วันวันหนึ่งเมื่อเราตื่นขึ้นมาถ้าหากว่าคุณไม่ได้นอนเฉยๆ แล้วสามารถมีความสุขหรืออิ่มได้ตลอดทั้งวันมันก็คงจะดี ก็เพราะว่าเราก็จะได้ประหยัดยังไงละมีเพื่อนหลายคนของเราเลยที่บอกกับเราว่าวันหยุดคือวันที่ไม่ต้องตื่นเช้าเพราะตื่นมาเที่ยงไปเลยจะได้ไม่ต้องกินไปอีกมื้ออันนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นมุกหรือเป็นเรื่องจริงของเพื่อนเราที่เป็นเหล่าหนุ่มสาวออฟฟิศกันแน่นะ แต่ฟังไปฟังมามันก็ชักจะเข้าทางความฮาของพวกเราเพลินเพลินซะมากกว่าเราเลยลองไปหาเรื่องราวเกี่ยวกับความฮาจากความประหยัดที่เพื่อนเพื่อนของเราเคยเจอมากับตัวมาเล่าให้เพื่อนเพื่อนฟังกันสักหน่อย ในวันใกล้สิ้นเดือนแบบนี้เพื่อว่าอย่างน้อยก็เป็นความสุขเล็กๆน้อยๆระหว่างที่เรารอค่อยต้นเดือนยังไงละ
สัญญาณ WIFI ไม่ดี
เราเป็นพนักงานรับแก้ไขปัญหาทางโทรศัพท์ของบริษัทอินเทอร์เน็ตเจ้าใหญ่รายหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ก็มีแค่เรื่องสัญญาณไม่เร็วหรือบางวันมีการใช้งานมากมากก็อาจจะมีเรื่องของการบ่นเล็กๆจากลูกค้า แต่วันหนึ่งเราได้รับสายที่โทรเข้ามาจากลูกค้า ซึ่งมาถึงก็ไม่ฟังอะไรเราเลยเอาแต่บอกว่าสัญญาณความเร็วไม่ดีโหลดงานช้ามากซึ่งเราก็ฟังอย่างตั้งใจและรอกระทั่งอีกฝ่ายใจเย็นลง เราก็เลยขอหมายเลขบริการลูกค้าจากเค้าแต่กลับได้คำตอบมาว่าเค้าอยู่บ้านและใช้อินเทอร์เน็ตWifi ของคนข้างบ้านอยู่แต่มันช้ามากสัญญาญก็มีน้อยมากซึ่งเค้าต้องไปชิดกำแพงทุกครั้งเพื่อให้คอมพิวเตอร์รับสัญญาณได้ก่อนซึ่งทำแบบนี้มานานแล้วจนวันนี้เค้าทนไม่ได้จริงๆ จึงจำเป็นต้องโทรมาที่ศูนย์บริการนี้แหละเพื่อว่าจะทำอะไรให้มันดีขึ้น เราได้แต่นั่งนิ่งไปและรอเค้าว่างสายไปเอง (เจอแบบนี้คงต้องไปบอกข้างบ้านให้ขยายสัญญาณแล้วละมั้ง)
ทิปของใครกันแน่
เราเปิดร้านรับจัดอาหารและช่วยดูแลงานปาร์ตี้เล็กๆที่จัดกันในบ้านหรือสถานที่ที่ไม่ใหญ่มากนักซึ่งส่วนใหญ่การทำงานและค่าใช้จ่ายของเราก็คิดไม่ยากเลย นั้นก็คือคิดจากจำนวนผู้ร่วมงานและอาหารที่เจ้าภาพเลือก แต่มีงานหนึ่งที่เราอยากจะบอกว่าเจ้าของงานช่างคิดสุดๆเพราะว่ามันเป็นงานวันเกิดเล็กของใครสักคนในบ้านนี้แหละซึ่งเราก็ไปจัดการทุกอย่างตามปกติแต่ที่ต้องประหลาดใจก็คือ ที่กลางบริเวณที่จัดงานใกล้โต๊ะอาหารมีกล่องเขียนคำว่า “ทิป” เอาไว้ซึ่งทำให้แขกส่วนใหญ่คิดว่านั้นคือกล่องสำหรับให้ทิปของบริกรที่มีดูแลซึ่งเราก็คิดแบบนั้น แต่กลายเป็นว่าหลังจากจบงานเจ้าของงานก็เอาเงินในกล่องนั้นแหละออกมาจ่ายเป็นค่าจัดอาหารและค่าจัดงานของเรา (มันคือทิปแบบทิพย์ที่เราคิดไปเองต่างหาก) แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าเจ้าของงานช่างคิดจริง ๆที่หาเงินช่วยออกค่าอาหารจากแขกที่มาร่วมงานแบบนี้ก็ได้เนอะ
หลอดเดียวเที่ยวทั่วบ้าน
เรามีพี่สาวที่เรียกได้ว่าเป็นคนประหยัดแบบขั้นสุด ซึ่งแยกย้ายกันไปอยู่ในต่างเมืองเพราะว่าเราทำงานคนละที่อยู่มาวันหนึ่งเราต้องไปทำงานใกล้บ้านของเธอซึ่งเราคิดว่าน่าจะไปเยี่ยมเธอสักหน่อย เราก็เลยโทรไปบอกเธอล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่เราจะเข้าไป ทุกอย่างดูปกติมีเพียงโทรศัพท์จากพี่ของเราขอให้เราซื้อหลอดไฟแบบเกลียวเข้าไปให้ด้วยสองหลอด(สงสัยหลอดจะขาดพอดี) พอเราไปถึงจึงเข้าใจว่าทำไมพี่ถึงให้ซื้อหลอดไฟเข้ามานั้นก็เพราะว่า เธอใช้หลอดไฟที่เราซื้อมาสำหรับห้องนอนของเราและอีกหลอดสำหรับห้องนั่งเล่น เพราะก่อนหน้านี้เธอจะค่อยถือหลอดไฟเพียงหลอดเดียวไปตามห้องที่เธอจะใช้งานเพื่อเป็นการประหยัด และการที่เรามาเยี่ยมก็ทำให้เธอได้หลอดไฟใหม่เพิ่มสำหรับห้องนั่งเล่นและอีกหลอดเธอบอกว่าจะถอดเก็บไว้เป็นหลอดสำรองหลังจากเรากลับไปแล้ว (คิดได้ไงเดินถือหลอดไฟไปเปลี่ยนตอนอยู่ที่ห้องแต่ละห้อง)
หนทางพิสูจน์ม้า
เพื่อนของเราใช้เวลาในวันหยุดเพื่อขับรถวนไปตามร้านต่างๆเพื่อจดราคาสินค้าต่างๆที่เค้าจะซื้อก่อนจะเปรียบเทียบราคาแล้ววนกลับไปซื้อของในร้านที่ถูกที่สุด (ของนะมันถูกแต่แกลืมคิดค่าเดินทางไปรึเปล่า)
โอนมาเลย
วันหยุดยาวครั้งล่าสุดพ่อเอาเงินให้ผมไปเที่ยวกับเพื่อน 1500 บาท ตอนแรกผมพยายามบอกพ่อไปว่าไม่เอา แต่พ่อก็ยังคะยั้นคะยอที่จะให้ ผมเลยรับเงินมาและเอาไปใช้เที่ยวกับเพื่อน แล้วในอีก 2 วันต่อมาระหว่างที่เรากำลังเดินทางท่องเที่ยวซึ่งเป็นเส้นทางไปสนามบิน พ่อโทรมาาเราแวะที่ไหนก็ได้สักที่หนึ่งที่สามารถโอนเงินได้ ผมเลยถามว่าไปทำไมหรอพ่อต้องรีบทำอะไรหรือเปล่าแต่คำตอบของพ่อทำให้เราอึ้งไป เพราะพ่อบอกว่า “ช่วยโอนเงินที่ให้ยืมไป 1500 คืนมาหน่อยพ่อต้องเอาไปใช้” สรุปนั้นไม่ได้ให้แต่แค่ให้ยืมเท่านั้นเหรอเนี้ยพ่อแล้วยังให้รีบโอนอีกครั้งหน้าเราจะไม่รับอะไรแล้ว
อาหารเช้าสำคัญเสมอ
บริษัทของเรามีการบริการพิเศษสำหรับพนักงานด้วยการจัดขนมและเครื่องดื่มไว้ที่ห้องอาหารก่อนซึ่งพนักงานสามารถมานั่งทานขนมได้เพื่อผ่อนคลายในเวลาการทำงาน แต่เรากลับพบว่ามีเพื่อนพนักงานชายคนหนึ่งเอาขวดเปล่ามาใส่นมกลับไปที่บ้านทุกเย็น และเมื่อสอบถามก็ได้ความว่าเข้าจะทานคอนเฟลกเป็นอาหารเช้ากับนมที่เอาไปจากออฟฟิศนี้แหละเพื่อเป็นการเซฟที่ไม่ต้องซื้อนมเองที่บ้าน เราเลยบอกว่าแกก็เอาคอนเฟลกจากบ้านมาทานที่นี้เลยจะง่ายกว่านะ แต่เค้ากลับบอกว่า “ถ้าทำแบบนั้นเพื่อนๆอาจจะมาขอคอนเฟลกของเค้าไปทานนะสิ” (เอออหมดคำพูดเลยเรา)
ฟังแล้วก็ขำไม่ออกในบางเรื่องเลยนะ อันที่จริงถ้าทำขนาดนั้นเค้าก็ต้องมีความจำเป็นละเนอะเพียงแต่ว่าเรายังไม่รู้เท่านั้นเองว่าอะไรที่มันทำให้พวกเค้าเป็นได้ขนาดนั้นแล้วเพื่อนพื่อนถ้ามีเรื่องเล่าแบบนี้ก็ส่งมาได้เลยนะ
เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน