พวกเราเองสามารถเติมพลังและความสร้างสรรค์เข้าไปในการทำงานแต่ละวันได้ง่ายๆ ด้วยการคิดทำสิ่งที่ไม่เคยได้ลองทำมาก่อนอย่างการใช้มือข้างที่ไม่ถนัดในการทำงานต่าง ๆ ซึ่งนั้นก็ถือว่าเป็นการพัฒนาตัวเองอย่างหนึ่งก็ว่าได้ แต่ถ้าเราอยากที่จะกลายเป็นขวัญใจใครสักคนอย่างเหล่าฮีโร่ที่ได้รับการยอมรับในภาพยนตร์แล้วละก็ หลายคนคงคิดว่าจะต้องมีพลังพิเศษอย่างใดอย่างหนึ่งที่พอจะเอาออกมาช่วยเหลือผู้คนใช่ไหมละ แต่อันที่จริงแล้วมันก็เหมือนกับเรื่องการพัฒนาตัวเองที่เราเอามาบอกเพื่อนเพื่อนนั้นแหละ นั้นคือเราอาจจะไม่ต้องทำด้วยพลังพิเศษหรือไม่ต้องทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่เพียงแต่ว่าเราช่วยเหลือเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างทุ่มเทและจริงใจเพียงเท่านี้เราก็ได้ก้าวเท้าเข้าไปสู่โลกของการให้และกลายเป็นฮีโร่ของใครบางคนได้แล้ว อย่างเรื่องราวที่เราอยากจะเอามาให้เพื่อนเพื่อนได้อ่านกันเกี่ยวกับความประทับใจที่เพื่อนเพื่อนของเราได้พบเจอกับเหตุการณ์ธรรมดาและผู้คนที่เข้ามาช่วยก็ไม่ได้มีพลังพิเศษอะไร เพียงแต่ว่าเค้าทำสิ่งเหล่านี้ด้วยความตั้งใจและ หวังเพียงแต่จะส่งมอบความรู้สึกดีดีให้แก่คนอื่นๆ เท่านั้นเองลองไปอ่านกันเลยดีกว่าว่าจะมีใครและมีเรื่องราวประทับใจแบบไหนบ้างนะ

แค่พากลับบ้าน
© Reddit
เรื่องราวความประทับใจของเรามันเริ่มต้นในช่วงปลายฤดูหนาวจากลูกสุนัขของเราเองที่ชื่อว่า Meadow แน่นอนว่ามันเป็นสุนัขที่ชอบแอบออกไปเที่ยวนอกบ้านโดยไม่ได้สนใจสภาพอากาศเลย และในวันที่หิมะตกและอากาศค่อนข้างหนาว มันก็ออกไปวิ่งเล่นจนค่ำก็ยังไม่กลับมา เราขอให้เพื่อนเพื่อนช่วยกันออกตามหาในตอนเช้าหลังจากที่ผ่านช่วงเวลาที่หนาวเย็นไปแล้ว ซึ่งก็ไม่มีใครพบมันเลยและถึงแม้ว่าจะนับเวลาได้เกือบ 10 วันที่มันหายไปเราก็ยังมีความหวังที่จะได้เจอกันอยู่โดยเราติดประกาศและจะมอบรางวัลให้กับใครก็ตามที่พาน้องหมากลับมาให้เราได้ ซึ่งมันก็ยังเงียบสนิทและไม่มีใครติดต่อมาได้จนเกือบเดือน จู่ๆก็มีคนไร้บ้านเข้ามาเคาะประตูหน้าบ้านเราและเมื่ออกไปดูเราก็พบกับเจ้า Meadow นั่งทำท่ายิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนซึ่งนั้นทำให้เราดีใจมาก และพอคิดได้เราก็กล่าวขอบคุณเค้าและไม่ลืมที่จะให้รางวัลตามที่ได้ประกาศไว้ แต่ชายคนนั้นที่ดูแล้วก็ไม่ค่อยจะมีตังค์ติดตัวสักเท่าไหร่กลับบอกว่า เค้าไม่ขอรับสิ่งตอบแทนเพราะสิ่งที่เค้าทำก็แค่พาหมาที่หลงทางกลับบ้านเท่านั้นเอง สุดท้ายเค้าก็ไม่ยอมรับรางวัลแต่เราก็อยากที่จะมอบให้เรื่องราวก็เลยไปจบลงที่เรานำรางวัลนั้นไปบริจาคที่ศูนย์รับดูแลสุนัขนั้นเอง ต้องขอบคุณชายคนนั้นจากใจจริงและชื่นชมเค้าอย่างมากเลยกับความคิดที่ว่า “การได้ช่วยเหลือกันมันก็ทำให้เราได้รับความสุขแล้ว รางวัลอื่นๆ ก็ไม่จำเป็นหรอก”

ความภูมิใจ

พ่อของเรามีอาการบาดเจ็บบริเวณขาเนื่องจากเค้าวิ่งไปช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ในรถที่กำลังประสบเหตุอยู่ ซึ่งนั้นทำให้ข้อเท้าพลิกและต้องรักษาอยู่นาน แต่พ่อกลับภูมิใจที่ได้ทำในสิ่งนี้เพราะหากว่าเค้าไม่วิ่งไปอย่างนั้น คนที่อยู่บนรถก็อาจจะไม่ได้ใช้เวลาต่อบนโลกนี้แล้วก็เป็นไปได้

มือที่อุ่นที่สุด

ครั้งหนึ่งในตอนช่วงฤดูหนาวเราได้ไปเที่ยวภูเขาและพักในโรงแรมเพื่อฝึกการเล่นสกี้ แต่มันกลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่หวังเพราะตอนที่เราออกไปเล่นกับกลุ่มผู้ฝึกสอน กลายเป็นว่าเราหลงออกจากกลุ่มและเราคิดว่าเราหลงทางอยู่ทามกลางกองหิมะที่หนาวเย็น มองไปทางไหนก็มีแต่หิมะสีขาวเต็มไปหมด จนเรากังวลมากมากแต่จู่ๆ ก็มีพี่สาวคนหนึ่งเดินออกมาและตรงเข้ามากอดเราพร้อมกับบอกว่า ให้เราไม่ต้องตกใจ อันที่จริงเธอกำลังเล่นสกี้อยู่สูงขึ้นไปและบังเอิญสังเกตุเห็นว่าเราเดินพลัดจากกลุ่มเธอก็เลยรีบเล่นสกี้ลงมาเพื่อมาหาเราและพาเราเดินกลับไปยังที่่กลุ่มนั้นเอง ถึงจะเป็นเวลาไม่นานที่เราเดินออกไปและมันก็ไม่ไกลจากกลุ่มเพื่อนเพื่อนสักเท่าไหร่ แต่เราก็อยากจะบอกว่าตอนนั้นถ้าไม่ได้พี่สาวคนนั้นเข้ามาและช่วยเราไว้เราก็อาจจะเดินออกไปไกลและหลงออกไปจนอาจจะหาทางกลับมาไม่ได้ก็เป็นได้ ต้องขอบคุณมือที่อบอุ่นคู่นั้นจริงๆ ที่ยื่นมาช่วยเหลือเราเอาไว้

ยินดีที่ได้รู้จัก
© depositphotos.com
ช่วงสินเดือนเป็นเวลาที่เราต้องออกไปช้อปปิ้งอาหารและของจำเป็นในบ้านของเราซึ่งบางครั้งเงินหมุนของเราก็ไม่พอ แต่พวกเราก็ผ่านมันมาได้ด้วยดีเสมอมา แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งพวกเราเงินหมดและจำเป็นที่จะต้องซื้ออาหารเพื่อที่จะมาใช้ทานในอีก 7 วันก่อนที่เงินเดือนจะออกซึ่งปกติบัตรของเราก็จะช่วยเราไว้แบบนี้เสมอ แต่ครั้งนั้นกลายเป็นว่าระบบของการใช้บัตรเกิดใช้งานไม่ได้และต้องรออีกหลายชั่วโมงกว่าที่จะกลับมาให้งานได้ ซึ่งเราทำอะไรไม่ถูกเลยเพราะเรายืนอยู่ในจุดคิดเงินและก็จำเป็นที่จะต้องใช้อาหารเหล่านี้ซะด้วย แต่ในระหว่างที่เราคุยกันอยู่ก็มีคุณผู้หญิงท่านหนึ่งที่ต่อแถวอยู่เสนอที่จะจ่ายค่าสินค้าแทนเรา ซึ่งเราก็ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนและเมื่อเราเดินเข้าไปคุยเพื่อที่จะขอที่อยู่ไว้เมื่อถึงต้นเดือนเราจะได้ส่งคืนเงินนั้นให้เธอ แต่เธอกลับยิ้มแล้วบอกเราว่า “ถือว่านั้นคือของขวัญสำหรับการพบกันครั้งแรกของเราทั้งคู่ และหวังว่าเราจะส่งต่อของขวัญเหล่านี้ให้กับเพื่อนใหม่ๆของเราเช่นเดียวกัน ”

เครื่องดื่มที่ทำให้เราอบอุ่นใจ

© Depositphotos.com
วันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนตอนที่เรายังเป็นเด็กและยังอาศัยอยู่กับครอบครัวที่มีทั้งพ่อแม่ของเรา ช่วงนั้นพ่อและแม่ต้องทำงานนอกบ้านจนดึกอยู่เสมอ และเราก็อยู่กันตามลำพังกับพี่สาวซึ่งมันก็ทำให้เราเหงาๆนิดหน่อยเพราะบางครั้งเราก็ต้องการการกอดและอยากให้พ่อแม่ส่งเราเข้านอนบ้าง แต่แล้วคืนหนึ่งที่เรานั่งมองออกไปนอกหน้าต่างรอให้พ่อแม่กลับมาบ้าน พี่สาวข้างบ้านน่าจะสังเกตุเห็นเข้า เธอเดินมาเคาะประตูหน้าบ้านและเมื่อเราออกไปดูเธอก็กล่าวทักทายเราพร้อมกับยื่นขวดมาให้เราและบอกว่า “พี่ลองทำช็อคโกแลตทานและอยากจะให้เราลองชิมสักหน่อย” เรารับมาและกลับมานั่งทานด้วยความอุ่นของช็อคโกแลตขวดนั้นมันทำให้เรารู้สึกดีในวันที่อากาศหนาวและเหมือนกับได้รับการกอดจากใครสักคน และหลังจากคืนนั้นพี่สาวข้างบ้านก็มักจะนำขนมมาฝากเราเสมอ มันช่วยทำให้เรารู้สึกดีดีมากมากและพอย้อนคิดถึงช่วงเวลานั้นก็ทำให้เรามีความสุขเสมอ

เพื่อนแม่
© Depositphotos.com
ตอนที่เราอายุได้ 14 ปี ซึ่งก็โตพอที่จะดูแลตัวเองอย่างเช่นการเดินทางไปกลับจากโรงเรียนด้วยตัวเองได้แล้ว วันหนึ่งระหว่างที่เรากำลังเดินจากป้ายจอดรถประจำทางเพื่อกลับบ้าน ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามากอดฉัน และถามว่า แม่เป็นยังไงบ้าง (ซึ่งเราไม่รู้จัดเธอ) แต่เธอก็กระซิบเบาๆ ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งเดินตามฉันอยู่ ซึ่งเธอสังเกตุเห็นเลยตามมาดูให้แน่ใจ และเมื่อมั่นใจว่าชายคนนั้นเดินจากไปแล้วเธอก็เดินไปส่งฉันจนถึงบ้านต้องขอบคุณพี่สาวท่านนั้นจริง ๆ

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน