11 เรื่องราวดีๆสำหรับเติมกำลังใจให้กันและกัน

สิ่งดีๆมักจะเกิดขึ้นเมื่อคุณไม่คาดหวัง และมันก็สามารถมาจากที่ใดก็ได้ราวกับว่าโลกกำลังบอกว่ายังคงมีความดีเหลืออยู่ อย่างบางคนก็เจอคนขับรถไปส่งฟรี หรืออาจเป็นกลุ่มคนที่ช่วยคุณตามหาสุนัขที่หายไป

ในช่วงเวลาแห่งการสิ้นหวังและหมดหนทาง การได้ฟังเรื่องราวที่พิสูจน์ว่าความหวังและสิ่งดีดีแบบไม่คาดฝันยังคงมีอยู่ในพวกเราทุกคนนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่ช่วยสร้างกำลังใจและส่งต่อความหวังดีให้กับพวกเราทุกคนวันนี้เพลินเพลินก็เลยขอโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อเรื่องราวดีดีเหล่านี้เพื่อให้เพื่อนเพื่อนของเราได้เดินหน้าต่อไปได้

    เรื่องแรกเพื่อนที่ไม่รู้จัก

ค่ำวันนั้นพวกเราขับรถออกไปซื้อของที่ร้านอาหารแบบไดร์ฟทรู ซึ่งมันก็ดูปรกติทุกอย่างแต่ตอนที่เราขับรถไปรับอาหาร และยื่นบัตรให้แคชเชียร์ เขากลับก็บอกกับผมว่า “ลูกค้าคนก่อนหน้าจ่ายเงินให้คุณเรียบร้อยแล้ว และเขาฝากบอกว่า ขอให้เรามีความสุขกับมื้ออาการนี้” เรางงๆนิดหน่อยแต่ก็ตอบกลับไปว่า “งั้นผมจะจ่ายให้คนต่อไปครับ เพราะความสุขจากการได้รับควรจะต้องถูกส่งต่อไปเรื่อยๆ ” ซึ่งในตอนที่เราขับรถกลับบ้าน เรามีความสุขทั้งกับการได้ทานอาหาร และยังได้เลี้ยงอาหารเพื่อนที่เราไม่เคยรู้จักด้วย

    เรื่องที่สองแพเป็ด

มีบ่อน้ำอยู่ไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไรนัก และในบ่อมีลูกเป็ดตัวหนึ่งติดอยู่ที่นั่น ในตอนเย็นของทุกวันมันจะพยายามปีนขึ้นมานอนบนกิ่งไม้ที่ลอยอยู่บนน้ำ แต่ดูเหมือนว่ามันจะหล่นจากกิ่งไม้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามเจ้าเป็ดน้อยมันก็ไม่ปลอดภัยบนฝั่งเช่นกัน (เพราะแถวบ้านมีแมวอยู่ด้วย)  ฉันและสามีจึงตัดสินใจหาที่ที่ปลอดภัยกว่านั้นให้มันนอน โดยพวกเราเลยทำแพ และวางไว้ไม่ไกลจากกิ่งไม้ที่มันเคยนอน โชคดีที่มันรู้ว่าแพสร้างมาเพื่อมัน และเรามีความสุขมากที่เห็นมันหลับไปบนแพ © tatianos / Pikabu

© tatianos / pikabu

    เรื่องที่สามเพื่อนใหม่มีได้เสมอ

ประมาณ 4 ปีที่แล้วตอนที่ฉันขึ้นรถเมล์ พอขึ้นไปแล้วถึงรู้ว่าเราไม่มีเงินในกระเป๋าเลยสักบาท เพราะใช้เงินจนหมดกระเป๋าไปเมื่อคืนโดยไม่รู้ตัว เราจึงบอกคนขับไปว่าขอโทษด้วยค่ะ เราไม่มีเงินและกำลังจะเดินลงไป แต่ก็มีผู้หญิงที่ยืนข้างๆ เค้ากลับจ่ายค่ารถให้เรา พร้อมกับถามเราว่า “เราต้องลงรถที่เดียวกัน ถ้าไม่คิดอะไรมากเราจะทานอาหารสักมื้อกันก่อนจะแยกย้ายก็ได้นะ” ซึ่งเราก็ตกลงและหลังจากนั้นเราก็ยังคงนัดเจอเธออยู่เสมอ

© Kali2669 / reddit
ต้าวแมวตัวน้อยที่ได้ขาใหม่แล้ว
เรื่องที่สี่เรื่องดีดีจากเพื่อนในลิฟท์
หลังจากไปช็อปของมาเต็มมือ เราต้องเดินถือถุงหลายใบเข้าไปในอาคารอพาร์ตเมนต์ แต่ละหว่างที่เรากำลังจะขึ้นลิฟท์ก็ได้ยินเสียงใสใส เรียกเราจากด้านหลัง
เด็ก : พี่! พี่ทำมันฝรั่งหล่นนะและน่าจะยังมีอีกหลายอย่างเลยที่อยู่ในถุงนั้น
พวกเราเก็บทุกอย่างขึ้นมา และเด็กคนนั้นช่วยเราถือถุงอื่นอื่นเข้าไปในลิฟต์

เรา : ทำไมหนูถึงช่วยพี่หละคะ?

เด็ก : เพราะผมเป็นคนดีไงละ

เรา : อืมม และคนดีเนี้ยเค้าทำอะไรกันบ้างละ เราถามไปเพราะคิดว่าน่าจะหาเรื่องคุยสนุก ๆ ระหว่างขึ้นลิฟท์

เด็ก : คนดีเค้าก็มีเรื่องต่าง ๆ ที่เจอเหมือนกับที่เราต้องเจอนี้แหละครับ เพียงแต่ตอนที่ต้องเลือกทำเขามักจะเลือกทำในสิ่งที่ทำให้คนอื่น ๆ มีความสุขมันก็เท่านั้นเอง

การสนทนาของเราสิ้นสุดลง เมื่อมาถึงชั้นของเราและเด็กชายก็เดินต่อไป บางครั้งเราก็รู้สึกเหมือนกับว่าเด็ก ๆ รู้จักโลกใบนี้มากกว่าเราเสียอีก

    เรื่องที่ห้ายินดีต้อนรับ

ครั้งแรกที่เราเข้ามาเรียนให้เมืองเราเจอเรื่องใหม่ๆ มากมายและเรื่องหนึ่งก็คือการขึ้นรถไฟฟ้าเพราะเราไม่เคยขึ้นมาก่อนและเครื่องอัติโนมัติก็ดูเข้าใจยากสำหรับเรามากมาก ครั้งแรกที่เราไปขึ้นรถไฟฟ้าเรายืนอยู่หน้าตู้กดไปมาจนมีคนมาต่อแถวและเริ่มตะโกน ตอนนั้นเรายิ่งงงและรนไปอีกแต่ก็มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากแถวแล้วเข้ามาสอบถามว่าเราจะไปที่ไหนแล้วช่วยเรากดตั๋วออกมา หลังจากนั้นก็พูดกับเราว่า ขอต้อนรับสำหรับการเข้ามาใช้ชีวิตในเมืองครั้งแรกนะ เรารู้สึกดีมากมากเพราะการเดินทางมาเรียนครั้งนี้ เราต้องมาอยู่คนเดียวและเขาคือคนแรกที่บอกเราด้วยความข้อความที่ดูเป็นมิตร

 

เรื่องที่หกกระถ่างดอกไม้ให้คุณ

เราทำงานที่ร้านดอกไม้ มีอยู่วันหนึ่งเราต้องเอากระถ่างดอกไม้ออกไปรับแดด และต้องเก็บดอกไม้เหล่านั้นกลับเข้ามาในตอนเย็น แต่ดันลืมกระถางที่มีดอกพิทูเนียทิ้งไว้บนทางเท้า ซึ่งดอกไม้นี้มันมีราคาเท่าค่าแรงของฉันที่ได้รับในหนึ่งวัน กว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้วเรามาถึงตอนเช้าเราก็ไม่พบกระถ่างเลย แน่นอนว่าเราเสียใจมาก แต่ในช่วงเวลาอาหารกลางวัน ชายคนหนึ่งเข้ามาในร้านและพูดว่า “สวัสดีครับผมคิดว่านี่เป็นของคุณ ภรรยาของผมเห็นมันถูกว่างไว้จากหน้าต่างเมื่อวานนี้” และเขาคืนกระถางให้ฉัน ฉันไม่สามารถหาคำขอบคุณใดให้เขาได้ เขาช่างใจดี และซื่อสัตย์

    เรื่องที่เจ็ดในความจริงมีบางสิ่งซ่อนอยู่เสมอ

ปู่ของฉันมักจะหยิบเครื่องเทศ และแครกเกอร์เกลือ จากร้านอาหารที่เขาชอบไปกิน และยังชอบหยิบช้อนส้อม หรือบางครั้งก็ยังก็หยิบอาหารบางอย่างกลับมาด้วย หลังจากที่เขาเสียชีวิต พวกเราจึงไปที่ร้านอาหาร และบอกผู้จัดการเกี่ยวกับสิ่งที่ปู่ของฉันทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ผู้จัดการหัวเราะและกลับบอกเราว่า เขารู้จักกับปู่ของเราและปู่ก็มักจะให้ทิป เกินสำหรับสิ่งที่หยิบไปแทบทุกครั้งหรืออาจจะเอาของนั้นกลับมาให้เพราะเขาแค่ลืมติดมือไป และคำหนึ่งที่ผู้จัดการพูดขึ้นมาก็คือ ทุกครั้งที่ปู่มาที่ร้านนี้ก็เปรียบเสมือนเพื่อนคนหนึ่งที่แวะมาหาและทานข้าวด้วยกันนั้นแหละ นั้นยิ่งทำให้เรามองปู่ใหม่ในมุมที่เราไม่เคยเข้าใจมาก่อนเลย และในเรื่องที่เห็นมันอาจจะมีความจริงที่เราไม่รู้ซ่อนอยู่ก็ได้

    เรื่องที่แปดได้เพื่อนใหม่ซะงั้น

เช้าวันหนึ่งตอนนั้นสายมากแล้ว และมีงานหลายอย่างที่เราต้องทำ แต่พอเราวิ่งผ่านร้านซูเปอร์มาร์เก็ต ก็เห็นลูกแมวตัวหนึ่งกำลังสั่นเพราะความหนาว มันน่าสงสารมาก เราคิดว่าจะเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ต และซื้ออาหารให้มันแล้วก็ไปต่อ แต่เมื่อเราเข้าไปซื้ออาหารให้มันแล้ว…เอามาให้ เราก็ลืมธุระที่ต้องทำทั้งหมด จากนั้นเราก็พาลูกแมวกลับบ้านและใช้เวลาด้วยกันกับมันทั้งวัน มันนั่งบนตักเราให้ความรู้สึกอบอุ่นและทำให้ลืมทุกสิ่ง เนื่องจากธุระของเรารอได้ แต่แมวน้อย ๆ นี้รอไม่ได้ …

เรื่องที่เก้าเอ้อมกอดที่มองไม่เห็นจากเพื่อนผู้หวังดี

ตอนที่เราถูกปลดออกจากงานเมื่อหลายปีก่อน เรามีภรรยาและลูก 2 คนที่ต้องเลี้ยงดู เราไม่กล้าบอกเพื่อนเพื่อนเรื่องนี้และคิดว่าไม่น่าจะมีใครรู้ว่าเรากำลังลำบาก แต่แล้วเรากลับพบว่ามีคนส่งบัตรของขวัญที่สามารถนำไปซื้อของใช้จำเป็นต่าง ๆ ที่ร้านใกล้ๆบ้านของเรา และมันถูกส่งมาทุกอาทิตย์จนวันที่เราได้งานทำ และเราก็คิดว่ามันน่าจะมาจากเพื่อนสักคนที่ค่อยช่วยเหลือเราอยู่ และนั้นเองคือออมกอดที่มองไม่เห็นจากเพื่อนคนหนึ่งที่หวังดีกับเราเสมอ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เราก็ค่อยช่วยเหลือเพื่อนเพื่อนทุกคนเสมอไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่เรื่องไหนก็ทำหมด

    เรื่องที่สิบมีเพื่อนดีเพราะหมา

มีอยู่ครั้งหนึ่งสุนัขของเราหายไป เราก็เลยลงประกาศบนโซเชียลมีเดีย โดยโพสต์รูปสุนัขของพร้อมข้อมูลเล็กน้อย และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มีอาสาสมัครประมาณ 100 คนพร้อมให้ความช่วยเหลือ ทั้งนี้พวกเขาต้องขับรถมาหลายชั่วโมงเพียงเพื่อมาช่วยหาสุนัขของเรา … มันเป็นการสนับสนุนที่น่าทึ่ง … ในวันที่ 8 เราก็พบสุนัข แต่ตั้งตอนนั้นมาพวกเราและน้องหมาของเราก็มีเพื่อนมาเยี่ยมมากมายในทุกสัปดาห์

© dinosarahsaurus / imgur
เรื่องที่สิบเอ็ดเจ้านายผู้แสนดี

เราไม่ค่อยจะมีเงินมากนัก หลังจากเรียนจบและเราเพิ่งได้งานใหม่ทางด้านการตลาดเราต้องใส่ชุดนักเรียนเก่าไปทำงาน มันเล็กไปหน่อยสำหรับตอนนี้ซึ่งเราก็ใส่ไปทำงานมาระยะนึงแต่ในที่สุดก็มีคนสังเกตเห็น นั้นคือเจ้านายของเราเอง และเธอบอกว่าฉันแต่งตัวมาทำงานแบบนั้นไม่ได้ หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกันกลับบ้านไปแต่พอวันรุ่งขึ้นมีข้อความวางไว้บนโต๊ะทำงานแล้วเขียนว่า “ไปเจอกันในห้องพักหลังบ่าย 3 โมง” เราตกใจคิดว่าจะต้องโดนดูแน่ๆ แต่เมื่อไปถึงตามนัด ที่นั้นมีกระเป๋า และ เสื้อผ้าสวย ๆ ขนาดพอดีตัวเราอยู่ในถุงของชำ นอกจากนี้ยังมีเงินอีก 700 บาทในซองจดหมายซึ่งมันเป็นเงินจำนวนมากในปี 1993 ตอนนั้นฉันซาบซึ้งมากแต่ไม่มีใครบอกว่าใครเป็นคนเอามาให้ แต่เราคิดว่ามันน่าจะเป็นของเจ้านายของเรานั้นเอง ขอบคุณจริง ๆ กับสิ่งที่เขาได้ทำให้เรา

คุณมีเรื่องราวที่อยากจะแบ่งปันกับเราหรือไม่? แบ่งปันเรื่องราว รูปภาพและความคิดเห็นของคุณในเพจของเรา!

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน