สิ่งที่พวกเราไม่ชอบเลยอย่างหนึ่งก็คือการที่พวกเราต้องไปตกอยู่ในสถานะการณ์ที่เราไม่ชอบบางอย่างแต่มันก็เลี่ยงไม่ได้หรอกเพราะว่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับเรานั้นมันไม่ได้สามารถเลือกให้เกิดได้ในแบบที่เราต้องการหรือไม่ต้องการดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ก็เพียงแต่ต้องยอมรับหรือต้องเตรียมตัวรับมือเรื่องเหล่านั้นให้ดีเพื่อที่ว่าเราจะได้ผ่านมันไปได้ด้วยดีนั้นเอง และเมื่อเราผ่านมันไปได้แล้วไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องราวอันแสนอึดอัดแค่ไหนแต่พอเราย้อนกลับมาคิดถึงมันเรื่องราวนั้นมันก็สร้างความตลกขบขันที่พวกเราสามารถเอามาเล่าให้เพื่อนเพื่อนฟังเพื่อนสร้างความสนุกในกลุ่มของเราได้อย่างแน่นอน

และพวกเราที่เพลินเพลินเองก็ชอบเวลาได้ฟังเพื่อนเพื่อนเล่าถึงเรื่องราวเหล่านี้มากมากด้วยเพราะนอกจากว่ามันจะฟังดูสนุกสนานและอีกทั้งมันยังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเพื่อนของเราจริงๆซึ่งนั้นทำให้เราเองพอได้ฟังเรื่องราวเหล่านั้นก็เอามาเป็นประสบการณ์เพื่อว่าสักวันหนึ่งหากเราเองนี้แหละที่ต้องตกอยู่ในสถานะการณ์แบบนั้นหรือใกล้เคียงเราก็อาจจะสามารถแก้ไขให้มันดีขึ้นและผ่านมันมาได้ด้วยดีเพื่อที่จะเอาเรื่องราวขำขำเหล่านั้นกลับมาเล่าให้เพื่อนเพื่อนได้ฟังกันอีกยังไงละ

เรื่องเซอร์ไพรส์
เราเป็นเชฟทำอาหารบนเรือ ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นหลายปีก่อนที่เค้าจะแต่งงาน ตอนนั้นเราไม่กล้าที่จะบอกแฟนเกี่ยวกับงานที่ทำ ซึ่งเวลาที่มีใครถามถึงตอนที่อยู่กับแฟนเราก็จะบอกแต่เพียงว่าเค้าทำงานบนเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ซึ่งต้องเดินทางไปตามที่ต่าง ๆ อยู่เสมอและไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก ซึ่งทำให้หลายคนรวมทั้งแฟนของเราเข้าใจผิดว่าทำหน้าที่เกี่ยวกับการเดินเรือ จนกระทั้งในวันเกิดของเราแฟนสาวแอบมาที่เรือเพื่อจะเซอร์ไพรส์เราแต่กลายเป็นว่าต้องเซอร์ไพรส์เองเพราะตอนที่เห็นเรายังอยู่ในชุดเชฟ ซึ่งนั้นคงทำให้เธอรู้ในทันทีว่าเราไม่ได้ทำงานในตำแหน่งที่เธอคิดก่อนจะถามเราว่า “คุณทำอาหารได้ด้วยเหรอ” ตอนนั้นมันเหมือนเวลาหยุดนิ่งและผ่านไปช้ามากมาก ซึ่งสำหรับเราแล้วมันช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนอึดอัดของเรามากมากแต่มันก็ผ่านมาได้ด้วยดีเพราะหลังจากที่เรากำลังจะร้องไห้เพราะเพราะกลัวว่าแฟนสาวจะโกรธแต่กลายเป็นว่าแฟนสาวของเรากลับเข้ามากอดเราและบอกต่อว่าหลังจากนี้เราก็ไม่ต้องไปทานอาหารนอกบ้านเพราะเรามีเชฟส่วนตัวแล้ว วันเกิดปีนั้นมันช่างเป็นวันเกิดที่พิเศษที่สุดจริงๆเพราะเราไม่ต้องปิดบังอะไรอีกแล้วและที่ดีที่สุดก็คือแฟนของเรายอมรับในตัวเราด้วย เรื่องครั้งนี้ทำให้เรารู้เลยว่ามันดีกว่าที่จะเปิดเผยตัวเองในแบบที่เป็นเพราะสักวันก็ต้องมีคนรู้อยู่ดี

เกือบไปแล้ว
ครั้งหนึ่งตอนที่เราอยากจะได้รถสักคนเพื่อที่จะเอาไว้เดินทางไปทำงานเพราะที่ทำงานใหม่ของเราห่างจากบ้านของเรามากและยังมีรถสาธารณะผ่านแค่นานๆครั้ง พอสรุปได้แบบนี้เราก็เลยมองหารถมือสองในอินเทอร์เน็ต ซึ่งก็ได้ไปเจอกับสามีภรรยาคู่หนึ่งที่กำลังต้องการปล่อยพอดี เราก็เลยตัดสินใจที่จะไปดูรถของเข้าและระหว่างที่เราตกลงกันได้แล้วเราก็คุยเรื่องอื่นๆระหว่างที่รอเอกสารบางอย่าง ซึ่งพวกเราก็แนะนำตัวและคุยกันไปเรื่อยจนกระทั้งเมื่อและสามีรู้ว่าเราทำงานเป็นช่างทำเล็บ เขาถามคำถามซึ่งดูเป็นคำถามเล่นๆกับเราว่า “ทำไมคนทำเล็บเจลถึงห้ามล้างจาน” ซึ่งเราตอบกลับไปแทบจะทันทีว่า “ห้ามอะไรที่ไหนล้างได้สิ” เท่านั้นแหละเราก็รู้สึกถึงพลังงานบางอย่างจากคุณภรรยา ซึ่งนั้นทำให้เราเข้าใจได้ทันทีว่าเธอคงไม่อยากล้างจานหลังจากทำเล็บมาแน่ๆ แต่ถึงตอนนี้คุณสามีต้องรู้แล้วว่าภรรยาเค้าหลอกแต่ด้วยไหวพริบเราคิดด้วยความเร็วว่าจะทำยังไงดีด้วยช่วงเวลาสั้นๆอันแสนว่างเปล่าในหัวเราในที่สุดเราก็คิดได้และตอบต่อไปทันทีว่า “เพียงแต่ว่าคุณต้องใช้ถุงมือกันน้ำแบบพิเศษเพื่อกันน้ำเข้ามาอย่างดี ซึ่งมันไม่มีใครอยากเปลืองกับของแบบนั้นหรอกดังนั้นการไม่ทำอะไรอย่างล้างจานสักหลายหลายวันมันจะดีกว่าไง” พอพูดจบภรรยาก็เสริมขึ้นมาทันทีถึงคุณสามีอาจจะไม่ค่อยเชื่อแต่เราก็รีบตัดบทแล้วขอตัวออกไปโทรศัพท์ข้างนอกก่อน หลังจากนั้นพอเอกสารมาถึงเราก็รีบขอตัวแยกย้ายกันไปและเราก็ได้แต่หวังให้คุณสามีเชื่อสิ่งที่เราพูดตอนท้ายนะ

ฝันเป็นจริง
วันก่อนตอนที่เราหลับและก็ฝันว่าเราถูกชมจากอาจารย์ให้ห้องเรียน แต่ก็ต้องตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์แล้วก็เพิ่งนึกได้ว่าเรากำลังนั่งเรียนคลาสเรียนออนไลน์อยู่ซึ่งทุกคนจะต้องเปิดกล้องเพื่อให้เห็นว่าพวกเรายังคงนั่งฟังกันอยู่ตลอดการเรียนแต่กลายเป็นว่า เราดันเผลอหลับไปในระหว่างที่อาจารย์กำลังสอนอยู่เพราะว่าเมื่อคืนเราเพิ่งอยู่ทำงานจนถึงเช้านั้นเอง ซึ่งที่เราตื่นก็เพราะเพื่อนร่วมคลาสของเราโทรมาปลุกและทันทีที่เรารู้สึกตัวก็ต้องเขินมากมากเพราะอาจารย์และเพื่อนในคลาสคนอื่นๆนั้นเห็นภาพเราที่เผลอหลับถึงแม้ว่ามันจะเพียวแค่ห้านาทีเท่านั้น ซึ่งเราคิดไม่ออกเลยว่าห้านาทีนั้นเราได้ทำอะไรเปิ่นๆไปบ้างอย่างเช่นการกรนหรืออาจจะเป็นท่าทางตลกๆหรือเปล่า แต่อาจารย์ก็พูดกับเราว่า “ไม่ต้องกังวลมันเป็นห้านาทีที่เพื่อนเพื่อนได้พักไปทำธุระส่วนตัวกันและเธอเองก็นอนอย่างสงบ” นั้นทำให้เราสบายใจขึ้นเยอะแต่ก็ทำให้วันนั้นเราเรียนไม่รู้เรื่องเลยแต่ก็ยังดีที่เราเผลอหลับไปแค่ห้านาที

ยืมต่อได้ไหม
แฟนของผมเป็นนักอ่านหนังสือตัวยงเลยก็ว่าได้ เพราะเธออ่านมันได้ทุกแนวตั้งแต่แบบนิทานหรือแนววิทยาศาสตร์แต่ที่หนึ่งเลยที่เธอชอบก็คือแนวสืบสวนสอบสวนนั้นเอง ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเธอเพิ่งไปได้นิยายนักสืบที่เป็นหนังสือหายากมากมากมาอ่านจากร้านหนังสือมือสองซึ่งวันนั้นเธอขึ้นไปนั่งอยู่ที่ชั้นสองของร้านกาแฟในระหว่างที่ผมกำลังเดินไปสั่งเครื่องดื่มจู่ๆก็ได้ยิ่งเสียงแฟนของผมร้องเสียงดังผมวิ่งไปหาเธอทันทีและก็พบว่าเธอทำหน้าตกใจและบอกกับผมว่าเธอเพิ่งโยนหนังสือลงจากที่นั่งลงไปชั้นล่าง และเมื่อผมถามว่าทำไมก็ได้คำตอบว่าในระหว่างที่กำลังอ่านหนังสืออย่างสนุกเธอพบกระดาษโน็ตเล็กๆซึ่งในนั้นเขียนบอกว่าใครคือคนร้ายในนิยายและนั้นคือเหตุผลที่เธอร้องเสียงดังออกมาเพราะว่ามันคือการเฉลยตอนจบของหนังสือนั้นเอง ซึ่งผมคงไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนั้นแล้วแต่ผมไปกังวลเรื่องที่ว่าหนังสือที่เธอโยนลงไปนั้นไปโดนใครซะมากกว่และตอนนั้นเองก็มีผู้ชายร่างสูงใหญ่เดินขึ้นมาพร้อมหนังสือผมเล่มนั้นพร้อมกับถามว่า “นี้หนังสือใคร” ผมและภรรยานิ่งไปสักครู่เพราะชายคนนั้นดูท่าทางน่าเกรงขามมากและเพราะไม่รู้ว่าหนังสือนั้นตกลงไปแล้วทำให้ใครเจ็บหรือเปล่าในหัวผมโล่งไม่มีอะไรเลยแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าต้องออกไปขอโทษซึ่งพอผมบอกออกไปชายคนนั้นกลับตอบกลับมาว่า “ถ้าคุณอ่านจบแล้วผมอยากจะขอยืมต่อได้ไหม” เพราะเค้าก็เป็นแฟนตัวยงที่หาหนังสือเล่มนี้อยู่นั้นเองซึ่งแน่นอนว่าพวกเราบอกตกลงและแลกเปลี่ยนเบอร์ติดต่อกันไว้ก่อนที่จะแยกกันไป

แล้วเพื่อนเพื่อนละเคยต้องตกอยู่ในสถานะการณ์แบบนี้บ้างหรือเปล่าแล้วคุณผ่านมันมาได้ด้วยไหวพริบแบบไหนลองส่งเรื่องของคุณมาเพื่อที่ว่าหากเพื่อนคนอื่นๆจะได้เอามาใช้กันด้วยบ้าง เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน