5 เรื่องกับการเดินทางบนเครื่องบินที่หลายคนสงสัย

ในแต่ละบ้านก็มีรูปแบบและระเบียบแตกต่างกันไปและในแต่ละสถานทีก็เช่นกันเพราะอะไรนะเหรอคำตอบก็คือ มันมีไว้กันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นนะสิซึ่งบางอย่างหรือบางข้อกำหนดพวกเราได้เจอและได้เห็นก็อาจจะต้องสงสัยว่า เค้าจะตั้งมันออกมาทำไมเพราะบางเรื่องมันก็เป็นเรื่องทั่วๆไปที่ทุกคนควรรู้และควรทำ แต่นั้นแหละไอ้สิ่งที่เราคิดไปเองว่าทุกคนควรรู้และควรทำนั้นแหละแต่ที่เอามาออกกฏก็เพราะว่ามันเคยมีคนหรือเคยมีการทำพลาดมาแล้วยังไงละมันถึงต้องเรามาบอกกันไว้เพราะในท้ายที่สุดจะได้ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องราวที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นเหล่านั้นซ้ำขึ้นมาอีก ถึงแม้ว่าพวกเราทุกคนจะรู้และพยายามปฏิบัติตามกฎหรือมารยาทที่ควรทำอย่างดีแล้วก็ตามแต่บางอย่างกับบางสถานที่ก็มีข้อกำหนดที่เรายังไม่รู้อีกมากมาย และวันนี้พวกเราที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวด้วยเครื่องบินมานานแล้วและยังคงคิดถึงการเดินทางเหล่านั้นอยู่แต่ก็ยังไม่พร้อมที่จะไปก็เลยคิดถึงบรรยากาศเหล่านั้นจึงได้ลองทำบทความที่บอกถึงเรื่องราวของข้อกำหนดหรือสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่ควรทำตอนที่เราอยู่บนเครื่องบินเพื่อให้หายคิดถึงบรรยากาศการบินกันดีกว่า อย่างเช่น การที่เราจะต้องดูแลเรื่องกลิ่นไม่พึ่งประสงค์จากของใช้ส่วนตัวอย่างรองเท้าของเป็นต้น ซึ่งอันที่จริงแล้วมันมีอยู่มากมายหลายข้อเลยเป็นทั้งเรื่องที่เราหรือใครๆก็ทราบหรือบางเรื่องก็ต้องไปอ่านหรือเคยพลาดทำมาแล้วจึงจะทราบว่ามันทำไม่ได้ก็มีนะ

ซึ่งถึงแม้ว่าคุณจะทำพลาดไปตอนที่อยู่บนเครื่องแต่เหล่าพนังงานต้อนรับที่ค่อยดูแลเราอยู่ก็จะไม่ดุหรือว่ากล่าวเราตรงหรอกนะด้วยความที่ว่าพวกเค้าถูกฝึกฝนเพื่อมารับมือกับเรื่องราวเหล่านี้ด้วยนั้นเองซึ่งก็ต้องขอยกนิ้วชื่นชมบุคคลเหล่านั้นจริงๆ มาเริ่มกันเลยดีกว่าเนอะ

กับเรื่องแรกที่เราอาจจะเคยเจอเมื่อต้องนั่งติดกระจก
© unknown/ imgur
นั้นก็คือตอนที่คุณได้นั่งริมหน้าต่างนอกจากวิวทิวทศน์ที่คุณจะได้เห็นแล้ว คุณยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ตามมาด้วยนั้นก็คือคุณจะถูกขอให้ช่วยเปิดหน้าต่างไว้ทุกครั้งก่อนเครื่องขึ้นหรือก่อนเครื่องจะลงจอดนั้นเอง แล้วเพื่อนเพื่อนเคยสงสัยกันบ้างไหมละว่าทำไมเราจะต้องเปิดที่บังกระจกขึ้นด้วยทั้งที่เราก็ไม่ได้มีลมเข้ามาซะหน่อย หรือแสงข้างนอกก็คงไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่หรอกจริงไหม ซึ่งอันการที่ต้องลดกระจกเพื่อให้เราสามารถมองเห็นสภาพภายนอกของเครื่องบินได้นั้นเองเนื่องจากเครื่องบินมันลำใหญ่มากมากและไม่ได้มีกระจกมองหลังหรือมองข้างให้คนขับได้เห็นทุกอย่างเหมือนตอนขับรถยนต์ดังนั้น ก่อนขึ้นบินหรือก่อนลงจอดเหล่าผู้โดยสารที่อยู่ริมหน้าต่างนั้นเองที่จะเป็นเหมือนผู้ช่วยที่ได้มองเห็นสภาพด้านนอกและอาจจะช่วยบอกได้ว่ามีอะไรที่ผิดปรกติหรือเปล่า ซึ่งก็มีบ่อยครั้งที่ผู้โดยสารพบและแจ้งให้มีการตรวจสอบซึ่งก็ทำให้การบินปลอดภัยขึ้นไปอีก

อย่างที่สองก็คือการนั่งเอนเก้าอี้ไปที่ด้านหลังนั้นเองถึงแม้ว่าการปรับเอนจะเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถทำได้เองเพราะมันเป็นเรื่องปรกติของที่นั่งบนเครื่องบินแต่เราเพื่อความเป็นมารยาทเราก็ควรจะเกรงใจและมองด้านหลังก่อนที่จะปรับเอนทุกครั้งเพราะอย่างน้อยคนข้างหลังก็อาจจะกำลังวางของหรือเก็บของหรืออาจจะกำลังก้มอยู่ซึ่งหากบังเอิญเป็นเช่นนั้นการปรับเบาะของเราก็อาจจะไปทำให้เกิดความไม่สะดวกแก่ผู้โดยสารด้านหลังนั้นเอง
© Depositphotos.com
การเรียกพนังงานต้อนรับบนเครื่องบินนั้นมีปุ่มเรียกอยู่ที่บริเวณด้านบนโดยคุณสามารถกดเรียกได้เวลาที่คุณต้องการ และถึงแม้ว่าเหล่าพนักงานต้อนรับจะเดินไปมาอยู่บริเวณนั้นเราเองก็ควรสังเกตุให้มั่นใจก่อนว่าเค้าสะดวกพอที่จะช่วยเหลือเราและพยายามอย่าแตะตัวพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินโดยตรง เพราะเหมือนเป็นการบุกรุกพื้นที่ส่วนตัว เนื่องจากพวกเขาจะมีงานยุ่งมากในช่วงที่ต้องเสริฟอาหาร หากเป็นไปได้ก็ควรเลี่ยงช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อให้เค้าทำงานเฉพาะหน้าให้เรียบร้อยก่อน โดยนอกเวลานั้นคุณเพียงกดปุ่มและรอให้พนักงานเดินมาเท่านั้นเอง

เมื่อเข้าห้องน้ำ
© Depositphotos.com
อย่างแรกเลยเวลาที่คุณเข้าห้องน้ำและทำธุระเรียบร้อยแล้วให้ทิ้งกระดาษหรืออะไรก็แล้วแต่ลงในถังขยะหรือช่องเก็บขยะที่อยู่ข้างๆ อย่าทิ้งลงไปในชักโครกเพราะมันไม่มีระบบการจัดการเหมือนที่บ่อยของเราซึ่งการทิ้งสิ่งต่างๆ ลงไปอาจจะทำให้มันอุดตันได้ และอย่างที่สองก่อนจะกดล้างทำความสะอาดให้ลงขึ้นยืนและปิดฝาให้เรียบร้อยก่อนกดน้ำเพราะระบบแรงดันมันมีโอกาสสูงที่จะทำให้น้ำกระเด็นขึ้นมาได้นั้นเอง

สัตว์เลี้ยงบนเครื่องบิน
© Josh_Benson_Acct427 / Reddit
หลายครั้งที่เราไปเที่ยวแล้วต้องปล่อยให้น้องน้องอยู่บ้านแบบเหงาๆเพราะการเราต้องเดินทางบนเครื่องบินนั้นเอง ซึ่งอันที่จริงแล้วเราสามารถพาน้องน้องขึ้นเครื่องได้หลายแบบ อย่างแรกเลยคือนำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องแบบ Check Baggage (AVIH) ก็คือการโหลดใต้เครื่องไปนั้นแหละแต่ทางเครื่องบินจะมีบริเวณพิเศษที่ดูแลเครื่องอุณหภูมิแบบพิเศษ อย่างที่สองคือ นำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องแบบ บรรจุภัณฑ์ (ULP) คือการส่งน้องแบบเที่ยวบินที่เราไม่ได้ไปด้วยนั้นแหละ และแบบสุดท้ายก็คือ นำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องแบบ PETC (PET in Cabin) โดยแบบนี้ต้องสอบถามล่วงหน้าทุกครั้งและต้องเตรียมเอกสารต่างๆตามที่สายการบินกำหนดและต้องมีการรับรองว่าน้องน้องของเรานั้นจะต้องถูกฝึกและสามารถอยู่นิ่งๆ โดยที่ไม่รบกวนผู้โดยสารท่านอื่นด้วยและหากคุณไม่สามารถดูแลน้องน้องได้ก่อนออกเดินทางคุณและน้องอาจจะได้รับเชิญให้ลงจากเครื่องได้เพื่อป้องกันการรบกวนผู้โดยสารท่านอื่นๆนั้นเอง ดังนั้นถ้าจะเลือกเดินทางด้วยเครื่องบินแล้วอยากพาน้องน้องไปด้วยก็ต้องลองดูว่าแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับน้องหมาน้องแมวของเรานะ

คุณสามารถจัดรายการอาหารของคุณก่อนที่จะขึ้นเครื่องได้
© Michael Saechang / flickr
สำหรับเพื่อนเพื่อนที่มีข้อจำกัดทางด้านการท่านอาหารแล้วละก็เราขอแนะนำว่าเพื่อการเดินทางที่สมบูรณ์แบบของการเดินทางเพื่อนเพื่อนสามารถสั่งอาหารตามที่ต้องการก่อนโดยทางโทรศัพท์หรือตอนนี้บางแห่งสามารถทำผ่านแอปต่างๆ บนมือถือหรือผ่านคอมพิวเตอร์ได้เลยและหากคุณไม่พอใจอาหารที่มีให้เลือกแต่ต้องการจะจัดหาอาหารขึ้นไปเองโดยคุณสามารถมองหามันได้จากร้านอาหารในบริเวณที่รอขึ้นเครื่องโดยคุณจะต้องจำกฏง่ายๆไว้ดังนี้สิ่งแรกเลยคือมันต้องไม่มีกลิ่นแรง อย่างที่สองคือคุณต้องสามารถทานมันได้เลยโดยไม่ต้องปรุงหรืออุ่นร้อนเพราะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะขอให้พนักงานไปอุ่นอาหารที่คุณถือขึ้นเครื่องมาเองและสุดท้ายก็คือให้เลือกอาหารที่คุณทานแล้วจะไม่มีปัญหาเรื่องการเข้าห้องน้ำเพราะมันอาจจะทำให้คุณเดินทางแบบไม่ค่อยสนุกสักเท่าไหร่ถ้าต้องค่อยลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อยๆนั้นเอง

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน