เรื่องของร่างกายของตัวเราเองนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่เราควรจะต้องใส่ใจดูแลอยู่ตลอดเวลาเพราะถ้าจะให้เปรียบเทียบแล้วละก็ตัวของเรานั้นก็ไม่ต่างอะไรเลยกับเครื่องมือที่มีความจำเป็นต้องใช้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งมันก็เหมือนกับเครื่องมือหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ทั่วไป โดยเราอยากจะขอเปรียบเทียบกับรถยนต์เพื่อให้เพื่อนเพื่อนได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น โดยตัวรถยนต์ก็เหมือนร่างกายของเราและอาหารที่เราทานเข้าไปก็คือแหล่งพลังที่ทำให้รถวิ่งไปได้ แต่รถยนต์ก็มีอะไหล่ต่าง ๆ ที่สึกหรอไปตามการใช้งานซึ่งเราก็ต้องเปรียบหรือซ่อมแซ่มสิ่งเหล่านั้นและการขยับออกกำลังกายส่วนต่าง ๆ ของเราก็จะทำให้ร่างกายของเราพร้อมที่จะออกเดินทางเหมือนกันตลอดเวลา
และนอกจากอาหารดีดีและการออกกำลังกายสม่ำเสมอแล้วนั้นอักสิ่งหนึ่งที่จำเป็นนั้นก็คือเรื่องของการดูแลจิตใจและอารมณ์ของเรานั้นเอง เพราะถึงแม้ร่างกายของเราจะพร้อมขนาดไหนก็ตามแต่จิตใจของเรากลับอ่อนแอแล้วละก็พวกเราก็คงจะออกไปเผชิญกับปัญหาและสิ่งต่าง ๆ ที่จะเข้ามาหาเราไม่ไหวอย่างแน่นอน วันนี้พวกเราชาวสัพเพเหระก็เลยเอาเรื่องราวการดูแลจิตใจมาฝากให้เพื่อนเพื่อนได้อ่านกันยังไงละ
หากเพื่อนเพื่อนเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่าจิตเป็นนายกายเป็นบ่าวแล้วละก็ คุณก็น่าจะเข้าใจว่าทั้งสองส่วนนี้ย่อมต้องมีความสัมพันธกันอย่างแน่นอน และวันนี้เราก็จะเอาเรื่องราวความเกี่ยวข้องของสองสิ่งนี้มาให้เพื่อนเพื่อนได้ลองอ่านและรับรู้ไปด้วยกัน
สิ่งแรกที่อยากจะบอกเลยนนั้นก็คือเจ้า “สัมภาระทางอารมณ์” หรืออีกนัยหนึ่งนั้นก็คือสิ่งที่คุณเก็บเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกผิดความกังวลเป็นต้น
ซึ่งเราได้ข้อมูลจากผู้ชำนาญการท่านหนึ่งโดยท่านบอกกับเราว่าอารมณ์และความรู้สึกที่ถูกกักขังหรือเก็บเอาไว้ในตัวเรานั้น มันสามารถส่งผลต่อตัวเราได้ด้วยเพราะหากเราเปรียบอารมณ์และความรู้สึกเป็นเหมือนกับพลังงานและตัวเราก็เหมือนกันที่เก็บพลังงานแล้วละก็ สิ่งเหล่านั้นมันก็ต้องถูกใช้หรือปลดปล่อยออกไปไม่อย่างนั้นแล้วละก็ร่างกายของเราที่เป็นที่เก็บก็คงจะต้องเกินความจุเข้าให้สักวันหนึ่งนั้นเองโดยอาการที่บอกเราว่าเจ้าพลังงานไม่ดีเหล่านั้นมันเริ่มสะสมมากขึ้นจนเกินความจุที่เราจะรับได้แล้วนั้นมันก็จะแสดงออกมาทางหน้าตาและท่าทางของเรารวมไปถึงกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ นั้นเอง และวันนี้เราก็จะนำข้อมูลเหล่านั้นมาบอกกับเพื่อนเพื่อนกันเลยดีกว่า
ขอเริ่มต้นเบากันก่อนเลยดีกว่านะกับอารมณ์ที่ทำให้เรามีความสุขและอารมณ์ของคนที่กำลังอยู่ใรห่วงความรัก
ที่เราเริ่มจากทั้งสองอารณ์นี้ก่อนก็เพราะว่าเจ้าความตัวอารมณ์จากความรู้สึกสนุกสนานและความรักนั้นส่งผลคล้ายคลึ่งกันมากมากเลยนั้นก็คือจะทำให้ร่างกายของเรามีความตื่นตัวไปทุกส่วน เพียงแต่ว่าเจ้าความสนุกตื่นเต้นนั้นอาจจะส่งผลเกี่ยวกับอวัยวะภายในอย่างท้องและลำไส้มากสักหน่อยนั้นเองที่ทำให้เวลาที่เรารู้สึกสนุกมากมากก็มีอาการมวนท้องหรืออย่างจะเข้าห้องน้ำเป็นต้น
ซึ่งนั้นก็เป็นส่วนทำให้เกิดคำพูดฮิตในหนังหลายเรื่องเลยว่า “ฉันมีความสุขมากมาเหมือนมีผีเสื้อมากมายกำลังบินอยู่ข้างในตัวฉันเลย” และเวลาที่คนรู้สึกถึงความรักมักจะรู้สึกโล่งโปร่งสบายตัวโดยที่บางคนแทบจะลืมไปเลยว่าเรากำลังยืนอยู่เหมือนลอยได้นั้นเอง
เวลาที่เราโกรธหรือกำลังโมโหหัวใจของเราจำทำงานสูงขึ้น
ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะ ร่างกายกำลังรับรู้ถึงการเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้นั้นเองทำให้หัวใจที่เป็นเหมือนแหล่งผลิตพลังงานเกิดการทำงานเพิ่มขึ้นเพื่อส่งพลังไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายนั้นเองนั้นเองที่ทำให้เราเห็นอยู่บ่อยครั้งที่ในระหว่างที่พูดคุยกับอีกฝ่ายที่กำลังโกรธอยู่นั้นมักจะมีท่าทางที่แสดงออกถึงการแสดงพละกำลัง เพราะตอนนั้นกำลังต่าง ๆ ถูกสร้างและเพิ่มส่งไปยังร่างกายส่วนต่าง ๆนั้นเอง และดังนั้นหากคุณเก็บอารมณ์ไว้บ่อยโดยที่ไม่ได้ระบายออกแล้วละก็มันก็เลยมีผลต่อสุขภาพนั้นเอง
ซึ่งเราอยากให้เพื่อนๆได้ลองทำสิ่งเหล่านี้ในตอนหลังจากที่โกรธหรือโมโหใครมา และสิ่งนั้นก็คือการออกกำลังกายที่ต้องขยับร่างกายส่วนบนเช่นมวย หรืออาจจะเป็นเทนนิสหรือแบดมินตันก็ได้ เพราะการได้ขยับแขนจะทำให้พลังงานลบที่เกิดขึ้นนั้นถูกส่งออกไปหรือใช้ไปกับการออกกำลังเหล่านั้นนั้นเอง
เวลาที่เราเกิดความกลัวหรืออาจจะกำลังพบเจอกับสิ่งที่ไม่ชอบสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ต้องบอกว่าการแสดงออกของร่างกายเมื่อรับรู้ถึงสัญญาณความกลัว หรือไม่ชอบแล้วละก็ร่างกายของเราจะตอบสนองด้วยการเพิ่มการเต้นของหัวใจนั้นเอง เพราะในเวลานั้นร่างกายกำลังถูกทำให้รับรู้ว่าจะต้องไปให้ห่างจากที่ที่เราอยู่ตรงนั้นจึงได้เพิ่มการทำงานและส่งมันไปยังร่างกายส่วนต่าง ๆ
ซึ่งหากเพื่อนเพื่อนไม่ได้ระบายออกแล้วละก็คงจะรู้สึกเกร็งตึงตามร่างกายส่วนต่างๆ นั้นเอง และทางออกที่เราอยากจะแนะนำให้เพื่อนเพื่อนลองทำนั้นก็คือการเดินเร็วๆ หรือการวิ่งเหยาะๆสัก 10 หรือ 15 นาทีเพื่อกระจายพลังงานที่ถูกสิ่งออกมานั้นเอง
ความเศร้าจะทำให้เรารู้สึกหนักที่ศีรษะและบริเวณหน้าoก และเจ้าความหดหู่ก็จะทำให้เราเหมือนถูกยีดจับทั้งร่างกาย
ดังนั้นเราจึงเห็นว่าหลายหลายคนที่มีเรื่องเศร้าเข้ามาจะกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยอยากจะเคลื่อนไหวร่างกายเลย และก็มีความรู้สึกปวดหัวอยู่เป็นระยะ ซึ่งคำแนะนำที่เราอยากให้เพื่อนเพื่อนได้ลองทำเมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องเศร้าที่เราไม่อยากเจอนั้นก็คือลองออกกำลังกายเบาๆอย่างการเดินช้าไม่ต้องรีบร้อน และการอาบน้ำและแชร่น้ำอุ่นก็สามารถช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นได้
ความอิจฉาจะทำให้คุณเวียนศรีษะและอ่อนล้า
เพราะเวลาที่เราเกิดความรู้สึกแบบนี้แล้วนั้นมันจะทำให้คุณครุ่นคิดและทำให้ดึงพลังงานไปใช้ในการคิดนั้นเองซึ่งหากเกิดขึ้นในตอนกลางวันก็จะทำให้คุณมีอาการมึนๆได้ แต่หากเป็นตอนกลางคืนละก็มันจะทำให้เพื่อนเพื่อนนอนไม่หลับทั้งๆที่ง่วงเต็มที่แล้วก็ตาม
มาลองฟังวิธีและขั้นตอนในการปลดอารมณ์และพลังงานลบออกจากร่างกายกันดีกว่า
การได้พูดคุยกับใครสักคนถือว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เราได้ระบายออกได้อย่างง่ายและรวดเร็วที่สุดวิธีหนึ่งเลยก็ว่าได้ ดังนั้นหากคุณไม่มีเพื่อนหรือไม่มีใครที่พอจะให้พูดคุยได้ละก็เราอยากจะให้เพื่อนเพื่อนลองหาผู้เชี่ยวชาญในการระบายออกมาพูดคุยกันสักหน่อยก็จะดีมากเลย
ขั้นตอนที่สองที่หลายคนละเลย นั้นก็คือการออกกำลังกายเบาๆ ให้มากขึ้นอย่างน้อยก็สองวันครั้งก็จะเป็นการปลดพลังงานที่ค้างอยู่ลงไปได้ไม่มากก็น้อยนั้นเอง
การนวดหรือสปาก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ช่วยทำให้ร่างกายของคุณรู้สึกสบายขึ้นได้อย่างง่าย ๆ เลย
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน