5 เรื่องที่ทำแล้วดีต่อตัวเราเองแต่ก็ต้องทำแบบพอดีด้วยนะ

ทุกวันนี้โลกของเราเล็กลงอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ไม่ใช้เพราะขนาดหรอกนะที่เปลี่ยนแปลงไป แต่สิ่งที่ทำให้มันเล็กลงนั้นก็คือพวกเราสามารถเชื่อมต่อพูดคุยหรือแม้แต่จะตรวจสอบสิ่งต่าง ๆ ในสถานที่ที่ห่างไกลออกไปจากที่เราอยู่โดยแทบไม่ต้องออกเดินทางไปไหนเลยแม้แต่ก้าวเดียวนั้นเพราะว่า มีการเชื่อมต่อโครงข่ายอินเทอร์เน็ตทำให้พวกเราสามารถสื่อสารกับคนอีกฝากฝั่งของโลกเราได้เพียงแต่ปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้นและสิ่งที่มาพร้อมกับความสะดวกสบายแบบนี้นั้นก็คือข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่มากถึงขนาดที่มีคนเคยกล่าวว่าหากเราเปรียบเทียบกับคนในอดีตเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนเรื่องการรับรู้ข้อมูลแล้วละก็หลายคนอาจจะต้องตกใจเพราะว่าพวกเราในตอนนี้ได้รับข้อมูลหนึ่งวันอาจจะมากกว่าคนยุคนั้นรับข้อมูลตลอดทั้งปีเลยก็ว่า แต่ยิ่งสะดวกสบายและมีข้อมูลต่าง ๆ มากเท่าไหร่พวกเราก็ยิ่งจะต้องหันมาใส่ใจกับเรื่องของการดูแลตัวเองกันบ้างเพราะทุกวันนี้หลายคนแทบจะไม่ขยับตัวไปไหนเลยในวันหยุดเพียงเพราะชอบที่จะนอนอย่างสบายบนเตียงเพื่อชมหนังหรือละครจากมือถือเท่านั้น

วันนี้พวกเราเพลินเพลินก็เลยอยากจะเอาเรื่องราวดีดีหลายหลายอย่างที่จะช่วยให้เพื่อนเพื่อนหันมาใส่ใจดูแลตัวเองให้มากขึ้นบ้างยังไงละ

เรื่องแรกเลยกับสิ่งใกล้ตัวนั้นก็คือเรื่องของการทานอาหารและสิ่งต่าง ๆ นั้นเองและสิ่งที่หลายหลายคนบอก็คือการดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 6- 8 แก้วนั้นเองแต่เพื่อนเพื่อนเคยสงสัยไหมว่าทำไมต้องเท่านั้นละ

อย่างแรกเลยนั้นก็คือร่างกายของเรานั้นประกอบไปด้วยน้ำถึง 60 เปอร์เซ็นต์เลยนะ และอย่างที่สองนั้นก็คือตัวเรานั้นจะทำการขับน้ำออกจากร่างกายจากส่วนต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน โดยการทำงานส่วนนี้ก็เพื่อลดความร้อนและระบายของเสียอีกทั้งจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ที่ร่างกายไม่ต้องการนั้นเองดังนั้นหากเพื่อนเพื่อนลองคิดตามดูว่าหากเราเอาแต่ขับน้ำออกไปโดยที่ไม่เติมน้ำเข้าไปเลยสัดส่วนน้ำในร่างกายของเราก็จะลดลงและแน่นอนว่ามันต้องส่งผลต่อการทำงานของหลายหลายส่วนนั้นเองจึงเป็นที่มาให้เกิดคำแนะนำในการทานน้ำต่อวันจำนวน 6-8 แก้วนั้นเอง และสิ่งที่เราเพลินเพลินต้องการจะบอกต่อไปนั้นก็คือหากเพื่อนเพื่อนทานน้ำมากเกิดไปไม่ว่าจะต่อครั้งหรือต่อวันมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีสักเท่าไหร่นัก เพราะว่าหากเรามีน้ำจำนวนมากเข้าไปในครั้งเดียว ร่างกายก็จะเร่งทำงานอย่างหนักในการระบายน้ำออกเช่นเดียวกันนั้นรวมไปถึงการที่คุณทานน้ำติดต่อกันมากมากทั้งวันด้วยเช่นเดียวกัน แต่เท่าไหร่ละมันถึงจะพอดีพวกเราเพลินเพลินก็เลยได้หาข้อมูลง่ายๆในการสังเกตุมาฝากเพื่อนเพื่อนนั้นก็คือ ให้เพื่อนเพื่อนใช้วิธีการจิบน้ำหรือดื่มน้ำแต่ละครั้งเพียงแค่เล็กน้อยแต่ลองดื่มบ่อยโดยอาจจะกะให้ได้ชั่วโมงละแก้วดูก่อนแล้วลองสังเกตุการไปเข้าห้องน้ำถ้าหากคุณต้องไปเข้าหลายครั้งในหนึ่งชั่วโมงนั้นก็แสดงว่าปริมาณที่คุณทานนั้นน่าจะมากกว่าที่ร่างกายต้องการนั้นเอง

แครอทมีวิตตามินสูงและดีต่อสายตาแต่ถ้าทานมากเกินไปคุณอาจจะต้องพบกับสิ่งที่คาดไม่ถึง
อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า แครอทมีวิตามินเอซึ่งดีต่อการมองเห็น ดังนั้นหลายหลายคนจึงเลือกที่จะทำอาหารง่ายจากแครอเช่นในสลัดหรือทำน้ำซุปเป็นต้น แต่คุณทราบไหมว่านอกจากแกอาจจะมีทุกอย่างแล้วมันยังมีสีเหลืองและส้มจำนวนมากอีกด้วยซึ่งหากคุณทานมันเข้าไปเป็นจำนวนมากเกินไปละก็มันจะทำให้ผิวของคุณ สีเหลืองหรือออกส้มส้มคล้ายกับแครอทดังนั้นถ้าคุณรู้สึกถึงสีผิวที่เปลี่ยนไปแล้วละก็เราก็ถึงเวลาที่ควรจะต้องลดปริมาณการทานลงแล้ว

การนอนที่ใครใครคิดว่าเป็นการทักทายแต่ถ้าหากว่าคุณนอนมากเกินไปปรับที่ทำให้คุณรู้สึกอ่อนล้า
การนอนเป็นสิ่งหนึ่งซึ่งไม่สามารถชดเชยได้ อย่างเช่นหากคุณต้องการการนอนหลับ6ชั่วโมง คุณไม่สามารถที่จะแบ่งเป็นนอนวันนี้ 4 ชั่วโมงแล้วไปนอนในวันเสาร์หรืออาทิตย์เพิ่มเป็น 8 ชั่วโมงได้ ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่า ช่วงเวลาที่เรานอนหลับนั้นมันคือช่วงที่ร่างกายของเรากำลังซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเองอยู่นั้นเองดังนั้นลองคิดดูว่าหากเวลา 6 ชั่วโมงของการนอนคือช่วงเวลาที่สามารถฟื้นฟูตัวเองแต่มันถูกลดลงเหลือ 4 ชั่วโมงมันจะทำเสร็จทันได้อย่างไร และในทางกลับกันหากคุณให้เวลามากขึ้นเป็น 8 ชั่วโมงมันก็ไม่ได้ทำให้ฟื้นฟูอะไรได้มากขึ้นแล้วเพราะมันไม่มีอะไรให้ทำแล้วหลังจาก 6 ชั่วโมงที่นอนผ่านไปนั้นเอง อีกทั้งยิ่งเรานอนมากขึ้นกลับกลายเป็นว่าทำให้สมองของเราทำงานได้ช้าลงอีกด้วยนั้นเองดังนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือพยายามนอนให้ได้จำนวนชั่วโมงต่อวันนั้นให้เหมาะสมและถ้าเป็นไปได้ก็ควรเข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดิมทุกวัน โดยช่วงเวลาที่ดีก็คือนอนก่อน 22.00 และตื่นนอนในช่วง ตี5 หรือ 6 โมงเช้านั้นเองเพราะเป็นช่วงที่ระบบในร่างกายจะได้พักและทำงานได้อย่างครบถ้วนนั้นเอง

การแปรงฟันจะช่วยทำความสะอาดได้อย่างดีทำให้ฟันไม่ผุแต่ถ้าคุณแปรงบ่อยเกินไปแล้วละก็
สิ่งที่เราจะได้จากการแปรงฟันก็คือการขจัดเศษอาหารหรือคราบต่าง ๆที่อยู่ภายในร่องฟันของเรานั้นเองซึ่ง ใครใครก็รู้ว่าหากเรามีคราบที่ฟันหรือสิ่งตกค้างก็อาจจะทำให้เกิดการปวดฟันจากฟันผุได้ ดังนั้นการแปรงฟันที่ถูกวิธีจึงเป็นส่วนช่วยป้องกันสิ่งเรานั้นแต่ก็มีหลายคนหลงคิดไปว่าหากเราแปรงฟันบ่อยๆก็น่าจะดีสินะเพราะฟันเราก็จะสะอาดตลอดเวลาแต่อันที่จริงแล้วมันตรงข้ามเลยเพราะฟันของเรานั้นประกอบไปด้วยแคลเซียลเป็นหลักและมันก็สามารถสลายได้จากการขัดหรือกัดเซาะดังนั้นการแปรงฟันบ่อยๆหรือแรงมากเกินไปจึงอาจจะได้ผลตรงข้ามนั้นก็คือทำให้ฟันของคุณสึกหรือกร่อนมากขึ้นก็ได้นะ

การออกกำลังกายคือสิ่งที่ร่างกายต้องการแต่การออกกำลังกายมากเกินไปกลับให้ผลตรงข้ามเลยนะ

ใครๆก็ต้องบอกว่าสิ่งที่ควรทำในแต่ละวันก็คือการออกกำลังกายแต่เพื่อนเพื่อนทราบไหมว่าการออกกำลังกายขึ้นมาตั้งนั้นการออกกำลังกายที่พอดีและพอเหมาะกับเขาแล้วนั่นเองเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่คุณกำลังออกกำลังกายอยู่ได้ก็คือการนำพลังงานจากกล้ามเนื้อและส่วนต่างๆมาใช้งานซึ่ง ในขณะที่คุณทำได้อย่างไรสมร่างกายของคุณก็จะสามารถฟื้นฟูและกลับมาแข็งแรงได้ยิ่งขึ้นในการที่คุณนอนหลับพักผ่อนแต่หากว่าคุณทำมันมากเกินไปนั่นหมายความว่าร่างกายของคุณตั้งอยู่ในกล้ามเนื้อและพลังงานสะสมออกมาใช้และหากว่ามันมากเกินกว่าที่คุณจะนอนหลับพักผ่อนในหนึ่งวันแล้วละก็สิ่งที่ตามมาก็คือความอ่อนล้าที่จะสะสมไว้ยังไงละ ดังนั้นเราจึงอยากให้เพื่อนเพื่อนลองค่อยๆออกกำลังกายและทานอาหารอย่างเหมาะสมไปพร้อมๆกันโดยสังเกตุเอาจากการตื่นนอนในวันถัดมาก็ได้หากคุณยังรู้สึกอ่อนล้าหรือหมดแรงแล้วละก็คงต้องลดจำนวนการออกกำลังการที่คุณทำลงแล้วละนะ เพราะนั้นเป็นสัญญาณง่ายๆที่บอกว่าร่างกายของคุณยังไม่พร้อมสำหรับการออกกำลังกายที่หนักหน่วงแบบนั้นนั้นเอง

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน