เรื่องราวที่จะบอกเล่าให้เพื่อนเพื่อนได้ฟังวันนี้อาจจะดูไกลตัวสำหรับบางคน แต่สำหรับเพื่อนบางคนมันอาจจะเป็นเรื่องใกล้ตัวมากมากก็ได้นะ ด้วยความหลากหลายและสิ่งที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทำให้เรามีรูปแบบการตัดสินใจด้วยความรวดเร็วซึ่งมันก็เป็นข้อดีมากมากในการทำงาน แต่สำหรับการแกไขในเรื่องบางอย่างมันกลับไม่ช่วยอะไรเลยเพราะ ในบางเรื่องเราต้องใช้ทั้งเวลาและความเข้าใจเพื่อทำให้ผลลัพท์ของการแก้ไขออกมาได้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ อย่างเช่นเรื่องของความรัก และ การสร้างบ้านที่เต็มไปด้วยความสุขที่หลาย ๆ คนต้องการหรือฝันไว้ นั้น เป็นเรื่องที่ต้องบอกเลยว่ามืออาชีพที่ไหนก็ มาสร้างให้คุณไม่ได้เพราะ อะไรนะเหรอ?? ก็เพราะว่าสิ่งนี้มันต้องสร้างจากตัวของคุณและคนข้าง ๆ ตัวคุณต่างหากละ และวันนี้เราก็มีเรื่องราวเล็กๆน้อยๆ ที่อยากจะมาเล่าให้เพื่อนเพื่อนได้ฟังกันเพื่อที่ว่าบางคนอาจจะเอาเรื่องราวเหล่านี้ไปใช้งานได้ ซึ่งพวกเราที่เพลินเพลินก็จะยินดีมากมากที่ทำให้เพื่อนๆ สามารถสร้างบ้านในฝันได้จากสิ่งที่เราทำมา
เบื้ยงต้นเลยก่อนที่จะเข้าไปถึงรายละเอียดส่วนใหญ่เราอยากให้เพื่อนเพื่อนได้ลองลบภาพฝันหลายหลายอย่างออกไปก่อนอย่างการจัดงานแต่งงานในฝัน หรือ สิ่งของแทนใจราคาสูงลิบลิ่ว เพราะเมื่อคุณได้อ่านข้อมูลที่เราเตรียมมาแล้วถ้าเพื่อนเพื่อนเห็นด้วยกับเราคุณน่าจะต้องจัดการวางแผนการต่าง ๆ หลายหลายอย่างใหม่ก็ได้
มาเริ่มจากข้อแรกกันเลยดีกว่าด้วยการจัดงานแต่งให้เหมาะกับตัวเอง
ด้วยจุดเริ่มต้นของการสร้างบ้านแห่งความรักหลังน้อยนั้นคือ การจัดงานแต่งงานจากข้อมูลที่เราลองไปรวบรวมมา พบว่าเพื่อนเพื่อนที่มีการจัดงานแต่งงานด้วยงบประมาณจำนวนมาก หรือซื้อแหวนราคาสูงมากมาก (จำนวนมากในที่นี้หมายถึงเมื่อเทียบกับจำนวนเงินออมที่ทั้งคู่มีเก็บไว้) ส่วนใหญ่จะพบว่าเกิดการไม่มองหน้ากันหรือมีเรื่องราวให้ต้องเถียงกันอย่างรวดเร็ว เอ้…ทำไมถึงเป็นแบบนั้นกันนะ หลายคนอาจจะสงสัย แต่เราก็มีคำตอบในเรื่องนี้ เพราะเหตุผลง่ายๆ เลยนั้นก็คือเมื่อคุณเริ่มต้นด้วยการใช้จ่ายจำนวนมาก แล้วหลังจากนั้นเมื่อคุณต้องการสิ่งของหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ต้องจ่ายเงิน คุณก็จะมีมันไม่มากพอและเป็นจุดเริ่มต้นของการเถียงกันนั้นเอง ดังนั้นเราขอแนะนำเคล็ดลับง่ายๆ ที่เพื่อนเพื่อนสามารถนำไปปรับใช้กันได้เลยนั้นก็คือ คิดถึงสิ่งที่เรามีก่อนสิ่งที่อยากจะมี ตัดสิ่งไม่จำเป็นออกไปและ เลือกให้วันพิเศษของคุณเป็นวันพิเศษจริง ๆ โดยที่ไม่ต้องการงบจำนวนมาก (แต่ถ้าใครอยากจะจัดใหญ่เราก็ไม่ได้ห้ามนะแต่ก็จัดสรรค์กันให้ดีดีละ)
© Nick Karvounis / Unsplash, © TranStudios / Pexels
เรื่องที่สองที่จัดเต็มกับทริปแรก
เรื่องที่เราอยากจะบอกนั้นอาจจะแตกต่างจากข้อแรกมากมากเลยนั้นก็คือ เราอยากจะแนะนำให้เพื่อนๆ กับงบส่วนหนึ่งไว้ใช้ในการท่องเที่ยวหรือที่เรียกง่ายง่ายว่าการไปฮันนีมูนนั้นเอง ทำไมที่อย่างนี้กลับมาบอกให้เราใช้งบละ หลายหลายคนอาจจะมีคำถามขึ้นมาทันที เหตุผลที่เราจะบอกก็คือการจัดงานแต่งนั้นมันเป็นการจ่ายที่แทบจะไม่ได้อะไรตอบแทนกลับมาเลย แต่การที่คุณได้ไปเที่ยวด้วยกันนั้นมันจะเป็นสิ่งที่คุณได้ทำร่วมกัน และ ยิ่งมันออกมาเป็นทริปที่ดีมากมากด้วยแล้วละก็มันจะยิ่งสร้างความประทับใจและทำให้คุณและคู่ของคุณมีความทรงจำดีดีร่วมกันอย่างมากแน่นอน และ เราอยากจะบอกให้เพื่อนเพื่อนฟังว่าการไปเที่ยวกันสองคนเดือนละครั้งยิ่งทำให้ คู่ของคุณอยู่กันได้ยืดขึ้นด้วย เพราะมันก็คือการสร้างสายสัมพันธ์ของคุณให้แน่หนามากขึ้น และอย่าลืมว่าต้องวางแผนการให้ดีดีก่อนละ ถ้าหากไปแบบหาข้างหน้าแบบนั้นเค้าไม่เรียกว่าไปพักนะ
เรื่องที่สามสร้างช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน
ถ้าหากคุณเป็นคนที่มีกิจวัตรประจำตัวคือการก้มหน้ามองจอ ในทุกทุกโอกาศที่ว่างเราขอแนะนำให้คุณ วางมือจากสิ่งนั้นทุกครั้งที่คุณกำลังอยู่กับคู่ของคุณเพราะคงไม่มีใครชอบที่จะพูดหรือคุยกับคนที่ก้มหน้าตลอดเวลาหรอกนะ และอีกอย่างคือคนตรงหน้าคุณต้องสำคัญกว่าสิ่งที่อยู่ในจอเล็กๆ เหล่านั้นอยู่แล้วละ เอาไปเวลาว่างหรือ เวลารอค่อยหยิบขึ้นมาก็ได้นะ
เรื่องที่สี่เมื่อมีสมาชิกใหม่เราต้องช่วยกัน
คุณทราบหรือไม่ว่าเจ้าตัวน้อยนั้น จะตื่นทุก 3-4 ชั่วโมงตลอดทั้งวันและเป็นแบบนั้น อย่างน้อย ๆ ก็ 6 – 12 เดือน ดังนั้นคุณลองคิดภาพดูสิว่า จะมีใครบางที่ไม่เหนื่อยจากการที่ต้องมานั่งดูแลเจ้าตัวน้อยตลอด 24 ชั่วโมงดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำก็คือช่วยทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ ตั้งแต่งานบ้าน การซักเสื้อผ้า หรือ การจัดเตรียมอาหาร อะไรที่จะช่วยได้ทำมันให้หมดนั้นแหละ เพราะมันจะเป็นการช่วยให้คู่ของคุณสบายขึ้นเล็กน้อยก็ยังดี แล้วการกระทบกระทั่งกันของคุณก็จะน้อยลงไปด้วย
เรื่องที่ห้างานอดิเรกคือความชอบส่วนตัวจริงจริงนะ
เพื่อนเพื่อนจำนวนมากพยายามหากิจกรรมต่าง ๆ หรือ งานอดิเรกที่อินเทรนด์มาให้คู่ของตนซึ่งนั้นก็ดีเพราะถือเป็นอะไรที่สร้างกิจวัตรให้ทำรวมกันแต่เราอยากให้คุณเพิ่มเติมอีกเรื่องหนึ่งเข้าไปด้วยนั้นก็คือคุณต้องลองสังเกตุดูด้วยว่าสิ่งที่คุณชอบกับสิ่งที่เค้าชอบนั้น มันคือสิ่งเดียวกันหรือเปล่าเพราะถ้ามันไม่ใช่ การเอางานอดิเรกของตัวเราไปให้อีกคนหนึ่งทำด้วยมันก็อาจจะสร้างความเคืองให้อีกฝ่ายหนึ่งได้ ในกรณีที่เราชอบไม่เหมือนกัน เราขอแนะนำว่าให้บอกกันดีกว่าแล้วแบ่งเวลาของงานอดิเรกให้ดีละ อย่าลืมว่าคุณต้องมีเวลาให้กันและกันมากมากนะ
เรื่องที่หกการใช้คำพูด
เรามีคำพูดบางคำที่ต้องการให้คุณได้ลองใช้ดูนั้นคือการพูดแทนตัวเอง จากการใช้คำว่า ฉัน หรือ คุณ ลองเปลี่ยนไปเป็นคำว่าเรา เช่นวันนี้เราจะไปที่ไหนดี ของของเราที่เคยว่างอยู่ตรงนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว เป็นต้น ข้อนี้มันง่ายมากมากง่าายซะเพื่อนเพื่อนหลายคนอาจจะคิดว่ามันจะดีเหรอ เราบอกเลยว่ามันดีเพราะคำพูดแบบนี้นั้นทำให้เราละลาย ความเป็นตัวคุณลงและให้ความสำคัญกับเรื่องของส่วนรวมในบ้านมากขึ้นนั้นเอง เพราะถ้ายังมีของคุณ ของผม ของฉัน มันก็คือการแบ่งบางสิ่งบางอย่างกันนั้นแหละ
เรื่องที่เจ็ดการมีความเห็นไม่ตรงกันและได้คุยกันยิ่งทำให้เราสนิทกันมากขึ้น
สิ่งหนึ่งเมื่อเราอยู่กับคนอื่นๆ ที่มักจะเกิดขึ้น หรือ ต้องเกิดขึ้นแน่นอนนั้นคือการมีความคิดเห็นบางอย่างไม่ตรงกัน และ กับคนรักของเราเองก็ย่อมมีได้เช่นกัน แต่คนที่เค้าอยู่กันได้ยาวยาวนั้นมีวิธีการจัดการกับสถานะการณ์ที่ความเห็นไม่ตรงกันด้วยการเจรจา และ พูดคุยกัน นั้นเอง และบางครั้งการตกลงกันมันก็ไม่ต้องการเหตุผล แต่เราแค่ต้องคุยกันให้เข้าใจกันและเรื่องราวต่าง ๆ ก็จะผ่านไปได้ โดยที่มีคนกล่าวว่า ถ้าเรามีความเห็นไม่ตรงกันและได้พูดคุยกันบ้างยิ่งเป็นการทำให้เราเข้าใจ และ ยอมรับอีกฝ่ายหนึ่งได้มากขึ้นด้วย
เรื่องที่แปดการออมเงินต้องรู้จักใช้ด้วย
หลายคนอาจจะงง ตกลงเราต้องออม หรือ เราต้องใช้กันแน่ สิ่งที่เราอยากจะบอกให้เพื่อนเพื่อนได้ฟังในเรื่องนี้ก็คือ หากเพื่อนเพื่อนเก็บอย่างเดียวโดยไม่ใช้เลย มันก็ใช่นะ แต่ มันจะดียิ่งขึ้นไปกว่านั้น ถ้าเรารู้จักการบริหารจัดการมันต่างหาก การจัดสรรค์ สัดส่วนการใช้เงินเพื่อ สร้างความสะดวกสบาย สร้างรอยยิ้มและการพักผ่อน หรือ การให้ของขวัญแก่กันและกัน โดยพอดีจะยิ่งทำให้มันมีคุณค่ามากขึ้นกว่าการเก็บไว้อย่างเดียว
© Toa Heftiba / Unsplash, © Olya Kobruseva / Pexels
โบนัสท้ายเรื่อง: เพื่อให้การอยู่ด้วยกันของเพื่อนๆ ยิ่งแน่นเหนียวมากขึ้นคุณต้องมีกระดาษปากกาและ เวลาอีกนิดหน่อย มันคือเรื่องง่ายมากมากที่เรามองข้ามไปนั้นก็คือการจดบันทึกเล็ก ๆ น้อย ๆ กับเรื่องราวของเราเองทั้งช่วงที่มีความสุข และ ตอนที่เราโต้คารมกันเพื่อที่ว่าเราจะได้เอากลับมาอ่านกันในตอนหลัง เพื่อให้รู้ว่าเราได้ทำอะไรให้มีความสุขและเรื่องไหนบ้างที่เราไม่ชอบ
ลองสร้างนิสัยในการ “จดบันทึก” แบบนี้ เพราะถ้าหากคุณอธิบายเหตุการณ์ได้มันก็จะป้องกันการเกิดปัญหาต่าง ๆ ที่จะตามมาได้อีกเยอะเลย
แล้วเพื่อนๆ ละมีสูตรสำเร็จสำหรับการอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขหรือเปล่า ? ถ้ามีละก็บอกเราเกี่ยวกับเรื่องราวของเพื่อนๆ ในหรือแบ่งปันความคิดเห็นในเพจของเราได้นะ
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน