้หากเราสักเกตให้ดีดี ดังนั้นแทนที่จะให้ความสำคัญกับคำพูดและการแสดงออกทางสีหน้า นักจิตวิทยาเชื่อว่ากุญแจสำคัญในการตรวจจับคำพูดนั้น คือการแสดงออกอย่างเปิดเผยในภาษากายของผู้พูดด้วยเหตุผลนี้ และถ้าเราเปลี่ยนจุดสังเกตหรือมีความรู้ความเข้าใจในการสังเกตเราก็จะสามารถทราบความแตกต่างได้

พวกเราได้รวบรวมหลายสิ่งที่คุณควรให้ความสนใจเพื่อช่วยให้คุณจับสังเกตได้ง่ายขึ้น

1. สังเกตการในการพูดคุย ถึงการหยุดพูดชั่วคราวในช่วงสั้น ๆ
สิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ได้ว่าพวกเขากำลังพูดบิดเบือยหรือไม่นั้นคือการหยุดพูดชั่วคราว ดังนั้นโปรดสังเกตพวกเขาให้ดี หากเขาใช้เวลาหยุดพักนานหรือมีหลายครั้งที่พูดแล้วหยุดคิด พวกเขาอาจกำลังแต่งเรื่องอยู่ก็ได้ เราสามารถใช้เรื่องนี้เป็นข้อสันนิษฐานได้ว่าเขาใช้เวลาคิดว่าจะพูดอะไรเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาด เช่น“ อา,”“ อืม,” และ“ ฉันหมายถึง” เช่นกัน

2. สังเกตช่วงเวลาของอารมณ์

โดยปกติแล้วอารมณ์ที่แท้จริงจะอยู่ได้ไม่เกิน 5 วินาที หากมีคนแสดงอารมณ์มากกว่า 5 วินาทีมันอาจการแสดงออกแบบปลอมๆ ไม่ได้ออกมาจากใจจริง เพราะตามปกติคนเรามีการขยับและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาดังนั้น การแสดงสีหน้าเหมือนเดิมเป็นเวลา 10 วินาทีจึงเป็นเรื่องที่ต้องจงใจทำ ดังนั้นพึงระวังสิ่งนี้ไว้เพราะเค้ากำลังพยายามแสดงในสิ่งที่เค้าต้องการให้เรารับรู้

3. จังหวะเวลาในการพูดและการแสดงสีหน้าท่าทาง

นักวิทยาศาสตร์พบว่าอารมณ์ความรู้สึกจะถูกแสดงออกมาก่อนให้เห็น และ ตามมาด้วยการคิดคำพูด ดังนั้นคุณควรสักเกตว่าระหว่างการพูดคุยสีหน้าที่แสดงอารมณ์ของคู่สนทนาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก่อนที่จะพูดประโยคต่าง ๆ ออกมา ถ้ามันไปในทิศทางเดียวกันก็แสดงออกถึงความจริงใจแต่หากไม่ละก็คุณควรทบทวนคำพูดเหล่านั้นให้ดีก่อน

4. ตรวจสอบความจริงใจของอารมณ์

การแสดงออกด้วยความรู้สึกหรือการแกล้งแสดงออกนั้นแตกต่างกันมาก ตัวอย่างเช่น หากคนยิ้มเพราะความสุขไม่เพียง ไม่เพียงแต่ริมฝีปากของพวกเขาเท่านั้นที่จะเคลื่อนไหว ใบหน้าและดวงตาก็จะมีการเคลื่อนไหวด้วย ดังนั้นจึงมีริ้วรอยที่ปรากฏขึ้นใกล้ดวงตา และคิ้วจะลดตำลงโดยอัตโนมัติ การแสดงออกทางสีหน้าหรือสิ่งเดียวกันนี้ จะมีรายละเอียดต่าง ๆ เกิดขึ้นพร้อมกันทั้งใบหน้าเหมือนกับอารมณ์อื่น ๆ ดังนั้นการมองใบหน้าโดยรวมจะทำให้เราสังเกตความจริงใจได้มากและง่ายขึ้น

5. ระวังการพูดซ้ำๆ

สำหรับบางคนมันเป็นเรื่องยากที่จะหาคำพูดมาเพื่อโน้มน้าวให้อีกฝ่ายเชื่อถือ ดังนั้นจึงอาจมีคำพูดซ้ำๆ มากเกินไปเกิดขึ้นในประโยคและละประโยคที่พูด ซึ่งนั้นคือลักษณะของคนที่กำลังคิดเพื่อหาคำพูดดีดี หากเขาหรือเธอพูดอะไรบางอย่างซ้ำ ๆ อยู่ตลอดเวลาอาจหมายความว่าพวกเขากำลังพยายามโน้มน้าวให้คุณเชื่อในสิ่งที่พวกเขาพูด

6. ตอบด้วยคำหรือวลีเดียวกับที่ใช้ในคำถาม

มีทางเลือกในการพูดมากมาย แต่หากบุคคลหรือคู่สนทนาของคุณมีการใช้คำพูดที่ตรงกับที่คุณใช้ในคำถาม นั่นแปลว่าพวกเขากำลังรู้สึกไม่สบายใจ และ จิตใจก็ยึดติดกับสิ่งที่คุณพูด เพราะอาจกลัวที่จะพูดมากเกินไปหรือเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนไว้ ดังนั้นการพูดซ้ำกับคำถามก่อนที่จะตอบ แสดงถึงสัญญาณที่ไม่ดีเช่นกัน

7. ปิดหน้าหรือปาก

หนึ่งในสัญญาณภาษากายที่ง่ายที่สุดที่จะสังเกตเห็นคือ พวกเขาจะปิดใบหน้าหรือปากของพวกเขา เพราะนั้นเป็นการตอบสนองทางจิตวิทยาโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นหากคุณเห็นสิ่งนี้เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเขากำลังบิดเบือนเรื่องที่พูดอยู่

คุณคิดว่าคุณเป็นคนเก็บความลับได้ดีหรือไม่? บางทีคุณอาจมีเรื่องราวตลก ๆ เกี่ยวกับว่าคนพยายามโน้มน้าวใจคุณเกี่ยวกับบางสิ่งที่ไร้สาระโดยสิ้นเชิง แบ่งปันความคิดเห็นเหล่านี้กับเราสิเราอยากได้ยินจากคุณ!

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน