สถานการณ์ที่คุณอาจจะถูกอารวมณ์ควบคุมการตัดสินใจและวิธีง่ายๆในถอนตัวออกมา

บางครั้งเมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับผู้คนและเรื่องราวต่างๆ ในแต่ละวันนั้นบางครั้งเราก็ตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่างลงไปโดยที่เราเองก็ไม่ได้อยากทำนั้นเพราะเราอาจจะกำลังถูกการใช้คำพูดหรือสถานการณ์เพื่อทำให้เราเกิดการตัดสินใจตกลงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราก็เป็นได้ อย่างเช่นเวลาที่เราไปเดินเล่นแล้วปรากฏว่าพนักงานขายกำลังพยายามที่จะนำเสนอของเล็กๆน้อยๆบางอย่างซึ่งเราอาจจะไม่ได้ต้องการแต่เพียงไม่นานเมื่อกลับมาถึงบ้านเรากลับกลายเป็นว่า เราถือเจ้าสิ่งนั้นกลับมาบ้านด้วยซะแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนมีเหตุและผลของมันเพราะในสถานการณ์ที่เราถูกแวดล้อมและสร้างขึ้นในช่วงขณะนั้นมันพาให้เราหลงไหลไปกับคำพูดและการกระทำของอีกฝ่ายและสุดท้ายก็ตกลงทำตามในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการโดยไม่รู้ตัวนั้นเอง

วันนี้พวกเราเพลินเพลินเองก็เลยอาจจะรวบรวมเอาเรื่องราวและขั้นตอนง่ายๆในการหลีเลี่ยงเรื่องราวที่เราไม่อยากทำเหล่านั้นมาให้เพื่อนเพื่อนได้ลองอ่านและทำความเข้าใจกันดูสักหน่อยนะ ลองไปอ่านกันเลยดีกว่า

อันที่จริงแล้วพวกเราก็คงมีเรื่องที่ไม่อยากทำแต่บางครั้งมันก็ยากที่จะปฏิเสธดังนั้นลองใช้วิธีนี้ในการบอกปัดเรื่องเหล่านั้นดูสิ
แน่นอนว่าเมื่อมีใครบางคนขอให้ช่วยถึงแม้มันจะเป็นเรื่องราวเล็กน้อยแต่บางครั้งเราเองก็ไม่อยากทำซึ่งมันจะกลายเป็นว่า พวกเราก็รับปากไปโดยไม่ได้สนใจเรื่องราวหรือข้อตกลงเหล่านั้น และท้ายที่สุดหลายคนก็จะมองหาข้ออ้างต่าง ๆ เพื่อจะบอกปัดหรือพยายามไม่ทำตามเรื่องราวที่ได้ตกลงไว้ซึ่งนั้นก็ทำให้เราเองนั้นแหละที่กลายเป็นคนที่ดูไม่ดีเอาซะเลย แทนที่เราจะทำแบบนั้นการบอกปัดไปตั้งแต่แรกเลยมันจะเป็นการดีซะกว่าเพราะถึงอย่างไรผลลัพท์ต่าง ๆ ก็จะออกมาในรูปแบบนั้นอยู่แล้ว โดยเพื่อนเพื่อนสามารถบอกให้อีกฝ่ายไปตรงๆด้วยการกล่าวอย่างสุภาพว่าไม่สะดวกที่จะทำสิ่งเหล่านั้นก็เท่านั้นเอง ไม่ต้องไปหาข้ออ้างหรือโยงไปถึงคนอื่น ๆเพราะนั้นจะยิ่งทำให้เรื่องราวซับซ้อนมากขึ้นไปอีก

คนที่ชอบบงการผู้อื่นๆ ย่อมจะมองหาคนที่ดูอ่อนแอกว่าเพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากคนเหล่านั้น
เป็นเรื่องปกติที่คนที่ดูอ่อนแอหรือหัวอ่อนมักจะถูกชักจูงได้ง่ายมักจะตกเป็นตัวเลือกของคนที่ชอบบงการคนอื่นๆอยู่เสมอนั้นเอง และการพูดเพื่อลดทอนกำลังใจของคนเหล่านั้นด้วยการสรรหาเหตุและผลมาสนับสนุนเพื่อทำให้อีกฝ่ายขาดความมั่นใจก็จะทำให้เค้าสามารถชักชวนหรือบงการการกระทำของคนเหล่านั้นได้อย่างง่ายได้ ดังนั้นเพื่อจัดการกับสิ่งนี้ เป็นการดีที่สุดที่จะไม่เข้าสู่เกมของพวกเขา เมื่อเราต้องรับมือกับคนแบบนี้จำไว้ว่าการกระทำและคำพูดของพวกเขานั้นมีจุดหมายเพื่อลดทอนกำลังใจของเรา ดังนั้นอย่าไปให้ค่ากับคำพูดเหล่านั้นโดยคุณอาจจะฟังเพื่อเอามาปรับปรุงแต่ไม่ได้ฟังเพื่อที่จะทำตามคำแนะนำเหล่านั้น ใช้คำบอกเล่าที่เป็นเรื่องที่ผิดพลาดของเราเหล่านั้นมาเป็นโจทย์ในการหาทางป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกหรือมองหาคำตอบหรือตัวช่วยในการแก้ไขสิ่งเหล่านั้นให้ดีขึ้น นี้แหละคือสิ่งที่คุณควรทำ

การใช้คำพูดที่ดูดีหรือเน้นไปที่ผลประโยชน์ที่เราอาจจะกำลังเสียไปนั้น ก็เพียงเพื่อให้เราตัดสินใจทำหรือซื้อสิ่งที่พวกเค้านำเสนอให้เร็วที่สุดเท่านั้นเอง
บ่อยครั้งที่เราอาจจะได้ยินคำบอกกล่าวต่าง ๆ เกี่ยวกับประโยชน์ที่เราจะได้รับหรือสิ่งของที่อยู่ตรงหน้าเรานั้นเป็นสิ่งของที่ถูกเตรียมมาเพื่อนคนพิเศษหรือโอกาศพิเศษเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นกลยุทธ์ของการขายสินค้าแบบง่าย ๆ เพื่อเร่งให้เราตัดสินใจซื้อสิ่งเหล่านั้นก็เท่านั้นเอง ซึ่งมันจะยิ่งง่ายขึ้นถ้าคุณไม่เคยมีข้อมูลของสิ่งเหล่านี้มาก่อน เพราะคุณจะไม่ทราบถึงราคาที่แท้จริงของสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของคุณนั้นเอง โดยคำพูดที่มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาใช้นั้นมักจะบอกว่าเสียดายที่จะพลาดโอกาสแบบนี้หรือ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำขึ้นมาบ่อยและมีจำนวนจำกัดเท่านั้น ยิ่งสิทธิ์ที่เป็นจำนวนจำกัดน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เราพลาดเร่งตัดสินใจเท่านั้นเอง ดังนั้นเมื่อคุณถูกผลักดันให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง คุณสามารถปฏิบัติดังนี้ เช่น ทำตัวให้ห่างออกจากคนๆ นั้น พยายามซื้อเวลา และปรึกษาทางเลือกอื่นๆ รวมถึงการขอความคิดเห็นอื่น การตัดสินใจที่สำคัญต้องใช้เวลาและควรทำเมื่อคุณรู้สึกเย็น สงบ และมีสมาธิ

การใช้คำพูดชื่นชมและเยินยอคุณจนมากเกินไปทั้งที่เราเพิ่งจะพบกัน

ต้องบอกว่าวิธีการนี้มันได้ผลมากเพราะการพยายามทำให้คนเรารู้สึกว่าเป็นคนพิเศษ หรือดูดีในสายตาของเค้านั้นแน่นอนว่ามันเป็นขั้นตอนการเปิดใจของเราแบบง่ายที่จะทำให้เราคล้อยตามการกระทำและคำพูดของอีกฝ่าย ซึ่งเมื่อเราได้เจอกับคนที่ทำสิ่งเหล่านี้สิ่งที่เค้าต้องการจากเรานั้นก็คือเรื่องราวที่เรามีอยู่หรือข้อมูลบางอย่างที่เรากำลังถือไว้นั้นเอง ดังนั้นอย่าไปหลงฟังคำพูดเหล่านั้นโดยไม่ได้สนใจอยู่กับเนื้อหาของคำถามอื่นๆ นั้นคือสิ่งที่เราควรทำเพียงแค่เราตั้งอยู่ในสติคิดให้ดีดีก่อนจะตอบคำถามหรือเผยข้อมูลบางอย่างก็เท่านั้นเอง

การทำให้ตัวเองดูอ่อนแอเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เค้าต้องการ
เราเจอคนที่ใช้ความได้เปรียบจากความดูดีหรือฉลาดมากกว่าคนอื่นๆในการชักจูงกันมาแล้ว แต่บางครั้งการที่ทำตัวอ่อนแอหรือทำเป็นไม่รู้เรื่องราวต่าง ๆ ก็สามารถเรียกคะแนนความเห็นใจหรือความน่าสงสารได้ไม่แพ้กันหรอกนะโดยปกติพวกเขาจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าและความรับผิดชอบโดยตรงด้วยการตำหนิผู้อื่นสำหรับทุกสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับพวกเขา พวกเขามักจะพูดว่าการมองโลกในแง่ร้ายมาจากคนอื่นที่กดดันพวกเขา แท้จริงแล้วนี่คือการจัดการประเภทหนึ่ง อย่างไรก็ตามมันก็สามารถเกิดขึ้นได้อัตโนมัติเพื่อรับมือกับอาการกลัวหรือวิตกกังวลที่เฉพาะเจาะจง

หากเพื่อนเพื่อนมั่นใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเราคือคนแบบนี้แล้วละก็ เราขอแนะนำว่าอย่าตัดสินหรือวิพากษ์วิจารณ์พวกเขาหรือพูดสนับสนุนแต่อนย่างใด แต่สิ่งที่เราควรทำคือพยายามให้เค้ารวมลงมือทำในสิ่งที่เค้าพยายามขอให้เราทำนั้นเอง

การพยายามทำให้ผู้คนรู้สึกเสียใจด้วยการแสดงความกังวล

อีกหนึ่งในความพยายามที่จะควบคุมหรือโน้มน้าวการตัดสินใจของใครบางคน ผู้บงการอาจทำให้บุคคลนั้นรู้สึกผิดด้วยการแสดงความคิดหรือข้อกังวลของตน นอกจากนี้ พวกเขาอาจตอบโต้อย่างรุนแรงหรือพยายามสร้างสถานการณ์ที่สับสนเพื่อเริ่มการโต้เถียงและใช้ประโยชน์จากการอธิบายทั้งหมด

การแสดงความเป็นตัวเอง ความกล้าหาญ ความละอาย ไม่ควรเป็นข้ออ้างในการจำกัดการสื่อสารกับผู้อื่น ในทางตรงกันข้าม มันเป็นเรื่องของการยืนยันความรู้สึกและค่านิยมของตนเองเพื่อให้แน่ใจว่าผู้บงการจะไม่ทำให้คุณและเพื่อนหรือครอบครัวของคุณสับสนกับสิ่งที่ไม่สำคัญหรือไม่จริง

บางคนใช้ประโยชน์ความสนิททำให้รู้ว่าเรามักจะใจอ่อนเมื่อแสดงท่าทางหรือพูดถึงเรื่องราวแบบไหน
คนที่ใช้เวลากับเรามากที่สุดคือคนที่รู้จักจุดอ่อนของเราได้ดีที่สุด นี่เป็นเหตุผลสิ่งที่เรามักไม่นึกถึงก็คือพวกเขาสามารถใช้ความรู้นี้เพื่อทำร้ายหรือจัดการเราได้หากต้องการ ตัวอย่างเช่น พวกเขาสามารถเน้นย้ำถึงช่องโหว่ของเราที่ทำให้เราผิดหวัง พวกเขาอาจพยายามใช้ความรู้สึกของเรากับเราและทำให้เรารู้สึกผิดเกี่ยวกับอารมณ์ที่เรากำลังประสบในขณะนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอารมณ์นั้นรุนแรงมาก

ในกรณีเหล่านี้ มันอาจจะคุ้มค่าที่จะไม่พยายามเอาชนะพวกเขา และไม่เข้าสู่เกมที่พวกเขาพยายามจะให้เราเข้าไปมีส่วนร่วม ในทางกลับกัน มันอาจจะดีกว่าที่จะตระหนักถึงคำตอบที่คุณต้องการให้ และอาจขอโทษหากจำเป็น ในขณะเดียวกันก็กำหนดขอบเขต โปรดจำไว้ว่าสุขภาพทางอารมณ์ของคุณเป็นสิ่งสำคัญ และการพบผู้เชี่ยวชาญเป็นหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาที่สามารถยุติพฤติกรรมประเภทนี้ได้

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน