พวกเราที่เพลินเพลินชอบการที่ได้ทำให้ตัวเองและคนรอบรอบข้างมีความสุขเล็กๆน้อยๆในแต่ละวันการสร้างรอยยิ้มและการมีรอยยิ้มให้กันและกันถึงแม้ว่าจะวันละนิดละหน่อยแต่เราก็ยังอยากให้คุณได้รับรู้ว่าความวุขเล็กน้อยเหล่านี้ที่สะสมเข้าไปในอัลบั้มแห่งความสุขที่ถูกเก็บไว้ในความทรงจำของเรา แต่ใช่ว่าเรื่องราวดีดีหรือเรื่องราวที่สร้างเสียงหัวเราะนั้นจะเป็นเรื่องตลกเพียงอย่างเดียวแต่พวกเราที่เพลินเพลินยังได้พบว่า บางครั้งเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในวันที่อาจจะดูไม่สดใสเท่าไหร่ซึ่งในวันที่เกิดเรื่องมันก็เหมือนกับทุกอย่างดูไม่ดีเลย แต่เมื่อเวลาเหล่านั้นผ่านไปเราได้เติบโตขึ้นเมื่อลองหันมามองหรือย้อนดูเรื่องราวเหล่านั้นก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่มาสร้างเสียงหัวเราะให้เราได้ และบางเรื่องยังเป็นประสบการณ์ดีดีให้แก่เพื่อนเพื่อนคนอื่นๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องทำให้เกิดเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นอีก
ทั้งนี้พวกเราที่เพลินเพลินได้พบเจอเรื่องราวสั้นๆที่บอกเล่าเรื่องราวที่ฟังดูขำขำแต่ว่ามันเกิดจากประสบการณ์ที่ถ้าเราเป็นคนเจอก็อาจจะขำไม่ออกได้แต่เมื่อเพื่อนๆผ่านมันมาแล้วก็สามารถบอกเล่าเรื่องราวเหล่านั้นด้วยเสียงหัวเราะนั้นเอง
อาทิตย์ละครั้ง
ทุกครั้งที่มีคนรู้จักของเราเริ่มขับรถและได้รถคันใหม่พอเรารู้ก็จะนึกถึงเรื่องราวของเพื่อนสนิทสมัยเด็กของเราเสมอ เพราะตอนที่เพื่อนของเราได้รถคันแรกมาซึ่งหลังจากออกจากศูนย์ได้ไม่นานก็เป็นธรรมดาที่ต้องเติมน้ำมัน และช่างเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะเพราะเราก็นั่งอยู่ด้วย ทันทีที่เลี้ยวรถเข้าไปที่ปั้มน้ำมันและพนักงานมาสอบถามว่าเราต้องการเติมน้ำมันอะไร เพื่อนของเราก็ตอบกลับไปอย่างมั่นใจและก็ทำให้ทั้งเราและพนักงานงงไปเลยโดยเธอบอกว่า
พนักงาน: รับน้ำมันเท่าไหร่ดีครับ
เพื่อนเรา : เอาให้พี่พอขับสักอาทิตย์ก็พอ พี่ว่าจะเติมอาทิตย์ละครั้ง (หลังจากนั้นเราก็รีบบอกพนักงานว่าเติมห้าร้อยก่อนที่จะมาอธิบายเพื่อนที่หลังอีกที)
ขอให้ไม่มีขีด
เมื่อตอนที่เราเพิ่งแต่งงานใหม่ๆ ซึ่งตอนนั้นเรายังต้องทำงานหนักมากมากเพราะกำลังอยู่ในช่วงที่บริษัทกำลังประเมินผลงานพนักงานเพื่อเลื่อนตำแหน่ง จู่ๆภรรยาของเราก็มีอาการเหมือนกับคนที่กำลังจะตั้งท้อง เราเลยไปที่ร้านเพื่อมองหาอุปกรณ์ตรวจสอบการตั้งท้องซึ่งระหว่างที่เรากำลังยืนอยู่หน้าอุปกรณ์และกำลังคิดเรื่องต่างๆอยู่ พนักงานก็เข้ามาแล้วก็เกิดเรื่องนี้ขึ้น
พนักงาน : คุณผู้ชายกำลังต้องการอะไร
เรา : ต้องการให้ตรวจแล้วไม่มีขีดก็พอครับ (พูดสิ่งที่คิดออกไปเต็มๆก่อนจะบอกพนักงานว่า) รับอุปกรณ์นี้ก็พอครับและรีบเดินออกจากร้านมาเลย
เนื้อคู่แน่ๆ
ในระหว่างงานเลี้ยงรุ่นของมหาลัยเพื่อนเพื่อนต่างมาร่วมงานมากมาย มีหลายคนที่เรารู้จักแต่ไม่ค่อยสนิทและหนึ่งในนั้นก็มีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งเอาภาพใน IG มาอวดกันซึ่งก็เป็นภาพไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งตอนที่ส่งมาให้เราดูเป็นภาพการไปเที่ยวแบบทั้งครอบครัวซึ่งดูแล้วน่ารักมากมากซึ่งเราก็กล่าวชมไปว่ารูปคู่ที่ถ่ายกับคุณพ่อของเพื่อนนั้นดูแล้วน่ารักมากมากและคุณพ่อก็ดูหนุ่มกว่าที่คิดไว้เยอะเลย ก่อนที่เพื่อนคนนั้นจะกระแอมเบาๆพร้อมกับบอกว่านั้นแฟนเราเอง เราทำอะไรไม่ถูกก่อนจะบอกไปว่าหน้าตาเหมือนกันจนคิดว่าเป็นญาติกันแบบนี้ต้องเป็นเนื้อคู่แน่ๆ และรีบขอตัวเดินออกมา
เราเอง
หลังจากที่เราย้ายที่ทำงานกลับมาอยู่ใกล้บ้านเกิดของเรา เราก็ย้ายที่อยู่มาด้วยซะเลยหลายสิ่งหลายอย่างยังเหมือนเดิมแต่ก็มีหลายอย่างพัฒนาไปมากเหมือนกัน อย่างร้านของชำตอนนี้ก็กลายเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดกลางที่มีของแทบจะทุกอย่างแล้ว และเมื่อเราไปเลือกช้อปของต่าง ๆก็สังเกตุเห็นพนักงานหนุ่นที่ดูหล่อมากมากเลยมักจะส่งยิ้มให้เรา แต่ไม่เคยพูดอะไรกับเราเลยจนเราคิดว่าเขาอาจจะแอบชอบเราแต่ไม่กล้าชวนเราคุยก็ได้ วันหนึ่งเราก็เลยเขียนโน๊ตบอกว่าไป “คุณน่ารักมาก” แต่พออ่านโน๊ตแล้วเขากลับบอกเราว่า “นี้เรา A เองเธอจำเราไม่ได้เหรอ คนที่เธอเล่นตบหลังบ่อยๆไง” ก่อนที่เราจะหัวเราะและเดินออกไป (ที่แท้ก็เพื่อนเก่านี้เองหลงนึกว่าเสนห์ของเราเริ่มทำงานแล้วซะอีก)
เปลี่ยนก็ดีนะ
ในระหว่างนั่งรถรับส่งสาธารณะคันหนึ่งพนักงานขับรถหันหน้ามาชวนเราคุยพร้อมกับถามถึงเสียงเพลงที่กำลังเปิดอยู่ ซึ่งเราฟังแล้วก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ก็เลยตอบไปตามตรง พอพนักงานขับรถได้ฟังก็พูดเบาๆ ว่า “นี่คือเสียงของผมร้องเอง” แล้วหลังจากนั้นก็ปิดเสียงวิทยุและเราก็อยู่ด้วยกันในความเงียบอีกเกือบชั่วโมงจนถึงที่หมาย (ครั้งหน้าถ้ามีคนถามเราจะบอกว่าเราฟังดนตรีไม่เก่งและไม่ออกความเห็นจะดีกว่าเนอะ)
แล้วเพื่อนเพื่อนเคยต้องพบเจอกับเรื่องราวที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบไหนมากันบ้างแล้วมีทางออกแบบไหนก็ลองบอกให้เราทราบกันด้วยสิผ่านทางเพจของเรา
เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน