ถ้ามีคนกล่าวคัดค้านในงานแต่งงานของคุณแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น

งานแต่งงานในฝันของหลายหลายคนก็คือการได้แต่งตัวในชุด เจ้าสาวแสนสวยสีขาวยาวเหมือนกับในนิยายหรือในนิทานที่เราเห็นตั้งแต่เด็กเด็กซึ่งแน่นอนว่าในขั้นตอนของการแต่งงานย่อมต้องมีประธานหรือบาทหลวงที่ออกมากล่าวคำพูดดีดีเพื่ออวยพรและทำพิธีให้กับคู่บ่าวสาว และหนึ่งในประโยคนั้นที่ทุกคนต้องถามขึ้นมาก็คือ “มีใครจะกล่าวคัดค้านการแต่งงานครั้งนี้หรือไม่”

ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ไม่เคยเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นในชีวิตจริงคงมีเพียงแต่ในหนังเท่านั้นที่จะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนเพื่อนสงสัยกันบ้างไหมว่าอันที่จริงแล้วหากเราหรือใครซักคนนึงกล่าวคำคัดค้านในงานแต่งงานมันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่มันจะเป็นอย่างไรหนังที่เราดูหรือจะเป็นอย่างอื่น วันนี้พวกเรา เพลินเพลินก็เลยได้หาข้อมูลของเรื่องราวเหล่านี้มาให้คุณได้ชมได้อ่านกันไปอ่านกันเลยดีกว่า

เมื่อมีการคัดคานเกิดขึ้นงานแต่งงานของคุณอาจถูกยกเลิก

เราอยากให้เพื่อนเพื่อนทราบก่อนว่าเจ้าขั้นตอนการจดการงานแต่งแบบนี้นั้นมันเป็นประเพณีนี้ได้เกิดขึ้นโดยคริสตจักรเมื่อนานมาแล้ว โดยย้อนกลับไปในช่วงศตวรรษที่ 12 ซึ่งในตอนนั้นการจัดพิธีแต่งงานและการเรียกเหล่าแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานนั้นอันที่แท้จริงก็แค่เพื่อรับรองความถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้นเอง ซึ่งแน่นอนว่าก่อนหน้านั้นจะต้องมีการวางแผนบอกกล่าวกับเพื่อนบ้านต่าง ๆ อย่างเป็นทางการ ซึ่งแน่นอนว่าการที่ต้องบอกล่วงหน้านั้นเพื่อให้เกิดการเตรียมตัวหรือในอีกนัยหนึ่งก็เพื่อการบอกต่อเรื่องราวให้กับคนอื่นๆได้ทราบเพื่อที่ว่าหากเพื่อนเพื่อนหรือญาติมีข้อมูลอะไรที่สำคัญจะได้มีเวลาในการต้นหาข้อมูลเหล่านั้นเพิ่มเติมด้วย และข้อมูลหรือเหตุผลที่จะเตรียมการมาเพื่อบอกปฏิเสธการแต่งงานครั้งนั้น ก็จะต้องเป็นข้อมูลของตัวบ่าวสาวที่ทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมาได้อย่างเช่น คู่บ่าวสาวได้แต่งงานกับบุคคลอื่นอยู่ก่อนแล้ว การกล่าวคำปฏิญาณที่มีอยู่ก่อนแล้ว รวมไปถึงเรื่องอายุเพราะหากมีคนใดคนหนึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ และไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก็จะไม่สามารถดำเนินการต่อได้

ซึ่งในนิวซีแลนด์ เราก็ได้พบว่าคุณยังสามารถยื่นหนังสือหรือตำคัดค้านหลังจากงานแต่งได้อีกด้วย โดยคุณต้องมีเหตุผลทางกฏหมายที่สนับสนุนเรื่องราวและข้อม฿ลที่ครบถ้วนในการสอบ เพื่อบอกให้สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วอย่างงานแต่งงานนั้นเป็นโมฆะ

นั้นก็หมายความว่าอันที่จริงแล้วมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเกิดเรื่องราวแบบในหนังขึ้นเพียงเพราะพระเอกมาบอกรักนางเอกเอาตอนที่ถึงวันแต่งงานแล้วนั้นเอง เพราะนั้นถือเป็นเหตุผลที่ใช้ได้

และวันนี้พวกเราก็อยากจะเอาเรื่องราวจากเพื่อนเพื่อนที่เคยไปร่วมงานแต่งงานแล้วบังเอิญได้อยู่ในสถานะการณ์ที่มีการคัดค้านงานแต่งขึ้นมาเล่าให้เพื่อนเพื่อนได้ฟังกันอีกด้วย

ผมไม่ได้รักเธอแล้ว
5 ปีก่อนเราได้ไปรวมงานแต่งของเพื่อนซึ่งในระหว่างขั้นตอนพิธีก่อนที่ประธานจะเข้ามา จู่ๆเจ้าบ่าวยืนขึ้น และเริ่มร้องไห้ต่อหน้าทุกคน บอกเจ้าสาวว่าเขาไม่ได้รักเธอมาสักพักแล้ว แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร มันอึดอัดมาก หลังจากที่ทั้งคู่ออกไป 10 นาที และกลับมาแต่งงานกันตามเดิม จนกระทั้งตอนนี้พวกเขายังอยู่ด้วยกันและมีลูก 3 คน (ไหนบอกจะไม่แต่งแล้วแต่อยู่กันนานกว่าบางคู่อีกนะนั้น)

มาบอกอะไรป่านนี้
เมื่อปีก่อนเราได้เป็นแขกรับเชิญในงานแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของเพื่อนสนิทซึ่งยานจากได้อย่างสวยงาม แต่คนทำงานแทบจะจำรายละเอียดของงานไม่ได้เลยแต่กลับจดจำผู้ชายคนหนึ่งได้อย่างแม่นยำนั่นก็เพราะว่าเค้าคนนั้นยืนขึ้นและประกาศคัดค้านการแต่งงานครั้งนั้นพร้อมกับให้เหตุผลว่าเขาคือคนที่แอบชอบเจ้าสาวมาตั้งแต่ตอนเรียนด้วยกันในชั้นประถม ทุกคนนิ่งไปสัก 1 นาทีหลังจากเค้าพูดจบก็มีพนักงานรักษาความปลอดภัยมาพาตัวเขาออกไปและการจัดงานก็ดำเนินต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (ถ้าจะบอกเอาวันสุดท้ายแบบนั้นอย่าบอกซะเลยดีกว่า)

การต่อรองที่เกิดขึ้นแบบเฉพาะหน้า

ใครบางคนสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อเติมเต็มสิ่งต่างๆและทำให้พิธีนี้น่าจดจำยิ่งขึ้น สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับอารมณ์ขันของคู่บ่าวสาวเป็นอย่างมาก นี่คือตัวอย่างบางส่วนจากพยาน:
พ่อผมแต่งงานกับภรรยาคนที่สาม ผมกับน้องชายก็ไปร่วมงานแต่งงานด้วย ตอนนั้นน้องผมอายุประมาณ 6 ขวบ ส่วนผมอายุ 10 ขวบ บาทหลวงถามว่าใครคัดค้านการแต่งงานครั้งนี้ น้องผมยกมือขึ้นอย่างสุภาพ พ่อเลยถามว่าทำไมถึงคัดค้านหละลูก น้องชายผมตอบว่า“ เพราะผมอยากให้พ่อสัญญาว่าจะพาผมไปเที่ยวเล่นทุกครั้งที่ผมต้องการก่อน แล้วผมจะอนุญาต”

คนช่างสงสัย
สำหรับงานพิธีใหญ่ใหญ่หรืองานสำคัญเราอยากจะบอกเพื่อนเพื่อนว่าบางครั้งการพาเด็กเด็กวัยกำลังสงสัยเข้ามาร่วมงานก็อาจสร้างปัญหาได้เช่นเดียวกันเพราะงานแต่งงานครั้งล่าสุดที่เราไปร่วมเป็นงานกลางแจ้งซึ่งในระหว่างพิธีตอนที่เค้ากำลังถามถึง คนที่จะมาคัดค้านงานแต่งงานจูจูก็มีเด็กน้อยคนหนึ่งยกมือและยืนขึ้นพร้อมกับบอกว่า “หนูคัดค้านค่ะ” ซึ่งเมื่อประธานสอบถามถึงเหตุผลก็ได้คำตอบแค่ว่า “แค่อยากรู้ว่าคัดค้านแล้วจะต้องทำยังไงต่อ” แล้วหลังจากนั้นดูเหมือนพ่อแม่ของแม่หนูน้อยคนนั้นก็ค่อยพาเธอเดินออกไปจากงาน

เรียบเรียงโดย เพลินเพลิน