20 ความลับที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับสนามบิน

ในฐานะผู้โดยสารเราล้วนต้องการให้เที่ยวบินออกตรงเวลา และจัดส่งกระเป๋าสัมภาระของพวกเราอย่างปลอดภัย พนักงานสนามบินที่มีหน้าที่ต้องเช็คอินและการตรวจสอบความปลอดภัยตั้งแต่วินาทีที่คุณเข้าไปในอาคารสนามบิน จวบจนคุณลงจอดคุณจะได้รับการเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามขั้นตอนก่อนการบินทั้งหมดนี้ต้องดำเนินไปด้วยความรวดเร็วและปลอดภัยที่สุด

พวกเราฝันและเชื่อว่าในอีกสองสามทศวรรษข้างหน้า ขั้นตอนมากพิธีทั้งหมดในสนามบินจะหายไป เพราะการพัฒนาของเทคโนโลยีจะทำให้เราขึ้นเครื่องบินได้ทันที
ความปลอดภัย

© gettyimages
เครื่องสแกนความร้อนช่วยในการระบุผู้ที่มีอุณหภูมิร่างกายที่แตกต่างในกลุ่มคนได้

  • เครื่องสแกนความร้อนถูกใช้เพื่อติดตามอุณหภูมิร่างกายของผู้คนเพื่อไม่ให้ผู้ป่วยขึ้นเครื่องบิน ซึ่งการควบคุมนี้ใช้ในช่วงระหว่างการระบาดของไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากอุปกรณ์สามารถวัดอุณหภูมิของใครบางคนจากระยะทาง 10 เมตรภายด้วยความแม่นยำ 0.1 องศา
  • ในสนามบินบางแห่งมี profilers หรือผู้เชี่ยวชาญที่ให้ความสนใจกับภาษากาย การเลียนแบบพฤติกรรมของผู้โดยสาร และพยายามระบุตัวบุคคลที่อาจเป็นอันตราย
  • สแกนเนอร์ที่ใช้ในสนามบินปลอดภัยอย่างแน่นอน เครื่องเอกซเรย์ที่ใช้ในโรงพยาบาลมีกำลังประมาณ 600 ไมโครวินาที แต่เครื่องสแกนที่สนามบินทันสมัยกว่า ไม่เกิน 0.5 ไมโครไซต์
  • มีซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์พิเศษที่ใช้ในการประมวลผลวิดีโอของกล้องวงจรปิด เครื่องนี้สามารถประเมินสภาวะทางจิตวิทยาของผู้คน ด้วยการเคลื่อนไหวที่เล็กที่สุดของผู้คน หากเป็นสีเขียวมากกว่าแสดงว่าปลอดภัย หากสีแดงจำนวนมาก – ต้องหยุดพวกเขาเพื่อตรวจสอบ
  • ถาดพลาสติกในพื้นที่ตรวจรักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สกปรกที่สุดในสนามบินทั้งหมด นักวิทยาศาสตร์พบไวรัสทางเดินหายใจ 10 ชนิด เช่น ไข้หวัดใหญ่ชนิด A และเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคมากกว่า 100 ชนิด
  • เสื้อผ้าที่น่าสงสัยที่สุดคือ กางเกงคาร์โก้หลวม ๆ มีกระเป๋าจำนวนมาก หรือจะเป็นเดรสยาวและกระโปรง มักจะโดนตรวจสอบความปลอดภัยเพิ่มเติม เพราะมันสามารถซ่อนสิ่งของต่าง ๆ ได้
  • คุณไม่ควรกล่าวถึงสิ่งอันตรายแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องตลก หรือบอกว่าคุณมีเงินสดจำนวนมาก หรือคุณกังวลเกี่ยวกับเที่ยวบินที่กำลังจะมาถึง เหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรพูดต่อหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
  • หากผู้โดยสารที่มีทรงผมที่ดูตลกอาจถูกเชิญให้ตรวจสอบเพิ่มเติม เพราะทรงผมขนาดใหญ่อาจปกปิดสิ่งอันตรายได้


© gettyimages

  • เมื่ออยู่ที่จุดตรวจ คุณควรสงบนิ่ง และ เตรียมข้อมูลให้เพียงพอในระหว่างการตอบคำถาม เช่น “คุณกำลังบินไปที่ไหน? “, “สิ่งที่คุณนำอะไรมาด้วย? ” และ “วัตถุประสงค์ของการมายังประเทศนี้คืออะไร? “
  • หากพนักงานตรวจหนังสือเดินทางและตั๋วของคุณและถามคุณว่า “คุณกำลังบินไปที่ไหน” พวกเขาไม่ได้ล้อเล่น เพราะนี่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำโปรไฟล์เพื่อระบุตัวบุคคลที่น่าสงสัย หากคุณตอบสนองเร็วเกินไปหรือตอบด้วยวิธีที่ไม่มั่นใจ คุณอาจถูกถามเพิ่มเติม ดังนั้นหากคุณไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย เพียงแค่รู้สึกกังวลเพราะถูกถาม
  • เพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจจากผู้รักษาความปลอดภัย แนะนำให้ไม่ใช้กิ๊บติดผมใด ๆ เพราะหากคุณมีกิ๊บมากเกินไปเครื่องตรวจจับโลหะอาจตอบสนองต่อพวกมัน หรือกำไลโลหะและสร้อยคอขนาดใหญ่อื่น ๆ
  • บุคคลที่น่าสงสัยจะถูกส่งไปตรวจสอบความปลอดภัยเพิ่มเติมด้วยเครื่องสแกนที่สามารถมองเห็นภายใต้เสื้อผ้าของคุณในปัจจุบันนี้เครื่องจะแสดงให้เห็นวัตถุแปลกปลอมและซ่อนส่วนต่างๆ ของร่างกายไว้
  • หากคุณพยายามนำของต้องห้ามผ่านเข้าไปยังจุดที่ไม่ได้รับอนุญาติ คุณจะไม่สามารถนำมันกลับคืนได้ เพราะเจ้าหน้าที่จะจัดการกับสิ่งนั้นด้วยการบอกให้คุณนำไปทิ้งหรือ บางครั้งสิ่งของจะถูกยึดไว้แทนและคุณต้องไปทำเรื่องเพื่อขอคืนในภายหลัง ซึ่งคุณคงไม่ได้ว่างถึงขนาดนั้นหรอกใช่ไหมละ
  • เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดใดๆ ในการดูแลพื้นที่ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมักจะเปลี่ยนตำแหน่งทุก 30 นาที และพวกเขาเดินวนที่เดิมเป็นเวลานาน ทั้งนี้การเปลี่ยนโฟกัสของเจ้าหน้าที่ทำงานได้ดีขึ้น
  • ก่อนที่คุณจะเข้าสู่จุดตรวจรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ของสนามบินจะทำเครื่องหมายบนตั๋วของคุณพร้อมกับเขียนหมายเลขเพื่อบ่งชี้ที่คัดกรองเพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่ด่านคนอื่นให้รู้ว่าคุณควรได้รับการตรวจเพิ่มเติมแล้ว


© gettyimages

  • วัสดุแต่ละชนิดจะให้สีไม่เหมือนกันสีส้มหมายถึงเสื้อผ้า น้ำสีเขียวหมายถึงโลหะ เป็นต้น
  • การตรวจสอบสัมภาระและกระเป๋าถือขึ้นเครื่องด้วยเครื่องเอกซเรย์พิเศษ จะไม่สามารถมองเห็นสิ่งของที่ถูกห่อด้วยกระดาษฟอยล์ เพราะมันปิดกั้นรังสีเอกซ์ ทำให้มองผ่านจอจะเป็นสีดำ ดังนั้นคุณจะถูกขอให้เปิดกระเป๋าและแสดงวัตถุที่ถูกห่ออยู่
  • สัตว์ที่ทำงานในสนามบินนั้นเก่งมากเพราะมันถูกฝึกมาอย่างดีเพื่อทำงานในสภาพการทำงานที่ยากมาก เนื่องจากในสนามบินมีผู้คนจำนวนมาก เสียงดังและมีกลิ่นที่แตกต่างมากมาย ดังนั้นสุนัขเหล่านี้ไม่เพียงแต่ถูกฝึกอย่างหนักมาให้มองหาสิ่งผิดปกติเท่านั้น แต่ยังมองหาอะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่คุณ หรือ เราคิดไม่ถึงเลยที่เดียว
  • เมื่อสุนัขเห็นสิ่งที่น่าสงสัย มันจะไม่เห่าเสียงดัง แต่มันจะใช้ภาษากาย เช่น การกระดิกหางเพื่อบอกเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ด้วยวิธีนี้เมื่อสุนัขได้กลิ่นอะไรเจ้าหน้าที่มีเวลาส่งสัญญาณโดยไม่ทำให้เกิดความสงสัยใดๆ
  • หลังจากสุนัขทำงานบนเครื่องบินเสร็จสิ้นก็จะได้รับรางวัล แต่ยังมีวิธีพิเศษอีกที่เราไม่เคยรู้คือ เจ้าหน้าที่จะซ่อนของเลียนแบบสารต้องห้าม เมื่อสุนัขพบมันจะได้รับของที่มันชื่นชอบ เหตุผลที่เจ้าหน้าที่นี้ต้องทำเช่นนี้ก็เพื่อกระตุ้นความสนใจในงานของมันและเป็นสิ่งสำคัญมากในการฝึกใช้งาน นี่คือเหตุผลที่บางคนที่กลิ่นคล้ายกับสารอันตรายจะดึงดูดให้สุนัขสนใจ

กระเป๋าเดินทาง

© gettyimages

  • ในขณะที่คุณอยู่ในห้องรอรับกระเป๋า สัมภาระของคุณจะเดินทางด้วยความเร็วสูงในลักษณะของ “รถไฟเหาะตีลังกา” ซึ่งเป็นสายเคลื่อนที่ขนาดใหญ่ที่มีการจัดเรียงอัตโนมัติ ในสนามบินขนาดใหญ่เส้นทางการเดินทางอาจจะมากถึงประมาณ 2 ไมล์
  • ทุกครั้งที่คุณผ่านการตรวจกระเป๋า คุณจะได้รับสติ๊กเกอร์ที่มีบาร์โค้ด เพื่อเป็นการติดตามกระเป๋า และเราอยากแนะนำว่าหากคุณเสร็จสิ้นจากการเดินทางแล้วควรเอามันออกไป เพราะถ้ามันยังติดอยู่ในการเดินทางครั้งของคุณ ยิ่งเพิ่มโอกาสที่กระเป๋าของคุณจะสูญหายในเที่ยวบินถัดใหม่ของคุณ เนื่องจากเครื่องกระจายสัมภาระไปยังเครื่องบินประมาณ 50 ลำ เครื่องอาจสแกนบาร์โค้ดผิดอันและส่งกระเป๋าของคุณไปผิดที่ แต่ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยี ทำให้กระเป๋าหายน้อยลงมาก และจากข้อมูลของ SITA ผู้ให้บริการด้านไอทีระดับสากลระบุว่าจำนวนถุงที่สูญหายนั้นลดลงจาก 46.9 ล้านในปี 2550 เหลือ 24.8 ล้านในปี 2561 โดยจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว


© gettyimages

  • หากกระเป๋าของคุณน่าสงสัยและถูกเปิดเพื่อตรวจสอบ กระเป๋าจะถูกติดสติกเกอร์พิเศษที่แจ้งว่าเปิดกระเป๋าเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยเพิ่มเติมด้วย
  • ก่อนขึ้นเครื่องบินกระเป๋าของคุณจะถูกสแกนด้วย Introscope และกระเป๋าที่ดูอันตรายที่สุดอาจถูกตรวจสอบด้วยอุปกรณ์อื่นอีก 4 ชิ้นรวมถึงเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์
  • บ่อยครั้งที่อุปกรณ์ที่ทันสมัยมีหน้าตาที่แตกต่างกันในกระเป๋าถือ อาจถูกตรวจสอบเพราะมันมีหน้าตาคล้ายกับของต้องห้ามเมื่อผ่านเครื่องสแกน ตัวอย่างเช่น การ์ดเพลง และชีสก้อนกลมขนาดใหญ่
  • เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายสัมภาระในสนามบินต้องรับและโยนกระเป๋าทิ้งสูงสุด 125 ใบต่อปี เนื่องจากหลายเหตุผลเช่น กระเป๋าเดินทางที่สูญหายมาถึงสนามบินล่าช้า และจะใช้เวลาประมาณ 15 นาทีในการตรวจสอบแต่บางครั้งก็อาจต้องใช้เวลามากขึ้นในการตรวจสอบเจ้าของกระเป๋า ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่มีสัมภาระบางส่วนไม่ถูกส่งขึ้นเครื่องบินลำเดียวกับเจ้าของ


© gettyimages

  • สิ่งที่เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายสัมภาระไม่ชอบที่สุดคือ กระเป๋าที่เต็มไปด้วยสิ่งของ และบ่อยครั้งที่พวกมันเปิดออกและเจ้าหน้าที่ต้องคอยปิดให้กับพวกคุณ และที่แย่ที่สุดก็คือของเหลวในกระเป๋ารั่วและเปื้อนกระเป๋าข้างเคียง
  • กระเป๋าที่มีที่จับที่สะดวกนั้นมักจะถูกย้ายขึ้นเครื่องก่อน เนื่องจากที่จับเหล่านี้อยู่ด้านบนและด้านล่างซึ่งสะดวกในการจับและยก ดังนั้นอีกวิธีในรักษาสัมภาระของคุณคือการไม่ทำให้มันหนักเกินไป เป็นการดีกว่าที่จะใช้กระเป๋า 2 ใบที่ไม่หนักมากใส่ของแทนที่จะใช้กระเป๋าใบใหญ่ใบเดียว

ห้องควบคุม

© coatc / reddit

  • ห้องควบคุมที่มีเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในตำแหน่งที่แตกต่างกันซึ่งประกอบไปด้วย คนที่ควบคุมเครื่องบินบนพื้นดินและคนที่ควบคุมเครื่องบินตอนขึ้น และลงจอด พวกเขามีงานที่ต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่เหล่านี้แต่เพื่อให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างปลอดภัย พวกเขาต้องสื่อสารกันอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงมีหัวหน้าผู้จัดการและคอยควบคุมการทำงานอีกขั้น รวมไปถึงค่อยจัดสรรปริมาณงานที่สมาชิกทุกคนควรได้รับ
  • แม้ว่าพวกเขาจะมีอุปกรณ์และเทคโนโลยีชั้นสูง แต่เจ้าหน้าที่ทุกคนจำเป็นต้องรู้เรื่องง่าย ๆ อย่างเรื่องอุตุนิยมวิทยา ในกรณีฉุกเฉินที่คอมพิวเตอร์ใช้งานไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาต้องสามารถกำหนดทิศทางและความเร็วของลม


© Dont_Ever_Look_Back / reddit เวลาหยุดพักที่สนามบินแห่งชาติเรแกน

  • ทุก ๆ 2 ชั่วโมงเจ้าหน้าที่ห้องควบคุม จะหยุดพักประมาณ 20 นาที ซึ่งมีห้องพิเศษสำหรับการพักผ่อนพร้อมโซฟาและทีวี พวกเขาสามารถไปยังห้องเพื่อดื่มกาแฟและนอน คุยโทรศัพท์ เดิน หรืออ่านหนังสือได้ นอกจากนี้ยังมีห้องออกกำลังกายในอาคาร แต่ไม่แนะนำให้ใช้ในระหว่างการทำงานเพราะมันจะทำให้คุณเหนื่อยเกินกว่าจะกลับมาทำงานได้

สนามบินแห่งอนาคต

© Squidsire / reddit

  • หุ่นยนต์ที่มีประโยชน์นี้ อยู่ที่สนามบินอินชอน ณ กรุงโซล หุ่นยนต์จะคอยสแกนบัตรขึ้นเครื่องและพาคุณไปที่ประตูหากคุณมาช้าหรือหลงทาง
  • เมื่อไม่นานมานี้มีการคิดค้นแพลตฟอร์มพิเศษที่สามารถตรวจจับวัตถุอันตรายที่ซ่อนอยู่ในรองเท้าของผู้คนได้ เครื่องสแกนรองเท้าใช้ขั้วไฟฟ้าที่มีความอ่อนไหวมากในการวิเคราะห์รองเท้าและสิ่งอื่นๆ
  • นักวิทยาศาสตร์กำลังพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถสแกนคลื่นความถี่มิลลิเมตร ซึ่งรุ่นที่มีความละเอียดอ่อนมากขึ้นและนำมาใช้ในสนามบิน หากสำเร็จจะช่วยให้ผู้โดยสารผ่านเครื่องสแกนโดยไม่ต้องวางกระเป๋าและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังสามารถตรวจจับภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ได้
  • ผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องถอดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และของเหลวทั้งหมดออกจากกระเป๋า เพราะระบบAI สามารถวิเคราะห์แล็ปท็อปปกติ และตรวจสอบเพื่อดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงแล้วใส่วัสดุที่ระบบไม่เคยเห็นหรือไม่
  • สนามบินมีถาดอาหารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มันทำจากเมล็ดกาแฟ ใบตอง และช้อนทำจากมะพร้าวซึ่งราคาถูกและหาง่าย
  • ระบบใหม่ที่เรียกว่า MagRay ตามเทคโนโลยีที่ใช้ในการแพทย์ เป็นการรวมกันของรังสีเอกซ์และด้วยคลื่นสนามแม่เหล็กนิวเคลียร์ที่ใช้ใน MRIs เพื่อระบุของเหลวอันตรายได้อย่างรวดเร็ว
  • หุ่นยนต์จะช่วยลำเลียงกระเป๋าและสัมภาระของผู้โดยสาร เนื่องจากหุ่นยนต์เหล่านี้ถูกพัฒนาโดย SITA และกำลังถูกทดสอบที่สนามบินในเจนีวา อุปกรณ์ดังกล่าวช่วยให้ผู้โดยสารเดินทางตรงเวลามากขึ้นเพราะประหยัดเวลาในการขนของ

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน