5 คู่มือแบบย่อสร้างคุณให้เป็นสาวพราวเสน่ห์ได้ไม่ยาก

เมื่อยุคสมัยก้าวผ่านช่วงเวลาหลายหลายอย่างมาแล้ว มีเรื่องราวหลากหลายที่เปลี่ยนแปลงไปแต่ก็มีอีกหลายสิ่งที่ยังคงเหมือนเดิมนั้นก็คือคนส่วนใหญ่นั้นถึงจะมีเพื่อนฝูงมากมายแต่ก็ยังคงรู้สึกขาดความมั่นใจเวลาที่จะต้องทำอะไรคนเดียวอยู่นั้นเอง เรื่องความไม่มั่นใจมันก็เกิดขึ้นได้กับทุกคนนั้นแหละ ยิ่งกับคุณผู้หญิงซึ่งอาจจะถูกสอนให้ทำตัวเงียบๆเรียบร้อยแล้วก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ที่จะสร้างความมั่นใจเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คน วันนี้พวกเราเพลินเพลินก็เลยมีคู่มือฉบับย่อที่จะเอามาให้เพื่อนเพื่อนได้ลองเอาไปทำเพื่อช่วยเพิ่มเสน่ห์และความมั่นใจในตัวเองกันดีกว่าเนอะ

การยอมรับคำชื่นชมเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้คุณดูเป็นธรรมชาติ

เมื่อเราอยู่รวมกันกับเหล่าเพื่อนฝูงหรืออาจจะบุคคลอื่นที่เราไม่ค่อยสนิทมากเท่าไหร่นักเรามักไม่เป็นตัวของตัวเอง หรือบางครั้งก็หลีกเลี่ยงที่จะเป็นที่สนใจของคนอื่น ๆ ด้วยความรู้สึกเหล่านี้นั้นเองทำให้พวกเราส่วนใหญ่เวลาทำสิ่งดีดีหรือมีใครเข้ามาเอ่ยปากชื่นชม คุณก็จะทำท่าทางเชิงปฏิเสธคำชมเหล่านั้น แต่ยิ่งคุณทำแบบนั้นมันก็ยิ่งทำให้คุณติดอยู่ในกรอบของการไม่ยอมรับตัวเอง และอันที่จริงแล้วการที่เราแสดงอาการปฏิเสธคำชมเหล่านั้นมันอาจจะสร้างความรู้สึกไม่ดีให้เกิดขึ้นกับคนที่เอ่ยปากชื่นชมคุณก็ได้ ซึ่งนั้นคงไม่ดีแน่เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าจะได้พบเจอหรือร่วมงานกับเค้าอีกในอนาคตข้างหน้าหรือเปล่า ดังนั้นสิ่งที่เราควรแสดงออกนั้นก็คือเราควรแสดงสีหน้ายิ้มแย้มตอบรับคำชมเหล่านั้นแบบสั้นๆก็พอ ไม่ต้องบอกปัดหรือคุยทับให้มันมากขึ้น เพราะการแสดงท่าทางแบบนั้นจะทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติของคุณและการยอมรับคำชมก็ทำให้ส่วนลึกของเรามีความกล้ามากขึ้นนั้นเอง กฎหลักอีกข้อหนึ่งในการสนทนาก็คือเราอยากให้เพื่อนเพื่อนมองเข้าไปในดวงตาของคนที่คุณกำลังคุยด้วยเป็นระยะๆ ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นคนที่เพิ่งรู้จัก พนักงานเสิร์ฟ หรือเจ้านายของคุณ เพราะการมองตาอย่างเป็นมิตรจะแสดงให้เห็นว่าเรากำลังสนใจอยู่กับบทสนทนานี้ หรือไม่วอกแวกไปกับสิ่งอื่น ๆ เพื่อแสดงความเคารพต่อคนที่เราคุยด้วย (แต่อย่าจ้องมองนานเกินไปเพราะจะทำให้ผู้ถูกมองดูเหมือนกำลังถูกเพ่งเล็งอยู่) และระมัดระวังการมองไปที่อื่นอย่างเน็คไทของใครบางคนหรือรองเท้าในระหว่างการสนทนา

การวางตัวระหว่างอยู่ทามกลางคนแปลกหน้าเพราะท่าทางการยืนหรือนั่งคือสิ่งบ่งบอกถึงความรู้สึกของคุณได้
อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นการสื่อสารที่เราใช้ในการสื่อความรู้สึกของเราต่อผู้อื่นได้ดีนอกจากการพูดคุยนั้นก็คือสิ่งที่เรียกว่าภาษากายนั้นเอง ดังนั้นเวลาที่คุณอยู่ทามกลางผู้คนไม่ว่าจะในสถานที่ไหนก็ตามก็ให้คิดไว้เสมอว่ามีใครบางคนอาจจะกำลังมองหรือบังเอิญหันมาที่คุณก็เป็นได้ ดังนั้นภาพลักษณ์ที่เค้าเห็นก็คือท่าทางที่คุณกำลังแสดงออกอยู่นั้นเอง เราจึงอยากมาสรุปสั้นๆง่ายเกี่ยวกับท่าทางการยืนและนั่งแบบง่ายที่จะทำให้คุณดูเป็นบุคคลที่น่าสนใจและน่าเข้าหานั้นเอง เริ่มจากการจัดกการกับมือหรือแขนของเราก่อนเลยเพราะนี้คือสิ่งแรกๆที่เรามักจะเผลอใช้โดยไม่ได้ทันคิด เราจะพบเห็นได้ง่ายว่าคนส่วนใหญ่นั้นมักจะทำท่าทางกอดอกอยู่เสมอเวลาที่อยู่ในที่ไม่คุ้นเคยซึ่งนั้นเป็นปฎิกิริยาจากส่วนลึกภายในของเราเวลาที่เรารู้สึกไม่คุ้นเคย ก็จะทำการปกป้องตัวเองด้วยการยกมือขึ้นมากอดอกนี้แหละ ซึ่งแน่นอนว่าท่าทางแบบนั้นก็คงทำให้คนที่มองมาไม่อยากเข้ามาทำความรู้จักสักเท่าไหร่นักหรอก เราจึงมีสามอย่างที่อยากให้เพื่อนเพื่อนท่องไว้เพื่อจัดท่าทางของคุณให้ดูน่าสนใจอยู่เสมอ นั้นคือยืดหลังให้ตรงไว้เสมอ สายตามองไปข้างหน้า เก็บมือของคุณไม่ข้างลำตัวโดยอาจจะกุ่มมือของคุณไว้สักเล็กน้อยระหว่างนั่งหรือยืนก็ได้ อย่าลืมที่จะส่งยิ้มเล็กจากมุมปากไว้ให้ผู้คนที่สบตาคุณเสมอ เพียงเท่านี้แหละคุณก็จะดูเป็นคนที่ไม่น่ากลัวที่จะเข้ามาพูดคุยด้วยแล้ว และเมื่อมีใครสักคนเข้ามาพูดคุยด้วยหากเรื่องราวเหล่านั้นเป็นสิ่งที่คุณไม่ทราบก็สามารถที่จะบอกหรือยอมรับไปตรงๆว่าไม่ทราบเพราะการที่คุณต้องคุยในเรื่องราวที่ไม่ถนัดหรือไม่รู้จริงนั้นมีโอกาสที่จะทำให้บทสนทนาดูแย่มากกว่าการยอมรับว่าไม่ทราบเรื่องเหล่านั้น อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องระวังไว้ก็คือเมื่อมีการพูดคุยกันกับเพื่อนใหม่แล้วมีการสัมผัสถูกตัวกันนั้นคือสิ่งที่ไม่ควรให้เกิดขึ้น ถ้าหากว่าเป็นเรื่องบังเอิญก็สามารถปล่อยผ่านไปได้แต่หากบ่อยเกินไปเราขอแนะนำให้คุณรีบถอยห่างจากเพื่อนใหม่ของคุณทันที่เพราะเค้าอาจจะคิดไม่ดีแล้วก็ได้

การเสริมเสน่ห์เล็กๆอย่างการเลือกเสื้อผ้าหน้าผม
หนึ่งในการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองง่ายๆนั้นก็คือ การแต่งตัวหรือเสริมสวยง่ายๆอย่างการแต่งหน้านั้นเอง มาเริ่มกันจากการเลือกเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใสกันก่อนเลย สำหรับวันสบายๆในการออกไปเดินเที่ยวคนเดี่ยวชุดกางเกงขายาวขนาดพอดีตัวจะทำให้คุณดูคล่องตัวขึ้นมาก แต่หากคุณต้องไปงานเลี้ยงหรืองานกลางคืนละก็ชุดเดรสยาวที่เผยให้เห็นร่างกายแบบไม่มากเกินไปจะทำให้คุณดูมีเสน่ห์ขึ้นอีกเยอะ เสริมด้วยการแต่งหน้าแบบอ่อนๆด้วยโทนสีสว่างก็ทำให้คุณพร้อมกับการพบเพื่อนใหม่แล้ว และหากคุณยังไม่มั่นพอก็อาจจะเพิ่มความหอมด้วยน้ำหอมอีกสักเล็กน้อยโดยสิ่งสำคัญก็คืออย่าใช้น้ำหอมมากเกินไป ซึ่งเพื่อนผู้ชำนาญในเรื่องนี้บอกเอาไว้ว่าจุดที่ควรแต้มน้ำหอมก็คือบริเวณข้อมือ ข้อพับ กึ่งกลางอก ขมับ หรือบริเวณที่ต่ำกว่าติ่งหู 2.5-3 นิ้ว โดยคุณควรเลือกแค่หนึ่งหรือสองจุดเท่านั้นก็พอเพื่อไม่ให้กลิ่มน้ำหอมแรงมากเกินไป โดยสังเกตุง่ายๆจากระยะห่างของเราโดยเพื่อนที่ยืนอยู่เกินระยะหนึ่งช่วงแขนไม่ควรได้กลิ่มน้ำหอมจากเรานั้นเอง

รายละเอียดเป็นสิ่งสำคัญ แต่กับเรื่องส่วนตัวแล้วคุณไม่ต้องลงรายละเอียดมากก็ได้
ถ้าเป็นเรื่องของการทำงานแล้วละก็เราสนับสนุนคุณเต็มที่ไปเลยที่จะเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆให้ครบถ้วนเพื่อให้ได้ผลงานที่ออกมาดีที่สุด แต่กับเรื่องราวส่วนตัวของเราแล้วเวลาที่มีการหยิบยกขึ้นมาเป็นบทสนทนาเราอยากให้เพื่อนเพื่อนบอกแต่เพียงเรื่องราวโดยรวม และควรหลีกเลี่ยงการเอ่ยชื่อบุคคล และสถานที่ รวมถึงที่อยู่ เพราะข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้มันบอกถึงสิ่งที่อยู่รอบตัวคุณและคนอื่นๆ เพราะการบอกเรื่องส่วนตัวมากเกินไปก็ทำให้คุณอาจจะตกเป็นเป้าของคนที่คิดไม่ดีกับคุณก็ได้ รวมไปถึงเรื่องราวบางอย่างที่ไม่ควรใช้เป็นบทสนทนาด้วยเช่นเรื่องของ การเมืองหรือความเชื่อสวนบุคคล ที่เราไม่ให้พูดถึงเรื่องราวเหล่านี้ก็เพราะว่ามันไม่ได้เกิดประโยชน์ใดใดเลยนอกจากความสนุกในการพูดถึง แต่ในทางตรงข้ามหากคุณและเพื่อนของคุณมีความคิดไม่ตรงกันแล้วละก็มันก็มีแต่เรื่องที่ต่างฝ่ายต่างหยิบยกขึ้นมาเพื่อให้อีกฝ่ายแพ้ไปก็เท่านั้นเอง ดังนั้นเราหาเรื่องสนุกๆไปพูดคุยกันอย่างงานอดิเรกที่ทำหรือชวนกันไปทำอะไรที่สร้างสรรค์ยังจะดีซะกว่านะ

เมื่ออยู่ในบางสถานที่หากคุณไม่ได้รับความสะดวกจากบุคคลอื่น การบอกพนักงานให้ช่วยเหลือถือเป็นเรื่องปรกติ
เมื่อเราเดินทาวไปใช้บริการของสถานที่อย่างร้านอาหารหรืออาจจะเป็นบนเครื่องบิน หากเราไม่ได้รับความสะดวกหรืออาจจะได้รับสิ่งที่ไม่ถูกใจจากผู้มาใช้บริการท่านอื่นๆ ทางเลือกที่เราควรทำก็คือการบอกให้พนักงานของสถานที่นั้นเป็นคนดูแลจัดการเรื่องราวเหล่านั้น ที่เราแนะนำแบบนี้ก็เพราะว่า ไม่มีใครอยากถูกตำหนิจากคนแปลกหน้าดังนั้น การเลี่ยงโดยขอให้พนักงานของสถานที่นั้นเข้าไปดูแลจัดการให้ จะทำให้บรรยากาศในการแก้ไขนั้นดูเป็นธรรมชาติมากกว่า อีกทั้งเหล่าพนักงานหรือเจ้าของสถานที่น่าจะมีวิธีการที่ดีในการรับมือเรื่องราวเหล่านี้มากกว่าเราอย่างแน่นอน ตัวอย่างเช่นการเดินทางด้วยเครื่องบินหากผู้โดยสารแถวหน้ามีการวางสิ่งของหรืออาจะเป็นผมหรือหมวกมาบังจอทีวีหรืออาจจะรบกวนคุณในขณะที่นั่งอยู่ การบอกพนักงานบนเครื่องบินให้ช่วยไปคุยให้จะทำให้บรรยากาศในการเดินทางของเราดำเนินไปได้อย่างปรกติมากกว่าการที่เราจะพูดกับผู้โดยสารข้างหน้าตรง ๆ ซึ่งสิ่งที่คุณแสดงออกแบบนี้นอกจากจะทำให้ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีแล้วในสายตาของคนที่ร่วมเดินทางก็จะเห็นถึงความสุขุมในการแก้ไขเหตุการณ์ต่าง ๆ ของคุณอีกด้วยนั้นเอง

เป็นยังไงบ้างละกับเรื่องราวเหล่านี้ที่ให้เพื่อนๆได้ลองไปปรับเปลี่ยนเพื่อสร้างความมั่นใจในการทำสิ่งต่าง ๆ ที่ดีดีให้เกิดขึ้นกับตัวเราอย่างที่เราบอกว่าสิ่งเล็กๆน้อยๆอย่างนี้นั้นแหละที่ทำให้เราดูดีขึ้นอยากแน่นอนไม่ช้าก็เร็วยังไงเพื่อนเพื่อนก็ลองเอาไปทำกันดูได้เลยนะ
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน