เรื่องราวน่ารักๆ ขำๆของพ่อแม่จากการได้เลี้ยงดูลูกๆ

ช่วงเวลาที่สมบูรณ์ของบางคนอาจจะคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่ได้เริ่มต้นสร้างครอบครัวที่อบอุ่นการได้มีคู่สามีภรรยาได้ดูแลกันและกันช่างเป็นภาพในฝันที่สวยสดงดงามของใครหลายหลายคน และอีกสิ่งหนึ่งที่หลายครอบครัวอยากจะมีนั้นก็คือเจ้าตัวเล็กๆหรือบรรดาลูกน้อยที่จะมาเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวนั้นเอง แต่เพื่อนเพื่อนที่ยังไม่มีประสบการณ์การมีลูกมาก่อนก็คงจะยังไม่คาดคิดว่าการมีเจ้าตัวเล็กๆขึ้นมาสักคนนั้นเป็นเรื่องที่ใหญ่มากมากสำหรับเราเลยทีเดียว
เพราะมันไม่ได้แค่ต้องให้เวลาและความสนใจแต่อันที่จริงแล้วมันมีสิ่งต่าง ๆ อีกมากมายที่จะต้องคิดและจัดเตรียม ซึ่งแน่นอนว่ามันมีทั้งคาวมสุขและความเหนื่อยที่จะต้องเจอเมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ แต่พวกเราก็ยังเห็นเหล่าพ่อแม่ยิ้มได้อย่างเต็มที่เวลาที่ได้อยู่กับเหล่าลูกน้อยของเค้า วันนี้พวกเราเพลินเพลินก็เลยอยากจะเอาความน่ารักและเรื่องขำๆ ที่เหล่าบรรดาพ่อแม่ของเข้าเด็กน้อยส่งต่อและเล่าให้เพื่อนเพื่อนฟังเพื่อความสนุกนั้นเอง มาลองฟังกันเลยดีกว่านะ
พวกเราได้รวบรวมทวีตที่จะบอกเล่าความสนุกในการเลี้ยงลูก ซึ่งมันสร้างเสียงหัวเราะให้กับพวกเราเป็นอย่างมาก ดังนั้นพวกเราหวังว่าเรื่องราวเหล่านี้จะเป็นกำลังใจให้คุณเช่นกัน
เมื่อลูกชายคนโตพูดว่าเชื่อฉันสิ
พวกเรามีประสบการณ์ในการดูแลเด็กไม่มากก็น้อย เพราะตอนนี้เรามีลูกแล้วสองคนโดยคนแรกอายุได้ห้าขวบแล้วและอีกคนก็เข้าปีที่สองแล้ว และประสบการณ์อย่างหนึ่งที่ทำให้เรามั่นใจได้ว่ามันต้องมีอะไรกำลังเกิดขึ้นแน่ๆเมื่อ เจ้าลูกทั้งสองของเราเมื่อว่างแผนที่จะทำอะไรสักอย่าง อย่างล้าสุดคือตอนที่พวกเค้าพยายามช่วยกันขุดดินและทรายจากสนามหลังบ้านแล้วขนเข้ามาในบ้าน เพราะคิดว่าจะได้เล่นสนุกทั้งวันไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือนอกบ้าน และเมื่อวานขณะที่เรากำลังเดินผ่านห้องของเด็กๆแล้วได้ยินเสียงกระซิบที่ไม่เบาเท่าไหร่นักกำลังบอกว่า “พี่แน่ใจกับความคิดนี้หรอ?” และเมื่อเจ้าลูกชาย 5 ขวบตอบว่า “เชื่อฉันสิ” เพียงเท่านั้นเราก็ต้องวางทุกอย่างแล้วรีบเข้าไปคุยกับเด็กๆทันที เพื่อถามว่าพวกเค้าคิดและวางแผนจะทำอะไรกันอีก “เรียกว่าจัดการตั้งแต่ต้นตอเลยจะดีกว่า”

ผมคือประธานบริษัท
ความน่ารักสดใสของเด็กและความเข้าใจบางอย่างก็ทำให้พวกเราเหล่าผู้ใหญ่ต้องยิ้มและมีความสุขกับเรื่องที่พวกเค้าได้ทำลงไป อย่างล่าสุดเมื่อลูกสาวของเรา(อายุ 4 ขวบ) และเจ้าเด็กชายข้างบ้านที่อายุเท่ากัน (อายุ 4 ขวบ) ซึ่งพวกเค้าเข้ากันได้ดีและแม่แม่อย่างเราก็สบายขึ้นเพราะพวกเค้าจะเล่นสนุกสนานอยู่ในสวนหลังบ้านของพวกเราโดยจะสลับกันวิ่งเล่นในบ้านและผู้ปกครองอีกฝ่ายก็จะช่วยดูแลให้ทำให้พวกเราจะได้มีเวลาว่างไปทำธุระอื่นๆ แต่แล้ววันหนึ่งจู่ๆเจ้าเด็กชายข้างบ้านก็เดินเข้ามาแล้วพูดกับพวกเราที่กำลังเตรียมอาหารเย็นกันอยู่ว่า “เราจะแต่งงานกัน” ซึ่งพวกเราที่ได้ฟังก็ยิ้มและหัวเราะกับสิ่งที่เค้าพูดและสักครู่หลังจากเห็นท่าทางจริงจังของเค้า เราก็ถามไปว่า “แล้วคุณผู้ชายจะวางแผนดูแลเจ้าสาวยังไงบ้าง” ซึ่งคำตอบที่ได้ก็ยิ่งทำให้พวกเรายิ้มกว้างขึ้นไปอีก เพราะเค้าตอบกลับมาว่า “ปีหน้าผมจะเข้าอนุบาลและหลังจากเรียนจบก็จะทำงานเป็นเจ้าของบริษัท เพื่อที่จะได้ดูแลเธอ

ทางเลือก
บางครั้งเด็กเด็กก็มีความคิดที่เราคาดไม่ถึง อย่างล่าสุดก่อนเวลาอาหารเที่ยงสักเล็กน้อยเราก็บอกกับลูกว่า “มาทานข้าวได้แล้วไม่งั้นแม่จะปิดทีวีที่ลูกดูอยู่” ซึ่งเราคิดว่าเค้าจะรีบมานั่งที่โต๊ะเพื่อรอทานข้่าวอย่างทุกครั้ง แต่กลายเป็นว่าเค้าลุกไปปิดทีวีเองก่อนที่จะเดินไปเอาหุ่นยนต์ของเล่นมาเล่นที่กลางห้องพร้อมกับบอกว่า “ผมปิดทีวีแล้วก็ไม่ต้องทานข้าวแล้วใช่ไหม ตอนนี้ผมขอเล่นก่อนนะ” ทำเอาเราที่ยืนอยู่งงเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าเค้าจะเริ่มต่อรองเป็นแล้ว

คะแนนเต็มมาก
หลังจากที่เด็กๆเริ่มเข้าเรียนพวกเราพ่อแม่ก็มีหน้าที่ช่วยสอนและดูเด็กๆทำการบ้าน จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เราจะเปิดดูสุดจดหรือหนังสือของลูกๆเพื่อตรวจดูว่าพวกเค้ากำลังเรียนอะไรนอยู่ ซึ่งเราก็ไปพบกับสมุดวาดรูประบายสีของเค้าและเราก็เห็นรายมือของคุณครูที่เขียนอยู่มุมกระดาษเป็นตัวเลยว่า 7/10 ซึ่งอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาเราก็เปิดเจออีก แต่วันนี้เป็นตัวเลย 14/10 พอเห็นแบบนั้นก็ประหลาดใจกับตัวเลขคะแนนเพราะมันก็น่าจะเต็มแค่ 10/10 สิด้วยความสงสัยเราเลยเขียนลงบันทึกส่งให้ครูเกี่ยวกับตัวเลขคะแนนั้น และวันรุ่งขึ้นคุณครูก็โทรกลับมาเกี่ยวกับคะแนนการวาดรูปที่เราพบ ซึ่งคำตอบก็ทำให้เราเขิลแล้วรีบวางสายไปในทันที่ เพราะคุณครูตอบว่า “นั้นไม่ใช่คะแนนนะแต่เป็นวันที่ส่งภาพวาดต่างหาก และครูยังบอกอีกว่าที่โรงเรียนของเราไม่คิดว่าศิลปะและความคิดของเด็กๆ จะนำมาคิดเป็นคะแนนได้เพราะมันคือจินตนาการของแต่ละคน”

คำตอบที่เหมือนจะไม่ได้คำตอบ
ก่อนที่จะถึงวันเกิดของลูกสาวเราที่ปีนี้เค้าอายุ 3 ขวบแล้ว เราก็นั่งคุยกันถึงสิ่งของและอาหารที่จะเตรียมไว้สำหรับจัดงานซึ่งก็ทำรายการต่าง ๆ ออกมาได้ไม่ยากนักจนมาถึงเรื่องของเค้กเมื่อเราถามว่าลูกต้องการเค้กแบบไหน แต่เจ้าตัวเล็กกลับตอบว่า “แบบเค้กวันเกิดไงแม่ ไม่เอาแบบวันอื่นนะเพราะมันคือวันเกิด” พูดเหมือนกับจะบอกเราว่าวันเกิดจะให้เลือกเค้กปีใหม่หรือไงอะไรทำนองนั้น

ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก brightside — เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน