“ The Green Mile” ทำได้ยังไงที่ทำให้เราต้องเสียน้ำตาทุกครั้งที่ดู

หนึ่งในภาพยนตร์ที่มีกระแสมากที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนิยายของ Stephen King ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก จนทำรายได้มากกว่า $100ล้าน ในบ็อกซ์ออฟฟิศและเอาชนะใจแฟน ๆ ทั่วโลก ผู้กำกับภาพยนตร์และผู้เขียนคิดว่าเหตุผลหลักเป็นเพราะการแคสตัวนักแสดง

ภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ในอันดับต้น ๆ ของภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ และได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์ 4 ครั้ง แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้รับรางวัล

พวกเราก็รัก The Green Mile เช่นกัน และเราสนใจที่จะค้นพบความลับเบื้องหลังในมุมใหม่ ๆ อยู่เสมอ มันเป็นความคิด การตัดสินใจ การ่วมมือของทีมงานและนักแสดงที่ยอดเยี่ยม ที่ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นผลงานชิ้นเอกที่แท้จริง

นักแสดงถูกคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน

© The Green Mile / Warner Bros. © Face / Off / Paramount Pictures
-แนวคิดของ The Green Mile สร้างความสนใจให้ผู้กำกับ Frank Darabont ในทันที และเขาก็พยายามทำให้เนื้อเรื่องในภาพยนตร์น่าสนใจเหมือนในหนังสือ ดังนั้น Stephen King จึงเปิดเผยเนื้อหาในนวนิยายของเขาบางส่วนที่ไม่มีในหนังเรื่องนี้ ผู้ชมส่วนใหญ่ที่อ่านไปถึงหน้าท้ายท้ายก็ยังไม่ทราบว่าเรื่องราวจะจบลงอย่างไร? แม้กระทั่ง Stephen King เองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวละครของเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่?

-ผู้กำกับบอกว่ามันเป็นสัญญานที่ดีกับภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ได้นักแสดงที่เข้าคิดไว้ตั้งแต่แรก และในขณะที่เขียนบทภาพยนตร์ เขาได้วาดภาพไว้ในใจว่า Paul Edgecomb นั้นจะต้องเป็น Tom Hanks ซึ่ง Stephen King ก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้และยังบอกด้วยว่า Tom Hanks เหมาะกับบทบาทนี้

-ถึงกระนั้น John Travolta ก็ถูกพิจารณาให้รับบท Paul Edgecomb เช่นกัน แต่เขาปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมด และไม่ใช่ว่า Tom Hanks จะชอบสคริปต์จนรับปากในทันที แต่เพราะเขารู้สึกว่าเขาติดหนี้ผู้กำกับเอาไว้ ที่เขาถอนตัวจาก The Shawshank Redemption เพื่อมารับบทนำใน Forrest Gump

-John Coffey เป็นหนึ่งในตัวละครที่จะหานักแสดงมารับบทนี้ได้ยาก: ไม่มีนักแสดงคนใดที่เหมาะสม  เมื่อ Bruce Willis ลองให้ Michael Clarke Duncan ที่เคยร่วมงานกันใน Armageddon Duncan อ่านสคริปต์ เขาก็พูดว่า“ นั่นคือฉัน ฉันไม่สนใจว่าฉันต้องทำยังไง แต่ฉันต้องได้รับบทนี้”


© The Green Mile / Warner Bros.

-หลังจากการจากไปของ Duncan ผู้กำกับกล่าวว่าไม่มีนักแสดงคนใดในประวัติศาสตร์ที่สมควรได้รับรางวัลออสการ์มากเท่า Duncan ที่รับบทของ John Coffey แต่เขากลับไม่เคยได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้เลย

-Doug Hutchison รับบทของ Percy Wetmore ที่น่าชิงชัง ในหนังสือ Percy ยังเด็กมากในขณะที่นักแสดงอายุได้ 39 ปีแล้ว เขาไปหาผู้กำกับเพื่อเสนอขอรับบทนี้ และโกหกเกี่ยวกับอายุของเขา เขาบอกว่าเขาอายุเพียง 30 ปีและเขาซ่อนบัตรประชาชนของเขาไว้

© The Green Mile / Warner Bros.

-Michael Clarke Duncan เป็นคนที่สูงมาก เขาสูงเท่าๆ กับ Brutus “Brutal” Howell ที่รับบทโดย David Morse ดังนั้นเพื่อให้เห็นว่าเขาสูงใหญ่เกินจริง ทีมงานจึงใช้มุมกล้องและฉากที่แตกต่างกัน เช่น อุปกรณ์ประกอบฉากที่เล็กลง เตียงของ John Coffey นั้นเล็กมากทำให้เขาดูตัวใหญ่เหมือนจริงมากๆ

การถ่ายทำนั้น“ สมจริง” จนบางครั้งมันก็มากเกินไป!
© The Green Mile / Warner Bros.
-น้ำตาของ John Coffey เป็นของจริง นักแสดงร้องไห้เมื่อเขาจำได้ว่าพ่อทิ้งครอบครัวไปตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

-การแสดงของ Duncan ทำให้ทีมงานตกตะลึง และในฉากสุดท้ายทีมงานหลายคนไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้

-Tom Hanks ต้องเพิ่มน้ำหนักหลายปอนด์สำหรับบทบาทนี้ และในเรื่องถัดไปใน Cast Away เขากลับต้องลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว

-Stephen King มักจะไปที่กองถ่ายบ่อยๆและ Tom Hanks จะชอบแสดงบทบาทให้ผู้เขียนเห็นและให้เขาแสดงความคิดเห็นว่ามันใช่หรือไม่? นอกจากนี้เขายังคิดว่าการสวมบทบาทนอกฉากจะทำให้เขาสามารถเล่นได้ดีขึ้น ครั้งหนึ่งระหว่างที่มาเยี่ยมกองถ่าย Stephen King ชวนเขาดื่มกาแฟ แต่ Tom Hanks กลับกล่าวว่าเขาเป็นผู้ดูแลทุกอย่างในเรือนจำ ดังนั้นเขาต่างหากที่มีสิทธิ์พาหรือชวนใครก็ได้ไปดื่มกาแฟ

© The Green Mile / Warner Bros.
-ในเรื่อง Percy ทำให้เพื่อนร่วมงานและผู้ต้องขังขัดเคืองใจเสมอ ทุกคนไม่ชอบเขา ผู้กำกับคิดว่าตัวละครนี้ต้องสร้างความน่ารำคาญอย่างชัดเจน นี่คือเหตุผลที่ Doug Hutchison สวมรองเท้าที่ส่งเสียงดังเอี้ยดอ้าด เพื่อทำให้ทุกคนหงุดหงิดทันทีที่เขาปรากฏตัว

รายละเอียดเล็กๆน้อยๆก็มีอิทธิพลให้ได้การตอบรับที่ดี

© The Green Mile / Warner Bros.
-เชื่อกันว่า The Green Mile เป็นภาพยนตร์ที่เราไม่ควรมองข้ามรายละเอียดใด ๆ เลย เพราะ ทุกอย่างมีเหตุผลของมันเอง

-ตัวละครที่เล็กที่สุด แต่มีบทบาทที่สำคัญมาก คือ Mr. Jingles คือหนูอายุ 64 ปี หนูตัวนี้รับบทโดยหนูที่ฝึกไว้ 15 ตัว ซึ่งต้องใช้เวลาหลายเดือนในการฝึกฝน แต่สัตว์นั้น ไม่สามารถเรียนรู้เทคนิคบางอย่างได้ ดังนั้นบางฉากจึงต้องใช้ CGI เพื่อทำให้แน่ใจว่าไม่มีหนูตัวใดได้รับบาดเจ็บจากากรถ่ายทำ และในฉากที่ Percy เหยียบหนูนั้นพวกเขาใช้ตุ๊กตาแทน

-เพื่อให้ผู้ชมทราบว่าแต่ละคนอยู่ในเรือนจำ จึงมีการออกแบบเครื่องแบบพิเศษ โดยอิงพื้นฐานบางส่วนจากเครื่องแบบจริงๆ และบางส่วนที่คล้ายกับชุดผู้ต้องขัง ในความเป็นจริงแล้วตามเนื้อเรื่องเดิมผู้คุมในเรือนจำไม่มีเครื่องแบบใด ๆเลย

-ตัวละครของ Sam Rockwell แสดงบทวิกลจริตจนทำให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกไม่ชอบเพื่อให้เพื่อให้ถึงบทบาทช่างแต่งหน้าจึงใช้สิวปลอม

© The Green Mile / Warner Bros.

-มีความแตกต่างในการปรากฏตัวของ Melinda ขณะที่เธอป่วยและเมื่อเธอได้รับการรักษาจนดีขึ้นอย่างมาก ช่างแต่งหน้าทำให้เธอดูราวกับว่าเธอไม่มีคิ้วเมื่อป่วย

-เมื่อ Paul Edgecomb ออกไปทานอาหารเช้าหลังจากตื่นนอน เราจะเห็นว่าพื้นใต้ขาของเขาเป็นสีเขียว นี่คือการอ้างอิงตรงไปยัง “green mile” ของนักโทษ

ฉากที่สำคัญมากและนักแสดงก็ปรึกษานักจิตวิทยาเพื่อสร้างฉากนี้ขึ้นมา

© The Green Mile / Warner Bros.
-ผู้กำกับศิลป์สร้างเรือนจำตามที่อธิบายไว้ในนวนิยายของ Stephen King เรือนจำขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่เก็บรายละเอียดได้ยอดเยี่ยม นี่คือเหตุผลที่นักจิตวิทยาได้รับเชิญให้ทำงานในการออกแบบตกแต่งภายใน: เรือนจำควรทำให้ผู้ชมรู้สึกหวาดกลัว ไม่น่าอยู่ และหดหู่ สมาชิกของทีมงานกล่าวว่าหลังจากเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมงที่พวกเขาใช้เวลากับฉาก พวกเขาเริ่มรู้สึกราวกับว่าพวกเขาอยู่ในคุกจริงๆ

-เก้าอี้ไฟฟ้า 3 ตัวถูกเตรียมไว้สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ต้นแบบเป็นเก้าอี้จาก Sing Sing Correctional Facility ในรัฐนิวยอร์ก แต่ในความเป็นจริงในปี 1930 ช่วงศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นเวลาของเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้ นักโทษจะถูกลงโทษด้วยวิธีอื่น

© The Green Mile / Warner Bros.
ในระหว่างที่เขาไปชมฉากสุดท้าย Stephen King ตัดสินใจไปทดลองนั่งเก้าอี้ไฟฟ้าตัวหนึ่ง และเขาก็ไม่ชอบความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนั้นจริงๆ มีคนกล่าวว่าเขารู้สึกฝังใจมากจนทำให้เข้าฝันร้ายไปอีกหลายวัน

เราดูภาพยนตร์เรื่องนี้อีกครั้งและมันก็ทำให้เราร้องไห้อีกครั้ง คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อคุณดู The Green Mile?

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน