วันนี้เรามาลองอ่านเรื่องราวจากช่างทำผมและลูกค้าที่บอดให้เรารู้ว่าบางคนมีความอดทนมากมายมหาศาลเพียงใด สาวๆ บางคนที่ได้ไวผมยาวมาก่อนน่าจะเคยที่จะต้องการเล็มผมให้เข้าทรงโดยการตัดออกสักเล็กน้อย ประมาณ 3-4 นิ้ว แต่ก็มักจะลงเอยด้วยการตัดออกที่มากเกินไป เป็นเหตุให้ลูกค้าที่ออกจากร้านแล้วรู้สึกผิดหวังในครั้งนั้น แต่ในขณะเดียวกันก็มีบางอย่างที่ทำให้ช่างทำผมรู้สึกไม่ดีกับลูกค้าได้เช่นกัน
พวกเราที่เพลินเพลินเลยไปลองรวบรวมมุมมองที่แตกต่างเหล่านี้มาเพื่อช่วยให้ทั้งช่างมืออาชีพ และลูกค้าได้เข้าใจซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งคู่จริงๆ นอกจากนี้พวกเรายังมีข้อความพิเศษที่น่าสนใจในตอนท้ายของบทความ อีกด้วยนะ
1. เรื่องแรกเมื่อการที่เราไม่ได้บอกในสิ่งที่คุณต้องการตรงตรง หรือ อาจจะไม่รู้ว่าต้องการอะไร
© Guido Mieth / GettyImages
ซึ่งการทำเช่นนี้นั้น ผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจจะออกมาน่าผิดหวังทั้งคนตัดและช่างทำผม เพราะเมื่อลูกค้ามาร้านเสริมสวยโดยไม่ทราบชัดเจนว่าต้องการจะไปทำอะไร และปล่อยให้ช่างทำผมนำเสนอและตัดสินใจทำในสิ่งที่สามารถทำได้โดยที่ไม่เห็นภาพหรือเข้าใจไม่ถูกต้อง ก็ย่อมได้ทรงผมที่คิดไม่ถึงเช่นเดียวกัน ดังนั้นจะดีกว่ามากหากคุณเซฟรูปทรงผมที่ชอบมาด้วยและนำให้ช่างผมดูเพื่อดูว่าคุณเหมาะกับทรงนี้ไหม
ตัวอย่างเรื่องเล่าจากเพื่อนในเน็ทของเราคนหนึ่ง เค้าเล่าว่าเพื่อนของฉันเรียนทำผมจากจากช่างทำผมคนหนึ่ง วันนั้นมีลูกค้าผมยาวมากเข้ามาที่ร้าน และขอพบกับช่างมืออาชีพ เขาเลยเชิญเธอไปที่เก้าอี้ และถามว่าเธออยากตัดผมทรงไหน เธอตอบว่า “ฉันเชื่อในรสนิยมของคุณ” หลังจากนั้นช่างก็เริ่มมัดหางม้า และตัดผมออก ทันทีที่ลูกค้าเห็นแบบนั้นเธอก็บอกให้ช่างหยุดทันทีแต่ช่างทำผมก็บอกเธอไปว่า เขาคิดว่าตอนนี้ผมสั้นมันเป็นเทรนด์ที่กำลังมาและเธอจะต้องดูดีแน่ๆ ถ้าทำททรงนี้ (ซึ่งตอนนี้ก็คงต้องตามช่างเท่านั้นแหละ)© crazzzy / parikmaher.net
เรื่องที่สองเมื่อลูกค้าผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในร้านเสริมสวยของเรา ซึ่งในทีแรกที่เจอเธอ เธอดูเป็นคนหัวโบราณมาก และเธอกล่าวกับเราว่า “ฉันต้องการเปลี่ยนแปลงลุคให้ดูเป็นคนใหม่ช่วย ทำให้ฉันดูดีด้วยนะ” ซึ่งช่างทำผมทำของเราก็ทำมันออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผลลัพธ์ที่ได้ดูดีและคนอื่นๆในร้านต่างก็ชอบ เพราะมันดูทันสมัยด้วยการตัดผมอย่างมีสไตล์แต่ไม่มีอะไรโดดเด่นเกินไป แต่ลูกค้าคนนั้นที่เคยชินกับการทำดัดเป็นลอน ยกผมสูง เลยทนไม่ได้กับรูปลักษณ์ใหม่ของตัวเอง จากนั้นทุกอย่างก็กลายเป็นเรื่องและเราต้องใช้เวลาอยู่นานเพื่อนปรับทรงผมให้กลับไปใกล้เคียงเดิม เรื่องนี้บอกให้เรารู้ว่าอย่างน้อยเราก็ควรจะเอารูปทรงผมให้เธอดูก่อนจะลงมือทำมันจริงจริง เพราะบางคนก็ไม่ได้อยากเปลี่ยนแปลงจริงจริง
เรื่องที่สามเราเป็นช่างทำเล็บ และเราก็งงมากกับลูกค้าบางคนที่ใช้เวลานานในการเลือกสีที่ต้องการนานมากมาก เพราะเมื่อได้ตัวอย่างสีหลายสีพวกเขาก็พูดว่า “เยอะมาก! ไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรดี” และเมื่อเราคัดตัวอย่างสีมาบางส่วนพวกเขาจะถามว่า “สีมีแค่นี้หรอ” ในที่สุดหลังจากผ่านช่วงเวลาในการเลือกสีและเราเริ่มลงมือทำเล็บให้เรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องรับฟังความคิดเห็นของพวกเขาต่ออีก เช่น: “มันดูไม่ดีเหมือนในแบบและอยากให้ช่วยปรับให้หน่อย” แต่เมื่อฉันถามว่า “คุณต้องการอะไรกันเพิ่มดี” พวกเขาตอบว่า “ฉันไม่รู้” แล้วใครจะรู้เนี้ย
เรื่องนี้เกิดขึ้นในวันที่ท้องฟ้าสดใส มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน ผมของเธอสวยแบบธรรมชาติ ซึ่งมันสวยมาก แต่เธอกลับบอกกับช่างตัดผมว่าต้องการตัดทรงบ๊อบสั้น ตอนแรกเรารู้สึกงงมากเลยถามไปว่า จะตัดทำไมเพราะกว่าจะดูแลให้ได้ขนาดนี้มันน่าเสียดายมากมาก คำตอบของเธอทำให้เราอึ้งกว่าเดิม เพราะเธอบอกว่าเพื่อนเธอบอกกับเธอว่าเธออาจจะดูดีขึ้นถ้าไว้ผมบ๊อบ ทันทีที่ได้ฟังเราก็บอกให้เธอรอสักครูก่อนนะเลือกทรงที่คิดว่าตัดผมของเธออกน้อยที่สุดและเมื่อทำเสร็จมันก็ยิ่งดูสวยขึ้นไปอีก เธอชอบมันมากและเราก็ชอบเล่นกัน บางครั้งคำแนะนำจากเพื่อนก็อาจจะไม่ได้ถูกต้องหรือดีสำหรับเราเสมอไปดังนั้นครั้งหน้าคุณควรบอกหรือคุยกับช่างก่อนที่จะตัดสินใจทำผมทรงใหม่
2. เรื่องที่สองการไปรบกวนขั้นตอนการทำงานของช่างระหว่างทำงาน
บางครั้งก็มีลูกค้าบางคนที่ชอบให้คำแนะนำแก่ช่างทำผม เกี่ยวกับวิธีการทำงานของช่าง เพราะพวกเขาคุ้นเคยกับการทำอย่างนั้นที่บ้าน หรือเห็นว่าช่างมืออาชีพที่เคยไปใช้บริการทำ นอกจากนี้บางคนยังขอใช้เครื่องมือของช่างและลองลงมือทำเอง สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าคนที่ตัดผม ย้อมสี หรือทำเล็บ ให้เรานั้นล้วนผ่านการเรียนและบางคนก็อาจจะทำงานมาแล้วหลายปี และพวกเขาก็ยังพยายามพัฒนาทักษะของตนเองอย่างต่อเนื่อง และเมื่อคุณพยายามรบกวนขั้นตอนการทำงานของช่าง โดยวิธีการที่คุณคิดว่าดี นั้นยิ่งจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะได้ในสิ่งที่ตรงกันข้าม
ตัวอย่างเรื่องเล่าของเรา มีอยู่บ้างบางครั้งที่เราต้องให้บริการกับลูกค้าที่ชอบดูบล็อกเกอร์ และเธอก็เรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับการเสริมสวยมาจากพวกเขา ครั้งหนึ่งลูกค้าของฉันพูดว่า “ช่วยแต่งหน้าด้วย cornichon เพราะรองพื้นไม่เข้ากับผิวของฉัน” ฉันสงสัยว่าเธอกำลังพูดถึง cucumber แต่ในที่สุดฉันก็รู้ว่าเธอหมายถึง Cushion
3. เรื่องที่สามให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
บ่อยครั้งผู้ช่างทำผมจะถามคำถามบางอย่างเกี่ยวกับผมของลูกค้า เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น ช่างทำผมอาจถามว่าลูกค้าได้ทำการย้อมผมเองที่บ้านหรือในร้านเสริมสวยมาบ้างหรือเปล่า แล้วมีการใช้ผลิตภัณฑ์แบบใดบ้าง และครั้งสุดท้ายที่ได้ทำไปคือเมื่อใด สิ่งสำคัญเราคือต้องตอบอย่างตรงไปตรงมา เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยว่าช่างจะสามารถทำอะไรได้บ้างและไม่ควรทำอะไรบ้าง อย่างเช่นการย้อมสีผมนั้น หากเราเคยทำสีมาก่อนและต้องการเปลี่ยนสี หรือ เพิ่มสีก็จะมีขั้นตอนในการทำต่างกับคนที่ย้อมเป็นครั้งแรก เพื่อให้ได้สีสันเหมือนอย่างที่ต้องการ
4. ไม่ยอมสระผมที่ร้านเสริมสวย
เรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างการสระผมก่อนตัดผมหรือทำผมนั้นฟังดูอาจจะคิดว่าเราสามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปก็ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วการสระผมก่อนที่จะทำผมก็เพื่อให้แน่ใจว่า ความมันหรือสิ่งสกปรกบางอย่างไม่มีตกค้างอยู่ผมนั้นแล้ว เพราะการทำผมให้ออกมาดีก็ควรทำจากสภาพที่สะอาดเพื่อง่ายต่อการจัดแต่งหรือแม้กระทั้งการทำให้สีหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้สามารถทำงานได้เต็มที่ สิ่งสำคัญที่คุณต้องทราบคือว่า ช่างทำผมต้องการผมที่สะอาดและง่ายต่อการตัดแต่ง ดังนั้นเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่างน้อยคือต้องมีการสระผมในตอนเช้าก่อนมาที่ร้าน แต่ทางเลือกที่ดีที่สุดคือผมที่เพิ่งสระใหม่ๆ เนื่องจากผมจะอ่อนตัวมากขึ้นเมื่อทำความสะอาดซึ่งช่วยให้ช่างมืออาชีพสนุกกับการทำงาน ดังนั้นร้านเสริมสวยหลายร้านจึงรวมค่าบริการสระผมกับค่าตัดผมเข้าด้วยกัน © MuhoZhuk / Pikabu
6. การจองคิวล่วงหน้าแต่เมื่อถึงเวลาแล้วกลับไม่ปรากฏตัวหรือมาสายกว่าเวลาที่แจ้งไว้
เรื่องเชื่อว่าทุกคนย่อมมีโอกาศที่จะมาสายกว่าเวลาที่นัดหมายได้ เพราะ มันมีเรื่องราวมากมายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่เราอยากจะบอกให้ฟังก็คือ เมื่อมีการนัดหมายแล้วเราอาจจะพอคาดได้ว่ากำลังจะไปสายกว่าที่นัดเราก็ควรจะโทรไปแจ้งล่วงหน้า อย่างน้อย ๆ สัก 1 ชั่วโมงหรือ 30 นาทีเพราะทางร้านเองก็มีสิ่งที่ต้องจัดเตรียมและยังมีลูกค้าคนอื่นอื่นอีกที่อาจจะได้รับผลกระทบเมื่อคิวทุกอย่างถูกสลับไปมาและการโทรบอกล่วงหน้าก็เป็นสิ่งที่คุณควรทำกับทุกคนและทุกโอกาสที่คุณมีนัดกับใครก็ตาม เพราะคงไม่มีใครอยากเป็นคนที่รอถูกต้องไหมละ
เรื่องเล่าส่งท้ายต้องบอกเลยว่านี้คือเรื่องราวจากเพื่อนของเราที่พยายามจะโทรจองคิวร้านทำผมแต่ดูเหมือนว่าทางร้านจะให้บางอย่างมาผิดซะแล้ว
เรื่องมีอยู่ว่า เดือนก่อนเราเข้าไปในร้านทำผม และถามพนักงานว่า “เราสามารถโทรมาพื่อนัดหมายหรือทักมาทางข้อความได้หรือไม่ ? พนักก็รีบจดเบอร์โทรและตอบว่าเราสามารถโทรมาหรือทักมาทางข้อความเพื่อนัดล่วงหน้าได้ก่อน 2-3 ชั่วโมงก่อนจะเข้ามาที่ร้าน. และจะดีมากถ้าช่วยบอกด้วยว่าจะต้องการทำอะไร เวลาผ่านไปได้ 1 เดือนเราอยากจะทำสีผมใหม่เลยส่งข้อความไปแจ้งทางร้านว่า วันนี้จะเข้าไปที่ร้าน เมื่อเราบอกว่าอยากทำสีใหม่และให้ช่างประเมินเวลามาเพื่อที่เราจะได้จัดเวลาของเราได้ แต่สิ่งที่ได้คือช่างแจ้งว่าต้องใช้เวลาสัก 7 วันในการทำสีใหม่ทั้งหมด ซึ่งเรางงมากเลยถามไปว่าทำสีอะไรนานขนาดนั้น ช่วยส่งตัวอย่างที่ช่างกำลังทำงานมาให้ดูหน่อยสิว่าทำไมต้องใช้เวลาขนาดนั้น และนี้คือรูปที่ได้จากช่าง มันคือรถยนต์ที่กำลังทำสีใหม่ และช่างก็หมายถึงการทำสีรถใหม่ทั้งคัน เรารีบขอโทษแทบไม่ทันและบอกไปว่าเราทักไปผิดร้านหรืออาจจะมีการจดเบอร์ผิดมา เกือบจะได้สีที่ทนทานที่สุดแล้ว
© Chuchaaa / pikabu
เพื่อนเพื่อนเคยออกจากร้านเสริมสวยด้วยความผิดหวังหรือไม่? และเพื่อนเพื่อนเห็นด้วยไหมกับเรื่องที่ช่างทำเล็บ และช่างทำผมในบทความนี้บอกมาหรือเปล่า ? ช่วยแบ่งปันเรื่องราว รูปภาพและความคิดเห็นของคุณในเพจของเราด้วยสิ
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน