ขยับใกล้วันสงกรานต์เข้าไปอีกวันแล้วตอนนี้เพื่อนหลายหลายคนของเราก็อาจจะไม่ต้องไปทำงานแล้วก็ว่าได้นั้นก็เพราะว่าหลายคนก็อาจจะใช้วันลาหยุดเพื่อที่จะได้หยุดกันยาวยาวกันไปเลยนั้นเอง และถึงแม้เพื่อนของเราอีกหลายคนที่อาจจะไม่ได้ลาหยุดก็ไม่ต้องกังวลเพราะว่าการทำงานในช่วงก่อนวันหยุดยาวนั้นส่วนใหญ่แล้วมันจะเป็นช่วงที่เบาสบายและไม่ค่อยมีอะไรที่เร่งรีบสักเท่าไหร่นัก นั้นก็เพราะว่าหลายหลายคนก็คงจะคิดเหมือนเหมือนกันว่าใกล้วันหยุดแล้วอยากจะทำอะไรเบาเบาสบายๆสักหน่อย เพื่ออย่างน้อยช่วงที่ไปถึงวันหยุดพวกเราก็จะได้พบเจอแต่กับเรื่องสบายสบายและได้พักผ่อนอย่างเต็มที่นั้นเอง

พวกเรากำลังพูดถึงเรื่องที่คนคู่หลายหลายคนที่เค้าอยู่ด้วยกันมาจนถึงเวลาที่จะเริ่มต้นสร้างครอบครัวของตัวเองหรือจะบอกว่าเป็นจุดเริ่มต้นด้วยการแต่งงานนั้นเอง ซึ่งหลายหลายเรื่องก็เป็นสิ่งที่เพื่อนเพื่อนอาจจะคิดไม่ถึงและหากเราได้พูดคุยกันก่อนมันก็จะทำให้ครอบครัวของเรานั้นอยู่กันไปได้แบบสบายเลยละ

สิ่งนี้คือสิ่งแรกที่เราอยากจะให้เพื่อนเพื่อนได้ลองเริ่มพูดคุยกันดูเลยนะเพราะว่าหลายคนนั้นมีความคิดในเรื่องของการเงินที่แตกต่างกันและเมื่อเรามาสร้างครอบครัวด้วยกันแล้วนั้นพวกเราก็คงต้องมามองและทำความเข้าใจสิ่งนี้เป็นอย่างแรกเลย
ที่พวกเราเพลินเพลินแนะนำให้ต้องเริ่มคุยวางแผนทางการเงินนั้นก็เพราะการที่เราอยู่รวมกันนั้นมันคือการสร้างทางเดินของปัจจุบันที่จะพาเราก้าวเดินไปยังอนาคตที่ละก้าวนั้นเอง และคงต้องบอกว่าปัจจัยที่มาเป็นอันดับแรกเลยนั้นก็คือเรื่องของการเงินนี้แหละ ดังนั้นเราจึงควรมาสรุปบทบาทและการใช้จ่ายต่าง ๆ รวมถึงการจัดเก็บเงินออมเพื่อที่ครอบครัวของเพื่อนเพื่อนนั้นจะได้พร้อมรับกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้นั้นเองโดยขั้นตอนนั้นก็ไม่ยุ่งยากเลยก็แค่แบ่งสัดส่วนของเงินส่วนกลางที่ต้องเอามารวมกัน และนำส่วนนั้นมาจัดสรรค์ให้เป็นค่าใช้จ่ายและเงินออมส่วนกลางนั้นเอง และสำหรับสิ่งของต่าง ๆ ส่วนตัวจะตกลงกันอย่างไรอีกนั้นก็ค่อยค่อยจัดสรรกันตามที่ตกลง ด้วยการทำแบบนี้ทั้งสองฝ่ายก็จะไม่อึดอัดในการอยู่ร่วมกันแล้ว

นอกจากเรื่องของรายได้ที่มีแล้วอีกอย่างที่ต้องบอกกันก่อนและควรบอกอย่างยิ่งนั้นก็คือหนี้ที่ต่างฝ่ายต่างต้องดูแลอยู่
เป็นเรื่องปกติสำหรับคนทำงานแบบเรานั้นก็คือพวกเราอาจจะมีการซื้อสิ่งของหรืออาจจะมีหนี้จากการใช้จ่ายเพื่อการศึกษาหรืออื่น ๆ ก็ตาม การที่เราเปิดใจกันเรื่องนี้ก่อนที่จะเริ่มต้นครอบครัวก็เพื่อลดช่องว่างของความไม่เข้าใจกันและกัน และทำให้อีกฝ่ายรับรู้หน้าที่และจุดยืนที่แต่ละคนกำลังรับผิดชอบอยู่นั้นเอง ซึ่งเมื่อทั้งสองฝ่ายรู้อยู่แล้วเวลาที่เกิดปัญหาก็จะได้ค่อยช่วยเหลือกันและกันได้ยังไงละ ดีกว่าเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียวแล้วมาแบ่งเราเรื่องหนักๆเข้าบ้านซึ่งมันก็อาจจะสร้างปัญหาให้เราได้ในที่สุด

การวางแผนการใช้ชีวิตด้วยความสุขในระหว่างการทำงานและหลังเกษียณ
อย่างที่เราบอกไปแล้วว่าการได้คุยกันจะทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้นและเรื่องที่ต้องมีการวางแผนให้ชัดเจนก็คือเรื่องของการทำงานและการใช้ชีวิตในแต่ละช่วง โดยบางคนอาจจะชอบท่องเที่ยวแต่ถ้าหากเอาแต่เที่ยวก็คงจะหมดเงินออมไปไม่น้อยเลย นี้แหละการวางแผนเรื่องการออมและการสร้างความสุขเล็กๆน้อยๆก่อนเกษียณจึงเป็นเรื่องที่เราสามารถสร้างสรรค์ขึ้นได้ด้วยตัวเอง อย่างเช่นตั้งงบจากการออมเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว แยกจากเงินออมสำหรับหลังเกษียณ แล้วจัดสรรงบส่วนนี้ในการสร้างความสุขระหว่างปีก็จะทำให้คุณทำทุกอย่างได้ราบรื่นขึ้นแล้ว

เรื่องยอดฮิตของหลายครอบครัวเลยนั้นก็คือการวางแผนที่จะมีเจ้าตัวเล็กนั้นเอง
เนื่องจากการต้องดูแลสมาชิกใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทั้งการที่เราต้องให้เวลาเพื่อดูแลในช่วงต้นนั้นมันยากมากจริง ๆแบบที่เรียกว่าคนที่ไม่เคยทำยอมคิดไม่ถึง เพราะว่าเด็กน้อยนั้นในช่วงปีแรกแทบจะต้องอยู่ดูแลเกือบตลอดเวลาเลย อีกทั้งยังต้องช่วยกันทั้งสองฝ่ายอีกด้วยนั้นทำให้ในตอนนี้มีหลายคนที่มีแนวคิดว่าไม่อยากจะมีเจ้าตัวเล็กกันก็มี ดังนั้นการคุยสรุปเรื่องเหล่านี้ก่อนจึงเป็นแนวทางที่ดีกว่าการที่เราจะมาตกลงกันที่หลังเพราะหากคิดเห็นไม่ตรงกันก็จะได้พูดคุยและตกลงกันก่อนนั้นเอง

การแบ่งหน้าที่การทำงานจะทำให้เราทั้งสองฝ่ายรู้ว่าเราต้องช่วยดูแลกันและกัน
สมัยนี้ต่างคนต่างทำงานและต่างคนต่างมีหน้าที่ของตัวเองอยู่แล้วดังนั้นมันจะเป็นเรื่องที่ดีมากมากเลยหากเราทั้งสองฝ่ายช่วยกันทำงานทั้งนอกบ้านและในบ้านเพราะงานในบ้านอย่างเช่นการทำความสะอาดหรือซักผ้าถึงแม้จะเป็นงานง่ายๆแต่ก็ต้องใช้เวลาและกำลังในการลงมือทำซึ่งถ้าต้องทำอยู่คนเดียวมันก็คงไม่สนุกดังนั้นการแบ่งหน้าที่เพื่อช่วยเหลือกันถือเป็นเรื่องดีที่เราควรจะช่วยกันทำนั้นเอง

การใช้เวลาร่วมกันและการใช้เวลาส่วนตัว
เพราะเราเชื่อว่าถึงแม้จะเป็นคนที่รักกันมากที่สุดแล้วก็ตาม แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังคงต้องการช่วงเวลาที่อยากจะทำอะไรก็ได้ตามใจหรือที่เรียกง่ายๆว่าเวลาส่วนตัวนั้นเอง และการที่เรามาอยู่ด้วยกันแล้วนั้นยิ่งต้องมีช่วงเวลาส่วนตัวที่ชัดเจนมากขึ้นเพราะนั้นเปรียบเสมือนกับการที่เค้าหรือเธอเหล่านั้นได้หยุดพักและได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำนั้นเอง ซึ่งถ้าใครคิดว่ามันไม่จำเป็นละก็เราอยากให้เพื่อนเพื่อนลองคิดดูใหม่เพราะเจ้าเวลาส่วนตัวนี้แหละที่จะทำให้ตัวคุณนั้นเหมือนได้พักผ่อนอย่างเต็มที่โดยคำว่าส่วนตัวนี้ไม่ได้หมายถึงต้องอยู่คนเดียวเพียงแต่ว่ามันคือช่วงเวลาที่เค้าสามารถใช้มันทำในสิ่งที่แต่ละคนอยากทำได้โดยเพียงแค่บอกอีกฝ่ายเท่านั้นเองอย่างเช่น ขอเวลาในเช้าวันเสาร์สำหรับการปลูกต้นไม้ หรือ ช่วงเย็นวันศุกร์ก่อนเข้านอนอยากจะลองร้องเพลงในห้อง หรือ หลังจากทำงานติดต่อกันมาหลายวันก็อยากจะนอนพักในวันหยุดให้เต็มที่อะไรแบบนั้น นั้นแหละคือสิ่งที่เราอยากให้มีให้กันและกัน เพราะการได้ทำในสิ่งที่ชอบและการได้ใช้เวลาอย่างที่อยากใช้นั้นถือเป็นการเติมความสุขอย่างดีให้กับตัวเราเองเลยนะ

เป็นยังไงบ้างกับเรื่องราวที่เราเอามาให้เพื่อนเพื่อนได้อ่านกันเราคิดว่านสำหรับคนที่จะเริ่มต้นความฝันของการอยู่ร่วมกันมันน่าจะช่วยทำให้ความฝันนั้นเดินทางต่อไปได้อย่างสวยงามเลยนะ
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน