สิ่งที่เราหลายคนมีและห่วงแหนอย่างมากนั้นก็คือมิตรภาพดีดีที่ถูกส่งต่อมาจากใครสักคน แต่ก็มีเพื่อนเพื่อนของเราอีกหลายหลายคนที่ต้องหันหลังให้กับเพื่อนดีดีสักคนไปด้วยเหตุผลที่คาดไม่ถึงซึ่งเมื่อเราลองย้อนกัลบไปแล้วก็จะเห็นว่าใันอดีตที่ได้ทำผ่านมานั้นมันช่างเป็นเรื่องเล็กน้อยเหลือเกินเพราะเมื่อวันนี้ที่เราเติบโตขึ้นผ่านสิ่งต่าง ๆ มามากขึ้นแล้วก็ทำให้เราเข้าใจและยอมรับเรื่องราวต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย วันนี้พวกเราเพลินเพลินได้รวบรวมเรื่องสั้นที่ส่งต่อกันเพื่ออาจจะเป็นเรื่องที่บอกเล่าต่อต่อไปให้ใครสักคนได้คิดว่าเราเองเมื่อเจอเรื่องราวแบบนี้แล้วจะคิดและทำอะไรลงไปต่อไปเพื่อจะได้ไม่มานึกเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไปก็ได้

เพราะเรื่องราวบางเรื่องนั้นมันช่างดูเป็นเรื่องเล็กน้อยมากมากเมื่อลองเทียบกับมิตรภาพดีดีที่จะหาได้จากใครสักคนและเราก็ไม่อยากให้เพื่อนเพื่อนของเราต้องหันหลังเดินจากกันไปด้วยเรื่องเหล่านี้อีกเช่นกัน มาฟังกันเลยดีกว่านะ

เสียงรอบข้าง
อาจจะฟังดูเหมือนเรื่องตลกสำหรับเรื่องของเราแต่มันก็เป็นเรื่องที่เราอยากจะบอกเกี่ยวกับเพื่อนของเราในวัยเด็ก เนื่องจากทางบ้านของเราอาจจะฐานะไม่ดีมากนักซึ่งต่างกับเพื่อนของเรามากมากซึ่งมีพร้อมทุกอย่างและเค้าก็ดีกับเรามากมากโดยทุกครั้งที่เราออกไปเล่นด้วยกันหรือออกไปทำอะไรสักอย่างพอถึงเวลาที่ต้องทานอาหารเค้าก็จะค่อยออกค่าอาหารให้เราเสมอจนคนรอบๆตัวเราเริ่มพูดถึงเรื่องนี้และเราก็รู้สึกกังวลไปเองจนเราพยายามทำตัวออกห่างจากเพื่อนคนนั้นของเราถึงขนาดที่ว่าเราต้องแอบหลบหน้า เพราะไม่อยากให้เค้าเลี้ยงข้าวเลยทีเดียวและสุดท้ายเราก็เรียนจบและแยกย้ายกันไปโดนไม่ได้กลับมาคุยกันอีกเลย มาถึงตอนนี้เราก็ยังคิดเสมอว่าคนที่เราควรออกห่างคือเพื่อนที่พูดมาก แทนที่จะออกห่างจากเพื่อนที่ค่อยดูแลเราซะมากกว่า

ไม่ชอบทำไมไม่บอก
เรื่องนี้คืออีกหนึ่งปริศนาที่เราไม่เคยคิดได้เลยนั้นคือตอนที่เราเรียนอยู่มหาลัยและต้องอยู่ร่วมกันกับเพื่อนที่คณะคนหนึ่งซึ่งก็ดูเข้ากันได้ดีมากมากในความคิดของเรานะแต่อยู่มาวันหนึ่งระหว่างที่เรากำลังนั่งดูซีรีย์เรื่องหนึ่งอยู่แล้วเพื่อนของเราก็เข้ามานั่งดูด้วยพอเราชวนคุยเรื่องในซีรีย์ซึ่งเราทั้งคู่ออกความเห็นไม่ตรงกันสักเท่าไหร่ แต่มันก็ผ่านไปแบบเงียบและวันต่อมาเธอก็ย้ายออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรเลย (นี้แค่ความเห็นไม่ตรงกันเรื่องละครเท่านั้นเองนะเนี้ย)

อาหารเม็ดอยู่ไหน
ผมคบกับเพื่อนคนหนึ่งมาได้ห้าปีแล้วซึ่งเราก็ดูเข้าใจและช่วยเหลือกันดีมากมากจนกระทั่งครั้งหนึ่ง เพื่อนคนนั้นของเรามีปัญหากับแฟนของเค้าซึ่งพอเราทราบเรื่องก็รีบไปหาที่บ้านทันทีและพอไปถึงก็เห็นทั้งคู่กำลังขึ้นเสียงกันไปมาด้วยความที่เรายังไม่รู้เรื่องอะไรแต่ก็อยากให้ทุกอย่างผ่านไปให้ได้ก่อนเราก็เดินเข้าไประหว่างคนทั้งคู่แยกเพื่อนของเราออกนั่งที่เก้าอี้ก่อนที่จะค่อยๆหันไปบอกับแฟนของเพื่อนเราให้ออกไปก่อนซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้ผลในตอนแรกจนกระทั่งเราต้องบอกไปว่าจะแจ้งเจ้าหน้าที่หากยังไม่ยอมแยกกันเธอถึงจะยอมออกไปซึ่งวันนั้นก็ผ่านไปด้วยดีโดยที่เรานั่งปลอบเพื่อนทั่งคืน และต่อมาอีกไม่ถึงสัปดาห์เราก็ได้ข้าวว่าทั้งคู่กลับมาคืนดีกันแล้วแต่กลายเป็นว่าเพื่อนของเราไม่ติดต่ออะไรกลับมาหาเราอีกเลย (สุดท้ายกลายเป็นเราเองที่เพื่อนไม่คบ)

เต็มถัง
เรื่องตลกสุดๆของเพื่อนรักที่ทำให้เราเกือบไม่ได้คุยกันมีอยู่ว่า ฉันไปค้างบ้านของเพื่อนคนสนิทโดยเราไปอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ในช่วงวันหยุดปิดเทอมซึ่งระหว่างการพักอยู่ด้วยกันมันก็ดูปรกติมากมากพวกเราเล่นและคุยกันอย่างสนุกทุกวัน แต่หลังจากนั้นเมื่อเรากลับมาที่บ้านเพื่อนคนนั้นก็ไม่คุยกับเราไปหลายเดือน ซึ่งเราไม่รู้สาเหตุที่มันโกรธจริงๆ แล้ววันนึงเราก็ได้กลับมาคุยกันโดยบังเอิญซึ่งเราไม่รอช้าที่จะบอกไปก่อนว่าเราขอโทษที่อาจจะทำอะไรผิดไปแต่อยากให้บอกเหตุผลและเรื่องราวเพื่อที่เราจะได้ไม่ทำแบบนั้นอีก และสิ่งที่เพื่อนบอกเราก็คือตอนวันสุดท้ายก่อนจะกลับมาเธอต้องทำความสะอาดห้องและพบว่าถังขยะในห้องมีกระดาษและสิ่งอื่นๆเต็มไปหมดซึ่งโกรธที่เธอต้องนำมันไปทิ้งและทำความสะอาดคนเดียวเพราะวันนั้นเรากลับบ้านไปแล้ว (แค่ไม่ช่วยทำความสะอาดนี้เราเกือบเสียเพื่อนไปเลยเหรอเนี้ย) เราเลยบอกไปว่าจะแวะไปช่วยเก็บห้องทุกวันเสาร์เป็นเวลาหนึ่งเดือนเลย สิ่งที่เราอยากจะบอกก็คือบางคนเวลาที่จู่ๆ เพื่อนไม่คุยด้วยก็อาจจะปล่อยให้เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนไม่กล้าพูดกันเพราะกลัวเสียหน้า แต่อันที่จริงแล้วความรู้สึกดีดีและมิตรภาพมันยิ่งใหญ่กว่าหน้าของเราเยอะเลยนะจะบอกให้

ใครบล็อคใคร
เพื่อนสนิทของเราชอบที่จะเล่นสนุกบางอย่างเวลาที่มีคนในกลุ่มเผลอเสมอ อย่างเช่นเปลี่ยนภาพพักหน้าจอโทรศัพท์เป็นภาพที่ดูตลกๆเป็นต้นซึ่งในกลุ่มก็ไม่ได้คิดอะไรมากเลยเพราะมันก็ไม่ได้หนักหนาอะไร แต่แล้วครั้งหนึ่งเพื่อนมาแอบเข้าไปตั้งค่าบล็อคตัวเค้าเองบนโทรศัพท์ของเราซึ่งเราก็ไม่รู้เลยว่ามีการทำแบบนั้นเลยไม่ได้ปลดบล็อคซึ่งกว่าจะรู้อีกทีก็ห้าวันผ่านไป เพราะเพื่อนคนนั้นโทรหาเราไม่ได้เลยจนต้องโทรเข้ามาที่เบอร์คนอื่นแทนเพื่อนคุยกับเรา และกลายเป็นว่าเพื่อนมาบอกว่าเราไม่สนใจเค้าถึงขนาดที่ไม่โทรหากันไม่ได้ตั้งห้าวันก็ไม่สนใจกันเลยกลายเป็นเราต้องง้ออยู่นานกว่าเพื่อนจะย้อมดีด้วยแล้วสรุปนี้ใครบล็อคใครกันแน่นะ

แล้วคุณละมีเรื่องแบบนี้บ้างหรือเปล่าแล้วคุณจัดการกับเรื่องราวเหล่านี้ยังไง ซึ่งพวกเราที่เพลินเพลินอยากจะบอกแค่สิ่งหนึ่งนั้นก็คือมิตรภาพที่สร้างมานั้นบางครั้งก็อาจจะต้องผ่านเรื่องเข้าใจผิดกันมาบ้างแต่เราก็ยังอยากให้เพื่อนเพื่อนเก็บรักษามิตรภาพดีดีไว้ต่อไปการยอมดีหรือเริ่มพูดคุยก่อนไม่ได้ทำให้คุณค่าของเราลดลงแต่กลับจะทำให้เราเก็บรักษาสิ่งที่มีค่าต่างๆ ได้มากขึ้นด้วยละ

เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน