คำสอนจากสิ่งที่พ่อแม่ที่เลี้ยงดูลูกๆให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้ดี

หลายคนชอบเปรียบเปรยว่าเหล่าบรรดานิสัยหรือลักษณะเด่นๆของเพื่อนเพื่อนที่เราพบอยู่รอบตัวเรานั้นมันจะมีความแตกต่างกันไปตามสถานที่ท้องถิ่น ซึ่งที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่ามันมีเรื่องของการสืบทอดวิธีการต่าง ๆ ซึ่งพวกเราเองก็ได้เรียนรู้จากการที่เราได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนั้นมาตั้งแต่เล็กๆและอาจจะไม่รู้ตัวมาก่อนเลยว่าเราเองก็มีลักษณะแบบนั้นมาได้อย่างไร แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่พวกเราเพลินเพลินมองเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมากมากเลย นั้นก็คือการสอนให้เหล่าบรรดาเด็กๆของเรานั้นรู้จักการดูแลตัวเองนั้นเอง เพราะไม่ช้าก็เร็วพ่อแม่หลายๆคนก็จะต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าลูก ๆ ของพวกเขานั้นต้องออกไปเผชิญหน้ากับปัญหาต่าง ๆ ด้วยตัวคนเดียวให้ได้แต่มันก็คงมีขั้นตอนและรูปแบบที่แต่ละครอบครัวใช้สอนให้พวกเค้าเหล่านั้นรู้จักเติบโตและหันมามีหัวคิดในการทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเองนั้นเอง

วันนี้พวกเราก็เลยเอาเรื่องราวดีดีเหล่านั้นมารวมแบ่งปันกับเพื่อนเพื่อนเพื่อว่าจะต้องนำไปใช้งานในสักวันหนึ่งยังไงละ

เพื่อวันที่เติบโต

ในตอนที่พวกเขายังเด็ก เราบอกตัวเองเสมอว่าสักวันหนึ่งพวกเค้าจะต้องแข็งแกร่งพอที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเองและนั้นทำให้  “เราเลี้ยงพวกเขา แบบที่ให้พวกเขาเติบโตและออกไปมีชีวิตของตนเอง” โดยที่เราฝึกให้เค้าทำสิ่งต่าง ๆ อย่างเช่นงานบ้านและแบ่งหน้าที่กันทำงานเล็กๆน้อยๆ รวมไปถึงการพูดคุยกันอย่างสบายๆในทุกๆเลย ทำให้ในทุกวันนี้พวกเขาแต่ละคนเติบโตและย้ายออกไปมีครอบครัวเล็กๆของตัวเองกันหมดแล้ว แต่พวกเราก็ยังคงพูดคุยและค่อยแนะนำเรื่องราวต่าง ๆ ให้กันอยู่เหมือนเดิม

ปรับตัวให้เข้าได้กับทุกสถานการณ์

บางครั้งลูกๆของเราก็โตพอที่จะเลือกทำหรือเลือกเป็นในสิ่งที่เค้าอย่างทำและอยากเป็นและพวกเค้าเติบโตและรู้จักคิดมากกว่าที่เราเห็นซะอีก เพราะหลังจากที่ลูกของเราย้ายเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยและต้องออกไปอยู่ที่หอพักนักศึกษานั้น เราก็พบว่าอันที่จริงแล้วเค้าเลือกทานอาหารแบบมังสวิรัติมานานแล้ว แต่เราไม่ทราบเรื่องนี้เลยเพราะทุกครั้งที่เค้าทานอาหารที่บ้านเค้าก็จะทานทุกอย่างตามปกติ และเมื่อลองถามเค้าว่าทำไมไม่บอกเรื่องนี้เพราะเราจะได้เตรียมอาหารไว้เฉพาะของเค้าได้ แต่คำตอบที่ได้ก็ทำให้เรารู้ได้เลยว่าเค้าเติบโตขึ้นมาขนาดไหน เพราะเค้าบอกเราว่า “เราไม่สามารถเลือกทุกอย่างให้เป็นอย่างที่เราอยากเป็นได้ และการปรับตัวเพื่อไม่ให้คนอื่นต้องวุ่นวายมันง่ายกว่าที่จะให้คนอื่นทำในสิ่งที่เราต้องการ”

สิ่งเล็กๆแทนความห่วงใย

ครอบครัวเราอาจจะไม่ได้มีฐานะที่ดึถึงขนาดอยากได้อะไรก็ได้ แต่พวกเราก็สอนให้ลูกๆรู้จักการแบ่งปันและสนใจความรู้สึกของผู้อื่นอยู่เสมอ และเมื่อลูกๆของเราต้องย้ายออกไปมีครอบครัวเล็กๆของตัวเอง เราก็ไม่เคยเหงาเลยเพราะในทุกๆช่วงวันหยุดทุกครั้งที่แต่ละคนสามารถว่างจากงานที่ทำพวกเค้ามักจะกลับมาหาเราด้วยรอยยิ้มและอ้อมกอดที่อบอุ่น พร้อมกับขนมหรือของฝากเล็กๆน้อยๆเสมอ

ข้อดีของระยะห่าง

ก่อนหน้านี้ลูกของเรามักจะออกไปเรียนและกลับมาอยู่ในห้องของเค้า ซึ่งพวกเราได้คุยกันน้อยมากมากในแต่ละวัน แต่พวกเราก็ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันเป็นครั้งคราวและที่สำคัญคือเรามักจะพูดคุยกันแบบเปิดใจเสมอๆเพราะเราคิดว่าบางครั้งเด็กๆอาจจะมีคำถามที่ไม่กล้าถาม และบางครั้งเราก็มีเรื่องที่ต้องสอนเค้า ซึ่งนี้คงเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในการสอนเด็กๆของเรา เพราะหลังจากเค้าต้องย้ายออกไปเรียนที่ต่างเมืองสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือพวกเราได้พูดคุยกันมากขึ้นถึงแม้จะผ่านหน้าจอโทรศัพท์แทนก็ตาม แต่นั้นทำให้เรารับรู้ได้ว่าพวกเค้ายังคิดถึงเราเสมอ

โตแล้วดูแลตัวเองได้

ตั้งแต่ลูกชายฉันย้ายออกไปอยู่หอพักเขาก็ใช้เงินแค่หนึ่งพันต่อต่อสัปดาห์ในการซื้อของกินของใช้ด้วยตัวเอง ในขณะที่ค่าใช้จ่ายของของฉันลดลงไปมากตั้งแต่เขาย้ายออกไป แต่น่าแปลกที่เขากลับยังมีรูปร่างที่แข็งแรงสมบูรณ์เหมือนกับตอนที่อยู่กับเราเลย มันอาจเป็นเพราะการที่เราได้สอนให้เค้ารู้จักการเลือกสิ่งที่เหมาะกับสิ่งที่มีตั้งแต่เล็กๆนั้นเอง ทำให้เค้าซื้อของและการรู้จักเลือกสิ่งที่สามารถทดแทนสิ่งต่าง ๆ ที่แทนกันได้ด้วยราคาที่ดีกว่านั้นเอง และนั้นทำให้เรามั่นใจว่าเค้ามีวินัยทางการเงินและความร้ในการเอาตัวรอดมากขนาดไหน

เรายินดีที่ทุกคนสามารถเติบโตออกไปใช้ชีวิตของตัวเองได้อย่างดีและยังคงคิดถึงครอบครัวของพวกเค้าอยู่เสมอ เพราะสิ่งที่เราอาจจะหาไม่ได้แล้วนั้นก็คือคนที่รักและห่วงใยเรามากที่สุดโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆยังไงละ