เป็นยังไงกันบ้างกับการหยุดยาวหลายวันในช่วงรอยต่อของปีใหม่เพื่อส่งท้ายปีเก่าและตอนรับวันใหม่ๆ หลายหลายคนที่พวกเราเพลินเพลินรู้จักได้ถือเอาช่วงนี้เป็นช่วงเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ที่อยากจะลองปรับเปลี่ยนบางคนก็เอาวันปีใหม่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์หรือออกเดินตามความฝันเล็กๆ ที่ฝันมานานแล้วและอีกหลายคนก็ทำเรื่องง่ายๆอย่างกำหนดเป้าหมายของปีนี้ว่าจะทำอะไรและให้เกิดผลอย่างไรบ้าง ซึ่งที่เพลินเพลินพวกเราก็มีเป้าหมายเล็กๆก็คืออยากให้เพื่อนเพื่อนได้อ่านบทความสนุกๆของพวกเราอย่างมีความสุข และวันนี้เราก็มีเรื่องสั้นอ่านสนุกในแบบของเพลินเพลินมาเล่าให้เพื่อนเพื่อนฟังกันด้วยนะเรื่องของวันนี้ก็คือท่าทางที่แสดงออกที่เราสามารถสังเกตุคนอื่นๆได้ว่าเขาเหล่านั้นอาจจะกำลังขาดความมั่นใจอยู่ก็ได้เพราะบางครั้งคำพูดมันอาจจะฝึกและพูดตามสคริปท์เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือกันได้แต่ภาษากายที่จะเปิดเผยอารมณ์และความรู้สึกที่แท้จริงของบุคคล เอ..แล้วแบบนี้เราจะเอามาใช้เพื่อตัวเราอะไรได้บ้างละเพื่อนเพื่อนอาจจะกำลังขยับเข้ามาถามเราแบบนี้ซึ่งเราก็จะขอบอกไว้เลยว่าที่เราเอาท่าทางเหล่านี้มาให้เพื่อนเพื่อนอ่านและทราบกันก็เพื่อที่ว่า เวลาที่เรากำลังรู้สึกไม่มั่นใจเราก็อาจจะกำลังแสดงท่าทางแบบนี้อยู่เช่นเดียวกันซึ่งนั้นก็ถือเป็นการเผยจุดอ่อนนี้ให้กับฝ่ายตรงข้ามหรือคู่สนทนาของเราซึ่งเราอาจจะไม่อยากให้เค้ารู้ก็ได้ ดังนั้นเมื่อเรารู้ก่อนว่าท่าทางแบบไหนที่แสดงถึงความอ่อนแอหรือไม่มั่นใจ เราก็จะได้พยายามไม่แสดงให้คนอื่นเห็นท่าทางแบบนั้น เพื่อแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าเราสามารถควบคุมสถานการณ์ได้นั้นเอง และเมื่อเรามีสติในการดูแลและควบคุมตัวเองได้มันก็จะไปเพิ่มความรู้สึกสบายใจและมั่นใจให้มากขึ้นไปอีกด้วย

วันน้ีพวกเราที่เพิลนเพลินก็เลยลองจัดทำรายการท่าทางต่างๆ ที่จะต้องเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนเพื่อนของเราผู้ที่ต้องการเรียนรู้วิธีอ่านคนที่กำลังคุยด้วยหรืออย่างน้อยก็อยากจะหยุดท่าทางที่แสดงออกถึงความอึดอัดใจของเราไม่ให้คนอื่นๆรู้ก็เป็นได้

อิริยาบทแรกเลยนั้นคือลองสังเกตุที่หลังของคู่สนทนาว่าหลังงอหรือทำเหมือนก้มอยู่บ่อยๆหรือเปล่า
© Everett Collection
ด้วยความรู้สึกที่คิดกับตัวเองว่าเป็นคนไม่มีความสามารถหรืออาจจะรู้สึกว่าตนเองนั้นไม่ดีพอซึ่งความคิดแบบนั้นเองที่ทำให้ร่างกายของคุณพยายามทำตัวให้ดูเล็กลงเพื่อลดความสนใจจากคนรอบข้างดังนั้นจึงเกิดการงอตัวและหลังให้เหมือนกับกำลังก้มลงอยู่บ่อยๆโดยที่ไม่รู้ตัว ซึ่งท่าทางแบบนี้นั้นทำให้เราดูไม่ดีและยังเป็นผลต่อตัวตัวคุณเองอีกด้วย ดังนั้นถ้าเพื่อนเพื่อนอยากจะปรับเปลี่ยนสิ่งนี้ก็ทำได้เลยโดยเริ่มจาก ข้อแรกเมื่อต้องไปทำอะไรที่รู้สึกไม่มั่นใจก็ให้ลองค้นหาข้อมูลให้พร้อมก่อน หรือหากจะต้องไปทำงานอะไรสักอย่างก็ลองสอบถามขั้นตอนให้ถี่ถ้วนเพื่อที่ว่าจะได้รู้สึกมั่นใจในสิ่งที่ต้องทำขึ้นมา และอย่างที่สองก็คือถามตัวเองบ่อยๆว่าเรากำลังหลังตรงหรืองออยู่วิธีการนี้ก็จะทำให้เรามีสติในการยืดตัวตรงได้อีกด้วยนะ

ซึ่งแค่การที่เรานั่งนิ่งๆรอใครสักคนด้วยท่าทางที่ตั้งตรงนั้นก็ทำให้ดูดีและได้คะแนนเป็นจุดแข็งและบ่งบอกถึงความมั่นใจในตนเองได้ดีกว่าแล้วนั้นเองดังนั้นมานั่งแล้วหัดทำตัวตรงๆกันเถอะนะ

ท่านั่งกอดอกไขว้แขนหรือไขว้ขา
หนึ่งในสิ่งที่เกิดขึ้นเวลาที่เรารู้สึกไม่ปลอดภัยนั้นก็คือเราจะพยายามหาสิ่งป้องกันนั้นเองและเมื่อเราไม่มีอะไรมาบังสิ่งที่อยู่ในตัวเราก็คือแขนหรือส่วนขานั้นเองที่จะถูกนำมาไขว้กันเพื่อเป็นสิ่งกีดขวางนั้นเอง ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่คนเราใช้เพื่อให้รู้สึกว่าถูกปกป้องจากโลกภายนอกได้โดยเราก็ไม่รู้ตัว แต่มันก็มีสิ่งดีดีอยู่นะเพราะจากการกอดอกนั้นจะทำเรารู้สึกผ่อนคลายและสบายใจขึ้นด้วยแต่ก็ยังเป็นท่าทางที่เราไม่แนะนำให้แสดงออกเวลาที่คุณอยู่ต่อหน้าใครสักคนยิ่งตอนที่ไปคุยงานกันด้วยนะ และเราสามารถสังเกตุคู่สนทนาในช่วงกลางของการสนทนาไปแล้วหรือเว้นช่วงสักระยะหลังจากเริ่มพูดคุยกันแล้วโดยสังเกตุการไขว้ขานั้นเองเพราะเมื่อเวลาผ่านไปสักครู่แล้วคนส่วนใหญ่มักจะเริ่มแสดงท่าทางไม่มั่นใจหรือรู้สึกอึดอัดโดยการไขว้ขานั้นเองครั้งหน้าเวลาออกไปพบเพื่อนใหม่หรืออาจจะคุยกับใครก็ลองเอาไปสังเกตุดูได้นะและเพื่อนเพื่อนก็จำไว้ใช้ได้เหมือนกันนะ

แกว่งขาไปมา
สิ่งหนึ่งที่ต้องทราบกันไว้ก่อนเลยเกี่ยวกับตัวเรานั้นก็คือเรื่องของระยะทางก็มีส่วนต่อการควบคุมนะยิ่งส่วนของร่างกายที่อยู่ห่างจากสมองมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งควบคุมส่วนนั้นได้น้อยลงเท่านั้น ดังนั้นคน ๆ หนึ่งสามารถควบคุมการแสดงออกทางสีหน้าของพวกเขาได้ดีอีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับสถานการณ์ได้อีกด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้เวลาที่เราพบเจอใครก็อาจจะสนใจมองหน้ากันโดยที่เราแทบจะไม่ใส่ใจกับการเคลื่อนไหวของส่วนอื่นๆอย่างเช่นขาเลย ซึ่งการแกว่งขานั้นเป็นความพยายามของส่วนลึกภายในจิตใจเพื่อชดเชยและระบายถึงความคิดและความกังวลที่กำลังถูกซ่อนเอาไว้นั้นเอง

การซ่อนมือไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกง
© Pool
สำหรับการพบปะพูดคุยกันในท่ายืนการล้วงกระเป๋าขณะที่อยู่ต่อหน้าคู่สนทนานั้นถือเป็นท่าทางที่ดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นัก บางคนถึวขนาดคิดไปว่าเป็นการไม่ให้เกียรติกันเลยก็มี แต่อันที่จริงแล้วท่าทางนี้ที่ถูกแสดงออกมานั้นเป็นสัญญาณของความโดดเดี่ยว การสงวนท่าที หรือกำลังซ่อนความคิดบางสิ่งบางอย่างอยู่นั้นเองซึ่งเราสามารถแสดงท่าทางที่เหมาะสมกว่าก็คือการประสานมือวางไว้ด้านหน้าแทนจะทำให้ดูสุขุมมากขึ้น

การขยับและสัมผัสส่วนต่างๆของร่างกายบ่อยๆ
อย่างเช่นการลูบคอ แตะหน้าผาก และเกาส่วนต่างๆของร่างกาย บ่อยนั้นเป็นท่าทางอัตโนมัติที่จะทำเพื่อคลายความกังวลและสิ่งเหล่านี้บ่งชี้ว่าบุคคลที่อยู่ตรงหน้านั้นนั้นกำลังรู้สึกไม่สบายทางอารมณ์ หรืออาจจะกำลังสงสัยเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างที่เราคุยกับรวมไปถึงความรู้สึกไม่ปลอดภัยอีกด้วย

เพื่อนที่อ่านมาจนจบแล้วก็ลองเอาท่าทางและเรื่องราวเหล่านี้ไปสังเกตุตัวเองเวลาที่ได้ออกไปพบกับคนอื่นๆว่าเรามีการแสดงออกแบบไหนบางแล้วภายในของเรานั้นคิดอะไรอยู่ซึ่งเราสามารถฝึกฝนให้ปกปิดท่าทางเหล่านี้ได้เพียงแต่เพิ่มสติและระลึกถึงตัวเองและท่าทางที่กำลังทำอยู่บ่อยๆนั้นเองเพื่อให้เวลาที่คนอื่นๆมองมาที่เราแล้วก็จะไม่เห็นความประกังวลเหล่านั้นและหากเพื่อนเพื่อนยังมีเรื่องน่าสนใจอื่นๆก็ส่งมาให้เราอ่านกันด้วยนะ
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน