5 เรื่องราวจากเพื่อนๆที่อธิบายเหตุผลไม่ได้

จากที่ผ่านมาพวกเราต้องพบเจอกับเรื่องราวต่างๆ มากมายซึ่งไม่ว่าเหตุการณ์แบบไหนเกิดขึ้นมาพวกเราส่วนใหญ่ก็คิดว่าเรื่องราวเหล่านั้นจะต้องสามารถหาคำอธิบายที่เป็นเหตุเป็นผลกันได้อย่างแน่นอนเพราะนั้นเป็นเรื่องปรกติของหลักการง่ายๆนั้นก็คือมีเหตุก็ต้องมีผลตามมาเหมือนกับการปลูกต้นมะม่วงก็ต้องได้ผลมะม่วงอะไรทำนองนั้น แต่สำหรับเพื่อนของเราบางคนหรือาจจะรวมไปถึงตัวของคุณเองที่กำลังนั่งอ่านบทความนี้อยู่ก็อาจจะเคยพบเจอกับเรื่องราวที่อาจจะบอกได้ว่าเป็นเรื่องราวแปลกๆ ซึ่งมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้เราพูดไม่ออกและหาเหตุผลมาอธิบายเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ วันนี้พวกเราที่เพลินเพลินก็เลยลองไปรวบรวมเรื่องราวแบบเดียวกันนี้จากเพื่อนบนอินเทอร์เน็ตซึ่งได้ส่งต่อเรื่องราวเหล่านี้เพื่อที่ว่าอาจจะเป็นข้อคิดหรืออาจจะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวเพื่อแบ่งปันความแปลกประหลาดและสิ่งที่อธิบายไม่ได้ที่เกิดขึ้นในชีวิตของพวกเขา เพื่อว่าบางที่อาจจะมีใครสักคนที่มาอธิบายเรื่องราวเหล่านี้ให้กระจ่างด้วยหลักการที่ใครต่อใครก็สามารถเข้าใจได้นั้นเอง

เราอยากจะให้เพื่อนได้สนุกและรับรู้ถึงเรื่องราวเหล่านี้บ้างเพื่อว่าหากเพื่อนเพื่อนได้พบเจอหรือมันอาจจะเกิดขึ้นกับตัวคุณเองคุณอาจจะเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและมาบอกเล่าหลักการให้พวกเราที่เพลินเพลินได้ฟังกันก็ได้ พร้อมแล้วก็ออกเดินทางสู้เรื่องราวที่เรานำมาให้เพื่อนเพื่อนได้อ่านกันเลยดีกว่าเนอะ

จดหมายบอกอนาคต
มันเป็นเรื่องราวของผมเองที่เกิดกับคนใกล้ตัวเมื่อหลายปีก่อนตอนที่ภรรยาของผมกำลังตั้งท้องลูกคนที่สอง และอยู่ในช่วงเดือนสุดท้ายที่พร้อมจะคลอดแล้ว และในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์แม่ของผมก็มาอยู่ด้วยกันเพื่อที่จะช่วยดูแลพวกเราจู่ๆค่ำวันหนึ่งแม่ก็ขอปากกาและกระดาษก่อนที่จะลงมือเขียนอะไรบางอย่างลงไปเพียงครู่หนึ่งหลังจากแม่เขียนเสร็จเรียบร้อยแม่ก็ใส่มันลงในซองและส่งมาให้ผมพร้อมกับบอกว่าเก็บมันไว้ในกระเป๋าแล้วแม่จะบอกเองว่าให้เปิดมันเมื่อไหร่และก็ขอตัวกลับบ้านไป ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไรและเก็บมันไว้ในกระเป๋าเสื้อก่อนที่จะไปธุระอื่นๆ และอีกสามสิบนาทีต่อมาภรรยาของผมต้องไปโรงพยาบาลเพราะสัญญาณการคลอดมันบอก วันนั้นหลังจากที่เราไปถึงก็ต้องใช้เวลาอีกประมาณ 9 ชั่วโมงต่อมาลูกสาวคนที่สองของเราก็คลอดออกมาในเวลา 03:45 น. เธอหนัก 3.6 กิโล และสูง 50 เซ็น ผมโทรหาแม่จากโรงพยาบาลเพื่อแจ้งข่าวและพอแม่รับสายแม่ก็พูดขึ้นทันทีว่า “ลองเปิดซองจดหมายดูก่อน” ซึ่งผมก็งงว่าทำไมจะต้องเป็นตอนนี้แต่ก็เปิดและอ่านมัน โดยเนื้อความในจดหมายเขียนไว้ว่า “ผู้หญิงหนัก 3.6 กิโล และสูง 50 เซ็น” ผมไม่รู้ว่าแม่บังเอิญเขียนถูกได้อย่างไรแต่สิ่งที่แม่บอกต่อหลังจากที่อ่านจดหมายก็ทำให้ผมรู้สึกดีมากมากโดยท่านบอกว่า สาวน้อยคนนี้จะนำรอยยิ้มและความสุขมาให้ซึ่งนั้นก็จริง แต่ผมก็ยังสงสัยว่าแม่รู้เรื่องนี้ได้ยังไงจวบจนกระทั่งทุกวันนี้

ผู้หญิงที่มองไม่เห็น
ครั้งหนึ่งตอนที่ลูกชายของฉันอายุยังไม่ถึง 3 ขวบคืนวันเสาร์ที่ดูธรรมดามากมากหลังจากที่เราพาเจ้าตัวเล็กไปเข้านอนได้แค่สิบนาที เขาก็เดินมาที่ห้องและบอกเราว่ามีพี่ผู้หญิงคนนึงเขามาในห้องและก็เอาแต่ยืนก้มหน้าอยู่ที่หน้าประตูห้องของเขา ด้วยอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นเราก็เลยลุกไปพร้อมกับเจ้าตัวน้อยโดยบอกเค้าไปว่า ใครจะมาเที่ยวห้องหนูตอนดึกดึกละจ้าแต่ถ้ามีเดี๋ยวแม่จะไปถามให้เองว่าพี่เค้าต้องการอะไรนะและเราก็พากันเดินแบบง่วงๆไปที่ห้องของเจ้าตัวเล็กพอไปถึงเราก็เปิดไฟมองไปรอบรอบห้องซึ่งแน่นอนว่าเราไม่เจอใครหรืออะไรที่ประตูอย่างที่เจ้าตัวเล็กบอกเลยเราเลยพูดออกไปว่า ไม่มีใครอยู่เลยนะหนูอาจจะเห็นที่แขวนเสื้อข้างประตูแล้วเข้าใจผิดว่ามีใครยืนอยู่นะกลับไปนอนกันดีกว่าเนอะ ซึ่งพอเราพูดจบก็ต้องอึ้งกับคำตอบที่เจ้าตัวน้อยพูดกลับมา “ไม่นะพี่ผู้หญิงเค้าก็ยังยืนก้มหน้าอยู่ตรงหน้าประตูนะ” พร้อมกับชี้ไปที่ประตูที่เราเพิ่งจะเดินผ่านมา พอได้ยินแบบนั้นเราคิดอะไรไม่ออกได้แต่บอกให้เจ้าตัวน้อยไปนอนที่ห้องกับเราและเค้าก็หลับไปอย่างรวดเร็วทิ้งเราไว้ในความเงียบและความคิดที่ว่า จะมีใครเปลี่ยนห้องมายืนรอเราที่หน้าประตูแทนหรือเปล่า

คนรู้จัก
เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เรากำลังยืนต่อแถวที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งในคิวมีแม่และเด็กหญิงตัวเล็กยืนอยู่ข้างๆซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรแต่จู่ๆเด็กน้อยที่อยุ่คิวหน้าเราที่กำลังจะเดินออกไปก็หันกลับมาและมองเราด้วยสายตาใสซื่อ เราโบกมือให้เล็กน้อยเป็นการทักทายก่อนที่เด็กน้อยจะเอ๋ยบางอย่างที่ทำให้เรางงว่า “เราน่าจะรู้จะกันนะ คุณชื่อ(สมมุติว่าเอ)หรือเปล่าคะ” ซึ่งนั้นคือชื่อเราจริงแต่เราก็ไม่ได้พูดตอบกลับไปแล้วคุณแม่กับเด็กน้อยก็เดินออกไปปล่อยให้เราคิดอยุ่คนเดียวว่าทำไมเธอถึงรู้จักชื่อเราได้ หรือว่าเธอจะคือใครสักคนที่เรารู้จักกันแน่

ข้อความจากหมายเลยที่ติดต่อไม่ได้
ต้องเรียกว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่สุดเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นกับเราในวันที่กำลังหมดแรงและกำลังใจจากการทำงานหนัก หลังจากกลับบ้านและคิดจะล้มเลิกจากงานที่พยายามทำมานานนับปี ก็มีเสียงแมสเสจดังขึ้นซึ่งพอเราลองมองดูก็พบว่ามันถูกส่งมาจากหมายเลขที่เราไม่รู้จักแต่ข้อความสั้นๆนั้นทำให้เรารู้สึกดีมากมากและข้อความนั้นก็คือ “ผู้แข็งแกร่งคือผู้ที่กล้ายิ้มให้ความทุกข์” ซึ่งพอเราโทรกลับเพราะอยากจะรู้ว่าใครเป็นคนส่งข้อความนั้นมาก็ไม่สามารถติดต่อเบอร์นั้นได้ทั้งๆที่เราก็โทรกลับไปแทบจะทันทีที่ได้รับและอ่านข้อความเสร็จ จวบจนทุกวันนี้เราก็ยังรู้สึกขอบคุณข้อความนั้นอยู่เพราะมันทำให้เราผ่านวันแย่ๆมาและมีวันที่ดีในวันนี้ได้

วันที่หายไป
ตอนที่เรายังเล็กอยู่แต่ก็จำทุกเรื่องได้ดีมีอยู่ครั้งหนึ่งเป็นช่วงกลางสัปดาห์ที่ดูธรรมดามากมากจนกระทั่งเราเข้านอนและตื่นขึ้นในตอนเช้าวันใหม่เหมือนเดิมซึ่งเราก็แต่งชุดเพื่อเตรียมจะไปเรียน แต่กลายเป็นว่าทุกคนบอกเราว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ไม่จำเป็นต้องไปโรงเรียนแต่เราจำได้ว่าตอนที่เราเข้านอนเมื่อวานเพิ่งจะเป็นวันพฤหัส แต่ทำไมวันนี้กลายเป็นวันเสาร์ไปได้ซึ่งทุกคนก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าวันศุกร์คือเมื่อวานและเราก็ไปโรงเรียนตามปรกติซึ่งพอลองดูหนังสือเรียนของเราก็มีลายมือเราเขียนบทเรียนต่าง ๆ แต่เรากลับจำไม่ได้เลยว่าเราเป็นคนเขียน จนถึงทุกวันนี้เราพยายามนึกอยู่หลายครั้งก็จำเรื่องวันศุกร์ที่หายไปไม่ได้เลย

เรื่องราวบางเรื่องก็ยังไม่สามารถหาเหตุและผลมาตอบได้แล้วคุณละเคยเจอเรื่องราวแบบนี้บ้างไหม ถ้ามีก็ส่งมาให้เราได้อ่านกันด้วยสิโดยเพื่อนเพื่อนสามารถส่งมาให้ในเพจของเราได้เลยนะ
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน