เวลาที่เราออกไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ มันช่างเป็นเวลาที่แสนสบายใจยิ่งนักเพราะไม่ว่าเราจะทำอะไรก็สามารถทำได้ หรือแม้แต่จะเลือกทำหรือไม่ทำอะไรรวมไปถึงทานหรือไม่ทานอะไรก็สามารถทำได้เพราะมันเป็นเรื่องของเรานั้นเอง แต่ตรงกันข้ามเลยกับการที่เราต้องไปอยู่ในสถานที่อย่างที่เราไม่สามารถทำอะไรได้ตามใจอย่างบ้านของคนอื่นที่เราไม่รู้จัก มันยิ่งทำให้เราทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่เลยว่าไหมละ และยิ่งการที่เราเข้าไปเพื่อทำงานของเราด้วยแล้วละก็กลับต้องยิ่งระมัดระวังอย่างมากเลย และวันนี้เราก็เอาเรื่องเล่าจากเพื่อนเพื่อนของเราที่ต้องเข้าไปทำงานในบ้านของคนอื่นๆ ซึ่งบ้างเรื่องฟังแล้วพวกเราก็ต้องหันมามองหน้ากันและบอกเลยว่าช่างดีจริง ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นกับเรานั้นเอง
แจ้งหัวหน้าก่อนดีที่สุด
ตอนที่เราเพิ่งจบและเริ่มทำงานที่ แรกตอนนั้นเราทำหน้าที่พาลูกค้าที่่ต้องการที่พักอาศัยไปชมสถานที่จริง โดยที่พี่หัวหน้างานของเราจะคุยรายละเอียดต่าง ๆ ไว้หมดแล้วและทำรายการสถานที่ที่เราต้องไปส่งมาให้เรา ซึ่งมันก็ไม่ได้มีอะไรยากเลยเพราะเราแค่ต้องทำรายการเส้นทางและกะเวลาเผื่อรถติดเอาไว้เพื่อที่ในแต่ละวันเราจะได้เดินทางไปได้ครบตามที่ได้รับมอบหมาย แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะที่เราขับรถไปจนถึงบ้านหลังสุดท้าย ซึ่งพอไปถึงมันก็เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว แต่บ้านดูน่าอยู่มากกว่าที่เราคิดเพราะห้องต่าง ๆ ที่ชั้นล่างดูสะอาดสะอ้านถึงจะมีฝุ่นและขยะบ้างแต่มันก็น้อยมากมาก ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีจนกระทั้งเราเดินขึ้นไปถึงชั้นบน เราพบกับชายคนหนึ่งกำลังนอนอยู่บนในห้องนอนและมีของใช้ต่าง ๆ วางอยู่พอเห็นแบบนั้นเราก็เดาได้ทันทีว่าเค้าคือคนไร้บ้านที่แอบเข้ามาอยู่ในบ้านอย่างแน่นอน เรารีบปิดประตูเบาและเดินออกมาชวนลูกค้าคุยและพยายามช่วนให้เค้ากลับกันทันที เพราะมันคงไม่ดีแน่ถ้าเค้าพบว่ามีคนอื่นแอบเข้ามาในบ้านได้โดยที่เราไม่รู้ ซึ่งพอทำทุกอย่างเรียบร้อยเราก็กะจะโทรไปแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาพาเค้าออกไปแต่เพื่อให้แน่ใจว่าเราไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามเราเลยโทรแจ้งหัวหน้าทีมก่อนเพื่อบอกให้เค้าทราบและคิดว่าจะทำยังไงต่อไป แต่พอเราเล่าทุกอย่างไปหัวหน้าของเรากลับบอกว่า “ผมต้องขอโทษคุณด้วย” นั้นคือญาติของผมเองเค้าเพิ่งเข้าเมืองมาและผมลืมไปว่าให้เค้าไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นชั่วคราว (ดีนะที่เราไม่เรียกคนมาพาเค้าออกไปไม่งั้นคนที่ต้องออกไปน่าจะเป็นเราซะเอง)
สัตว์เลี้ยงแสนรัก
เราทำงานเป็นพยาบาลและในช่วงวันหยุดบางครั้งก็จะมีงานอาสาที่เป็นการออกไปช่วยดูแลคนที่อยู่ในชุมชนต่าง ๆ ซึ่งเราชอบมันมากและมันทำให้เราได้เห็นอะไรแปลกๆอย่างที่เราคาดไม่ถึง อย่างครั้งหนึ่งเราได้ทำงานอาสาไปช่วยดูแลเรื่องสุขภาพของคนในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งมันก็ผ่านไปได้เรื่อยจนกระทั้งเราเดินทางมาถึงบ้านสวนหลังหนึ่ง เค้ามีบ้านหลังไม่ใหญ่ไม่เล็กกำลังน่าอยู่แต่ที่ประตูมีช่องทางเข้าของสุนัขซึ่งมันใหญ่มากมาก แต่เราก็ไม่คิดอะไรมากเพราะหมาตัวใหญ่ก็อาจจะช่วยดูแลบ้านได้ แต่ระหว่างที่เราเข้าไปพูดคุยถามถึงเรื่องต่าง ๆ เหมือนบ้านอื่นๆจู่ๆก็มีหมูตัวใหญ่มากสองตัววิ่งเข้ามาในบ้าน แล้วกระโดดขึ้นไปนอนบนโซฟาแล้วนอนดูทีวีนิ่ง ๆ เราอึ้งไปแต่เจ้าของบ้านก็หันมาบอกเราว่า “นั้นคือเบ็บและบิล สัตว์เลี้ยงของที่บ้านเราเอง” เราได้แต่ยิ้มและคิดในใจว่า (บ้านอื่นเลี้ยงหมาแต่บ้านนี้เลี้ยงหมูเออก็แปลกดี)
ความเชื่อในบ้านหนุ่มล้วน
ตอนนั้นเราต้องเข้าไปทำงานในบ้านหลังหนึ่ง เพื่อเข้าไปช่วยปรับปรุงการพูดของลูกๆ ของเขาซึ่งมันก็ไม่มีอะไรมากเพราะเป็นงานที่เราถนัด แต่ในระหว่างที่เราเข้าไปในบ้านกลับพบสิ่งที่ทำให้เราแปลกใจที่สุดที่ฉันเคยเห็นมา เพราะมันมีแผ่นอนามัย (ที่ยังไม่ได้ใช้) ติดอยู่ที่ฝาผนัง พอเราถามว่าเจ้าสิ่งนั้นมันคืออะไรกลับไม่มีใครรู้(เพราะทุกคนในบ้านมีแต่ผู้ชาย) และบอกแต่เพียงว่ามีผู้เฒ่าในหมู่บ้านบอกว่าให้ติดไว้ เพราะบ้านนี้มีแต่ผู้ชาย ซึ่งเราก็คิดว่ามันคงเป็นความเชื่ออะไรสักอย่างที่ของที่นี่ละมั้ง
ความสุขใกล้ตัวที่สร้างได้
เราเป็นพนักงานส่งของซึ่งมีหน้าที่ขนย้ายและยกสิ่งของต่าง ๆ ตามที่มีคนต้องการให้เราทำซึ่งเราก็สนุกที่ได้ไปในที่ต่าง ๆ และได้เห็นบ้านที่ตกแต่งสวยด้วยสิ่งของต่างๆที่แต่ละคนเลือกมาในแบบที่ชอบ แต่ตอนที่เรารับงานหนึ่งมาซึ่งมันดูธรรมดามากมากเพราะสิ่งของที่เราต้องขนมันก็เป็นแค่ดินและอุปกรณ์ปลูกต้นไม้ธรรมดาเท่านั้น พอไปถึงเราก็พูดคุยสอบถามเพื่อให้แน่ใจว่ามาถูกที่และขนของลงตามปรกติ ซึ่งบ้านที่เราเห็นมันเป็นบ้านเล็กที่มีบริเวณพอสมควร มีต้นไม้สวยๆอยู่รอบบ้านและมีม้านั่งและที่พักที่ดูดีมากมากอยู่นอกบ้านในหลายหลายจุด พอเราถามว่าทำไมถึงได้มีแนวคิดที่จะจัดสวนบ้านแบบนี้เจ้าของบ้านก็บอกว่า เค้าชอบที่จะอยู่กับป่าและต้นไม้แต่การที่จะออกไปท่องเที่ยวแบบนั้นทุกอาทิตย์มันก็เป็นเรื่องที่เหนื่อยเกินไปก็เลยเปลี่ยนบ้านให้มันเป็นป่าเล็กๆไปเลย แบบนี้ก็เหมือนได้อยู่กับสิ่งที่ชอบตลอดเวลาแล้ว
เรื่องแมวไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
เราทำงานรับทำความสะอาดบ้านซึ่งก็จะมีคนที่ไม่อยากทำความสะอาดบ้านเองมาให้เราช่วยดูแลอยู่เสมอ เพราะเค้าไม่ต้องมีแม่บ้านเป็นรายเดือนและเราก็ทำงานได้อย่างเรียบร้อยดีด้วย มีอยู่ครั้งหนึ่งเราได้ไปทำความสะอาดบ้านสองหลังที่สร้างติดกันโดยเป็นบ้านขนาดกลางและบ้านขนาดเล็กอยู่ใกล้กัน หลังจากเราทำความสะอาดบ้านหลังแรกเรียบร้อยและกำลังจะเข้าไปทำความสะอาดบ้านอีกหลังที่เหลือพอเปิดเข้าไปก็ต้องอึ้ง เพราะภาพที่เห็นคือมันมีแต่ของสำหรับแมวจัดเรียงอย่างสวยงาม ใช่แล้วมันไม่ได้เป็นบ้านสำหรับคนแต่มันคือบ้านแมวที่มีขนาดใหญ่พอที่คนคนหนึ่งจะสามารถอยูู่ได้เลย ใครจะไปคิดว่าการเลี้ยงแมวมันต้องทำถึงขนาดนี้
เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน